- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 02 October 2017 11:13
- Hits: 4383
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ลุ้นบวกตามตลาดภูมิภาคหลัง PMI จีนดีกว่าคาด
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1,665-1,680 จุด โดยยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย ภายหลังตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ของจีนในเดือน ก.ย.ออกมาดีกว่าคาดการณ์ และทำจุดสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 52.40 จากเดือนส.ค.ที่ 51.70
อย่างไรก็ดี ตลาดฯอาจเงียบบ้างเนื่องจากเป็นวันหยุดระยะยาวเนื่องในวันชาติของจีน อย่างไรก็ดี สามารถเข้าลงทุนซื้อหุ้นที่คาดการณ์ว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 3/60 จะออกมาดีได้ โดยเริ่มที่กลุ่มแบงก์ที่คาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามา เพราะจะเป็นกลุ่มแรกที่จะประกาศผลประกอบการ แนะนำหุ้น SCB และ AAV
สำหรับ ปัจจัยในสัปดาห์นี้ก็ให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่จะประกาศในวันศุกร์นี้
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 ก.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,405.09 จุด เพิ่มขึ้น 23.89 จุด (+0.11%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,495.96 จุด เพิ่มขึ้น 42.51 จุด (+0.66%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,519.36 จุด เพิ่มขึ้น 9.30 จุด (+0.37%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 44.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 41.16 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 14.04 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.36 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 39.33 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 16.90 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีน, ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันชาติ ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดพิเศษ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 ก.ย.60) 1,673.16 จุด เพิ่มขึ้น 6.80 จุด (+0.41%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 304.09 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ก.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 ก.ย.60) ปิดที่ระดับ 51.67 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 ก.ย.60) ที่ 8.21 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.35 ตลาดจับตาถ้อยแถลงประธานเฟด-ตัวเลขศก.สหรัฐฯ มองกรอบวันนี้ 33.30-33.40
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยในปีหน้าไทยเข้าโครงการ Financial Sector Assess ment Program หรือ FSAP ทำให้ ธปท.จะต้องมาเอกซเรย์การกำกับดูแลสถาบันการเงินใหม่ทั้งหมดให้เทียบกับมาตรฐานสากล ช่วงนี้เป็นโอกาสที่เหมาะกับการปรับปรุง เพราะบางเรื่องก็เกี่ยวกับกระบวนการผ่านกฎหมาย รวมทั้งธนาคารพาณิชย์มีฐานะแข็งแรง
- ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 ต.ค.นี้ คาดว่าที่ประชุม กกร.จะมีการพิจารณาปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์จีดีพีในปี 2560 ใหม่ จากเดิมที่คาดว่าจะโต 3.5% เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่มีทิศทางที่ดีขึ้นโดยเฉพาะการส่งออกที่เติบโตถึง 13.2% ในเดือน ส.ค.สูงสุดในรอบ 55 เดือน
- การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เผยความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง ที่ได้ดำเนินการประมูลไปแล้ว 9 สัญญานั้น ประกอบด้วย เส้นทางช่วงนครปฐม-หัวหิน หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ประจวบคีรีขันธ์ชุมพร ลพบุรี-ปากน้ำโพ มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ วงเงินราคาประมูลรวมทั้ง 9 สัญญาอยู่ที่ 70,104 ล้านบาท
- "เอ็กซิมแบงก์" เผยภาคส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง หนุนยอดปล่อยกู้เติบโตดี คาดปีนี้ขยายตัว 5-6% ส่วนใหญ่จากสินเชื่อกลาง-ใหญ่ ขณะที่ "เอสเอ็มอี" ยังชะลอตัว ส่วน "เอ็นพีแอล" ยังต่ำ 3.6% ด้าน "ทีเอ็มบี" มองส่งออก ปี 2561 โต 4.8% มาจากบริษัทขนาดใหญ่สัดส่วน 89%
- คลังเมิน สร.กทพ.ยื่นศาลปกครองเบรกจัดตั้งกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ ยืนยันเดินหน้าตามกระบวนการเต็มสูบ ขยับเวลาขายหน่วยลงทุนเป็นต้นปี 2561 พร้อมเปิดรับฟังร่าง พ.ร.บ. พัฒนารัฐวิสาหกิจ ย้ำไม่ได้ทำเพื่อแปรรูป หรือแอบขายหุ้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- ADVANC (ไอร่า) คาด 3Q/60 มีกำไรสุทธิ 7,700 ล้านบาท ดีสุดในรอบ 5 ไตรมาส โดยสถานการณ์การแข่งขันเริ่มดีขึ้น กลยุทธ์ Subsidy เริ่มลดลง หันมาแข่งขัน ด้าน Package เพิ่มขึ้น คาดช่วยกระตุ้นให้มีการใช้งานในอุตสาหกรรม พร้อมคาดปี 61 กำไรสุทธิ +15.6% และคาด Div.Yield ประมาณ 4.3%
- HMPRO (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้าหาย 12 บาท กำลังเข้าสู่ช่วง High Season คาดว่า HMPRO จะสามารถทำยอดขายต่อสาขา (SSSG) โดย HMPRO เป็นหนึ่งในหุ้นที่มักจะมีการเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดในช่วงไตรมาส 4 และยาวต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1 ปีถัดไป
- CPALL (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้าหมาย 75 บาท คาดกำไรไตรมาส 3 ไม่ได้อ่อนตัวมากขนาดที่ตลาดกังวลเป็นผลจาก SSSG ที่มีโอกาสพลิกเป็นบวก 2% และ Promotion จากแสตมป์ ได้รับการตอบรับที่ดี ขณะที่เปิดสาขาตามเป้ากว่า 120 สาขาส่งผลให้คาดกำไรจากการดำเนินงานที่ 4,604 ล้านบาท (+13%YoY) พร้อมคาดกำไร Q4/60 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก High season ทั้งจากคนไทยและนักท่องเที่ยว รวมถึงเชื่อจะได้ประโยชน์จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเริ่มใช้เป็นวันแรก
ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อวันศุกร์ ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ หลังมีรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้พบปะกับนายเควิน วอร์ช ซึ่งเป็นอดีตผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหารือเกี่ยวกับการแต่งตั้งให้เขาดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน โดยนายวอร์ชเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่เฟดที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของเฟด
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,400.51 จุด เพิ่มขึ้น 44.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,425.10 จุด เพิ่มขึ้น 41.16 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,233.95 จุด เพิ่มขึ้น 14.04 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,755.22 จุด ลดลง 0.36 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,210.76 จุด เพิ่มขึ้น 39.33 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิดวันนี้ที่ 5,917.75 จุด เพิ่มขึ้น 16.90 จุด
ตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้เนื่องในวันชาติ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันหยุดพิเศษ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่ปธน.ทรัมป์เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนปฏิรูปภาษีต่อสมาคมผู้ผลิตแห่งชาติสหรัฐ (NAM) เมื่อวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ตลาดจับตาเป็นอย่างมาก หลังจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้เสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขั้นสูงสุดลงสู่ระดับ 35% จากปัจจุบันที่ 39.6% โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 49.94 จุด จากอานิสงส์เงินปอนด์อ่อนค่า
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) จากอานิสงส์ของสกุลเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) ได้เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2560 ซึ่งขยายตัวเพียง 1.5% เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 1.7% ในรายงานประมาณการก่อนหน้านี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 49.94 จุด หรือ +0.68% ปิดที่ 7,372.76 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับอานิสงส์จากการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลัง ONS เปิดเผยตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 2/2560 ที่ขยายตัวเพียง 1.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.3125% สู่ระดับ 1.3381 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ จากระดับ 1.3441 ดอลลาร์ ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนวันพฤหัสบดี
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์ ได้ช่วยกระตุ้นผลกำไรในต่างประเทศของบริษัทข้ามชาติเมื่อมีการแปลงสกุลเงินกลับมาเป็นสกุลปอนด์ โดยหุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นยูนิลีเวอร์ เพิ่มขึ้น 1.5% และหุ้นสมิธแอนด์เนฟฟิว ผู้ผลิตอุปกรณ์การแพทย์ระดับชั้นนำ เพิ่มขึ้น 1.1%
หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้น หลังเนชั่นไวด์ บิลดิง โซไซตี เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. หลังจากที่หดตัวลง 0.1% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบเป็นรายปีแล้ว ราคาบ้านปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% ในเดือนก.ย. หลังจากที่ขยายตัว 2.1% ในเดือนก่อนหน้า
หุ้นเพอร์ซิมมอน เพิ่มขึ้น 2.1% หุ้นเทย์เลอร์ วิมปีย์ เพิ่มขึ้น 1.9% และหุ้นบาร์ราตต์ เดเวลลอปเมนต์ส เพิ่มขึ้น 1.2%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) หลังหุ้นกลุ่มธนาคารยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะเริ่มคุมเข้มนโยบายการเงินในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ธนาคารได้กำไรมากขึ้นจากการปล่อยกู้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.5% ปิดที่ 388.16 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,329.81 จุด เพิ่มขึ้น 36.04 จุด หรือ +0.68% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,828.86 จุด เพิ่มขึ้น 124.21 จุด หรือ +0.98% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,372.76 จุด เพิ่มขึ้น 49.94 จุด หรือ +0.68%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ โดยก่อนหน้านี้ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ออกมาส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เช่นเดียวกับ BoE ที่ได้ออกมาส่งสัญญาณเช่นกันว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบทศวรรษในเดือนพ.ย.นี้
ด้านนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้ออกมากล่าวในทำนองเดียวกันว่า ECB จะเปิดเผยแผนลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในเดือนต.ค.นี้
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น ซึ่งรวมถึงหุ้นโรยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ เอจี ของเยอรมนี และหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนในการเจรจา Brexit ระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศแถบยุโรปตอนใต้ ซึ่งรวมถึงประเทศที่มีหนี้สินจำนวนมหาศาลอย่างกรีซ
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่สำคัญในภูมิภาคได้แก่ สำนักงานแรงงานเยอรมนีเปิดเผยในวันนี้ว่า อัตราว่างงานเดือนก.ย.ปรับตัวลงแตะระดับ 5.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ทางสำนักงานเริ่มจัดเก็บข้อมูลในเดือนม.ค. ปี 2535 ส่วนอัตราเงินเฟ้อในยูโนโซนประจำเดือนก.ย.ทรงตัวที่ 1.5% ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 1.6%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก 1: ดาวน์โจนส์ปิดบวก 23.89 จุด รับแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนฯ,กลุ่มการเงิน
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) โดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้พบปะกับนายเควิน วอร์ช ซึ่งเป็นอดีตผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหารือเกี่ยวกับการแต่งตั้งให้เขาดำรงตำแหน่งประธานเฟด สืบต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน โดยนายวอร์ชเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่เฟดที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของเฟด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,405.09 จุด เพิ่มขึ้น 23.89 จุด หรือ +0.11% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,519.36 จุด เพิ่มขึ้น 9.30 จุด หรือ +0.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,495.96 จุด เพิ่มขึ้น 42.51 จุด หรือ +0.66%
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 0.3% ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 1.1% และ ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.7%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนบวก โดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวขึ้น 0.75% ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.23%
ดัชนี หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น 0.34% โดยหุ้นกลุ่มการเงินเคลื่อนไหวในแดนบวกอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ออกมาส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้ทิศทางของเงินเฟ้อยังคงไม่แน่นอนก็ตาม นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มการเงินยังได้รับปัจจัยหนุนล่าสุดจากข่าวที่ว่า ปธน.ทรัมป์ ได้พบปะกับนายเควิน วอร์ช ซึ่งเป็นอดีตผู้ว่าการเฟด เพื่อหารือเกี่ยวกับการแต่งตั้งให้เขาดำรงตำแหน่งประธานเฟด สืบต่อจากนางเยลเลน โดยนายวอร์ชเป็นผู้ว่าการเฟดในปี 2006-2011 และได้ลาออกจากคณะกรรมการเฟด เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับโครงการซื้อพันธบัตรของเฟดตามมาตรการ QE
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่ปธน.ทรัมป์เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนปฏิรูปภาษีต่อสมาคมผู้ผลิตแห่งชาติสหรัฐ (NAM) เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ตลาดจับตาเป็นอย่างมาก หลังจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้เสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขั้นสูงสุดลงสู่ระดับ 35% จากปัจจุบันที่ 39.6% โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า รายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ ขยับขึ้น 0.1% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นโซเจนิกซ์ ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มเภสัชกรรม ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 172% หลังจากบริษัทประกาศความสำเร็จในการทดลองยาใหม่เพื่อรักษาโรคลมชัก
หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 7.6% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ประจำปีงบ 2560 และประกาศปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งรวมถึงลดจำนวนพนักงานบางส่วน
หุ้นโฮลฟู้ดส์ ขยับขึ้นเพียง 0.5% หลังมีกระแสข่าวว่าแฮกเกอร์พยายามขโมยข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้าที่ใช้บริการผ่านเครื่องรูดบัตรของทางบริษัท
อินโฟเควสท์