WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

43ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์อิงพักฐานรอปัจจัยชี้ใหม่-จับตาแผนปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ

       นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ อิงพักฐาน เนื่องจากดัชนีได้ปรับตัวขึ้นมามากแล้ว และเพื่อรอปัจจัยชี้นำใหม่ โดยเฉพาะจากต่างประเทศ ในเรื่องแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯที่จะเปิดในวันนี้ (25 ก.ย.) และในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ย.) จะมีถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะต้องติดตามด้วย รวมถึงให้ติดตามสถานการณ์ในเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ

          ส่วนปัจจัยในประเทศยังดีอยู่ ซึ่งในวันพรุ่งนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะพิจารณามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว และใกล้ปิดงบฯไตรมาส 3/60 แล้ว ก็อาจจะมีการทำ Window Dressing ด้วยซึ่งจะมาช่วยหนุนตลาดฯ

      ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ ต่างก็รอปัจจัยชี้นำใหม่เช่นกัน พร้อมให้แนวรับ 1,655-1,650 จุด ส่วนแนวต้าน 1,665-1,670 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

         - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 ก.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,349.59 จุด ลดลง 9.64 จุด (-0.04%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,426.92 จุด เพิ่มขึ้น 4.23 จุด (+0.07%), ดัชนี S&P500 ปิดที่  2,502.22 จุด ขยับขึ้น 1.62 จุด (+0.06%)

        - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้  ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 28.99 จุด, -0.10% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.94 จุด, -0.24% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 33.86 จุด, -0.41% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.61 จุด, +0.36% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 7.63 จุด, -0.07% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.35 จุด, +0.02% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.06 จุด, +0.00% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 142.98 จุด, +0.70%

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ก.ย.60) 1,659.05 จุด ลดลง 11.44 จุด (-0.68%)

        - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,971.91 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ก.ย.60

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 ก.ย.60) ปิดที่ระดับ 50.66 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.22%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ก.ย.60) ที่ 8.30 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 33.08 แข็งค่าหลังมีแรงขายดอลล์ทำกำไร มองกรอบวันนี้ 33.05-33.15

      - คลังยังคงส่งสัญญาณหนักให้"แบงก์ชาติ"ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงเพราะกังวลดอกเบี้ยที่อยู่ระดับ 1.5% แรงดึงดูดให้นักลงทุนทั่วโลกเข้ามากินส่วนต่างจากทั้งดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน ขณะเงินเฟ้อไร้แรงกดดัน มองควรปรับลดอย่างน้อย 0.5% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

         - สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานตัวเลขยอดสินเชื่อคงค้างในระบบของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ณ พ.ค. 2560 มียอดรวมทั้งสิ้น 4.97 ล้านล้านบาท ส่วนยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เฉพาะสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ที่รับเงินฝาก 8 แห่ง อยู่ที่ 2.46 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้มีเอ็นพีแอลที่เกิดใหม่ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท และพวกลูกหนี้ที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว กลับมาเป็นเอ็นพีแอลอีก 1.54 แสนล้านบาท

        - ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด รฟท.) ได้รับทราบรายงานความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน วงเงินลงทุน 2.8 แสนล้านบาท ระยะทางรวม 260 กิโลเมตร ขณะนี้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและรายละเอียดโครงการเสร็จเรียบร้อยแล้ว

      - รมว.คลัง ให้เปิดรับสมัครนิติบุคคลต่างประเทศออกพันธบัตร หรือหุ้นกู้สกุลเงินบาท (บาทบอนด์) ในประเทศไทยรอบพิเศษขึ้น โดยให้ผู้สนใจสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.-6 ต.ค. 2560 และเมื่อได้รับการคัดเลือกจะต้องออกบาทบอนด์ภายในวันที่ 1 พ.ย. 2560-31 มี.ค. 2561

       - ก.ล.ต.เล็งออกเกณฑ์ให้ผู้ออก DW เปิดเผยข้อมูลเพิ่ม หลังตรวจสอบเฉพาะเรื่อง เน้นกลุ่ม DW พบมีการรายงานข้อมูลไม่ครบถ้วน-ไม่เปิดเผยความเสี่ยงให้นักลงทุนรับทราบ

*หุ้นเด่นวันนี้

       - PSL (ไอร่า) เป้า 13.50 บาท คาดระยะสั้นได้รับปัจจัยบวกจาก BDI ล่าสุดอยู่ที่ 1,502 จุดทำระดับสูงสุดใหม่นับจาก พ.ค.57 ขณะที่คาดภาพรวมเรือเทกองระยะยาวมีแนวโน้มฟื้นตัว คาด BDI จะดีขึ้นได้ใน 2H/60 จากการปลดระวางเรือแนวโน้มเร่งตัวในระยะกลาง คาด Supply กองเรือในปีนี้จะเพิ่มต่ำราว 1-2% และปี 61 คาด Supply อาจคงที่หรือลดลงเล็กน้อย ขณะที่ผลงานเข้าใกล้จุดคุ้มมากขึ้น Q2/60 ผลงานปกติดีกว่าคาด ขาดทุนลดลงราวครึ่งหนึ่ง QoQ เหลือ 33 ล้านบาท จากคุมต้นทุน พร้อมปรับประมาณการปี 60 คาดขาดทุน 183 ล้านบาท ดีขึ้นจากเดิมคาดขาดทุนเกือบ 600 ล้านบาท และคาดพลิกกำไรปี 61

        - JWD (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 13.2 บาท กำไร H1/60 ฟื้นตัวแข็งแกร่งที่ 67% y-y  และคาดว่ากำไรจะเติบโตแข็งแกร่งขึ้นไปอีก 108% ใน 2H60F ความต้องการคลังสินค้าเริ่มกลับมาจากปีก่อนที่มีประเด็นเรื่องประมงผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ยังมี upside จากการทำ M&As และปัจจัยหนุนจากการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT

        - GFPT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 24 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/60 ทำจุดสูงสุดในรอบ 16 ไตรมาส +18% Q-Q, +54% Y-Y อยู่ที่ 585 ลบ. จาก High Season และตลาดไก่ส่งออกที่สดใสมาก โดยคาดว่าจะแตะ 8.5 พันตัน อีกทั้งต้นทุนวัตถุดิบยังถูกลงตามราคากากถั่วเหลือง และคาดส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกยังดีต่อเนื่อง พร้อมปรับกำไรสุทธิปี 60-61 ขึ้น 5% และ 6% เป็น 1,974 ลบ. +20% Y-Y และ 2,200 ลบ. +11% Y-Y ตามลำดับ

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ ขณะนักลงทุนซึมซับผลเลือกตั้งเยอรมนี-นิวซีแลนด์

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผันผวนในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนได้ซึมซับผลการเลือกตั้งของเยอรมนีและนิวซีแลนด์เมื่อวานนี้ โดยผลการนับคะแนนเบื้องต้นระบุว่า พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) และพรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลของนางอังเกลา แมร์เคิล ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรเยอรมนี ขณะที่พรรคเนชั่นแนลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีบิล อิงลิช แห่งนิวซีแลนด์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในครั้งนี้

       ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,851.54 จุด ลดลง 28.99 จุด, -0.10% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,344.59 จุด ลดลง 7.94 จุด, -0.24% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,247.41 จุด ลดลง 33.86 จุด, -0.41% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,231.86 จุด เพิ่มขึ้น 11.61 จุด, +0.36% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,442.05 จุด ลดลง 7.63 จุด, -0.07% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,771.39 จุด เพิ่มขึ้น 0.35 จุด, +0.02% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,388.77 จุด เพิ่มขึ้น 0.06 จุด, +0.00% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,439.43 จุด เพิ่มขึ้น 142.98 จุด, +0.70%

        นักลงทุนจับตานายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งจะจัดการแถลงข่าวในวันนี้ ขณะที่มีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า นายอาเบะจะประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อปูทางสู่การจัดเลือกตั้งในเดือนหน้า แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากพรรคฝ่ายค้านก็ตาม

     ทางด้านนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองโอซาก้า ในวันนี้

         ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผู้ว่าการ BOJ อาจจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อญี่ปุ่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐาน ที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 7 เดือน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 46.74 จุด อานิสงส์ปอนด์อ่อนค่า หลังนายกฯอังกฤษแถลงเรื่อง Brexit

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) ด้วยอานิสงส์จากการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลง หลังจากที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แถลงเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาว่าด้วยการที่อังกฤษได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เมื่อวานนี้

       ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน เพิ่มขึ้น 46.74 จุด หรือ 0.64% ปิดที่ 7,310.64 จุด

      หุ้นเฟรสนิลโล ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ เพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นริโอ ทินโต บวก 1% หุ้นแอสตราเซเนกา พุ่งขึ้น 3%

        หุ้นสมิธส์ กรุ๊ป ร่วงลงกว่า 5% หุ้นอีซี่เจ็ท ลดลง 0.6%

       เงินปอนด์อ่อนค่าเนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักเกี่ยวกับการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) โดยกล่าวเพียงว่า รัฐบาลต้องการให้มีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านระยะหนึ่ง ก่อนที่จะแยกตัวออกจาก EU โดยสิ้นเชิง ขณะที่ภาคธุรกิจและประชาชนชาวอังกฤษต้องการให้มีช่วงเวลาในการปรับตัวก่อนที่จะแยกตัวจาก EU

        นอกจากนี้ เกี่ยวกับประเด็นการจ่ายเงินแก่ EU ก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวออกไปนั้น นางเมย์กล่าวว่า อังกฤษจะปฏิบัติตามพันธกรณีทางการเงินที่มีต่อ EU แต่ไม่ได้ระบุตัวเลขจำนวนเงินที่จะจ่ายแก่ EU อย่างไรก็ดี มีรายงานข่าวว่า EU ต้องการให้มีการชำระเงินจำนวน 6 หมื่นล้านยูโร (7.186 หมื่นล้านดอลลาร์) แก่ EU ก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวออกไป เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบของอังกฤษต่องบประมาณของ EU

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดทรงตัว หลังนายกฯอังกฤษแถลงเรื่อง Brexit

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัวเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) หลังจากที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แถลงเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาว่าด้วยการที่อังกฤษได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เมื่อวานนี้

        ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.09% ปิดที่ 383.22 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 14.00 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 5,281.29 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน เพิ่มขึ้น 46.74 จุด หรือ 0.64% ปิดที่ 7,310.64 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ลดลง 7.68 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 12,592.35 จุด

       หุ้นลอรีอัลทะยาน 2.9% หุ้นอัลสตอมพุ่งเกือบ 5% หุ้นสมิธส์ กรุ๊ป ร่วงลงกว่า 5%

       ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอังกฤษไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักเกี่ยวกับการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) โดยกล่าวเพียงว่า รัฐบาลต้องการให้มีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านระยะหนึ่ง ก่อนที่จะแยกตัวออกจาก EU โดยสิ้นเชิง ขณะที่ภาคธุรกิจและประชาชนชาวอังกฤษต้องการให้มีช่วงเวลาในการปรับตัวก่อนที่จะแยกตัวจาก EU

        นอกจากนี้ เกี่ยวกับประเด็นการจ่ายเงินแก่ EU ก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวออกไปนั้น นางเมย์กล่าวว่า อังกฤษจะปฏิบัติตามพันธกรณีทางการเงินที่มีต่อ EU แต่ไม่ได้ระบุตัวเลขจำนวนเงินที่จะจ่ายแก่ EU อย่างไรก็ดี มีรายงานข่าวว่า EU ต้องการให้มีการชำระเงินจำนวน 6 หมื่นล้านยูโร (7.186 หมื่นล้านดอลลาร์) แก่ EU ก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวออกไป เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบของอังกฤษต่องบประมาณของ EU

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดขยับลงแค่ 9.64 จุด หลังคลายวิตกเกาหลีเหนือ

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเพียงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (22 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับรายงานข่าวที่ว่า เกาหลีเหนืออาจทำการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนในมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อตอบโต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ข่มขู่ว่าจะถล่มเกาหลีเหนือให้สิ้นซาก หากสหรัฐถูกคุกคาม โดยนักลงทุนมองว่าหากยังไม่มีการใช้มาตรการทางการทหารอย่างจริงจัง ก็ยังไม่มีอะไรน่ากังวล

       ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 9.64 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 22,349.59 ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 1.62 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 2,502.22 จุด ดัชนี Nasdaq บวก 4.23 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 6,426.92 จุด

     สำหรับ ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 0.4% ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.1% ดัชนี Nasdaq ลดลง 0.3%

      หุ้นแอปเปิลยังคงถ่วงตลาด โดยนักวิเคราะห์คาดว่าการดิ่งลงของราคาหุ้นแอปเปิลเกิดจากการรีวิวผลิตภัณฑ์ไอโฟน 8 (iPhone 8) และแอปเปิล วอทช์ (Apple Watch) ที่ไม่ค่อยน่าประทับใจนัก

        หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มโทรคมนาคมทะยาน 1.4%

        หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่นายจอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันจากรัฐแอริโซนา กล่าวว่า เขาไม่สามารถโหวตสนับสนุนร่างกฎหมายประกันสุขภาพ "คาสซิดี-เกรแฮม"

       ในสัปดาห์นี้ คณะกรรมาธิการการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐเตรียมเปิดการอภิปรายเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ เพื่อนำมาบังคับใช้แทนที่กฎหมายโอบามาแคร์ของรัฐบาลชุดก่อน โดยร่างกฎหมายดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า "คาสซิดี-เกรแฮม" ซึ่งผลักดันโดยวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันอย่าง บิล คาสซิดี และ ลินด์ซีย์ เกรแฮม

      นายออร์ริน แฮตช์ ประธานคณะกรรมาธิการการเงินของวุฒิสภา เปิดเผยว่า การพิจารณาร่างกฎหมายเฮลธ์แคร์ฉบับใหม่จะมีขึ้นในวันที่ 25 ก.ย.นี้ โดยวุฒิสภาจะลงมติว่าเห็นชอบในร่างกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ภายในวันที่ 30 ก.ย.

       เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติคัดค้านแผน "ยกเลิกและแทนที่" (Repeal and Replace) กฎหมายประกันสุขภาพของรัฐบาลชุดก่อน หรือ "โอบามาแคร์" ด้วยคะแนนเสียง 57 ต่อ 43 คะแนน

      พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา โดยมีจำนวนวุฒิสมาชิกทั้งหมด 52 ที่นั่งจากทั้งหมด 100 ที่นั่ง ทั้งนี้ การออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านของวุฒิสมาชิกนั้น ส่งผลให้พรรครีพับลิกันไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้เพียงพอต่อการโหวตล้มเลิกกฎหมายโอบามาแคร์ในวุฒิสภาได้ เนื่องจากพรรคต้องการเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 50 เสียง บวกกับคะแนนเสียงชี้ขาดจากรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ในฐานะประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง ในกรณีที่คะแนนเสียงเท่ากัน

        ส่วนทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจนั้น ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-บริการเบื้องต้นของสหรัฐ ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน โดยอยู่ที่ระดับ 54.6 ในเดือนก.ย. จากระดับ 55.3 ในเดือนส.ค.

       อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว

       ดัชนี PMI ภาคการผลิตแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน โดยอยู่ที่ระดับ 53.0 ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 52.8 ในเดือนส.ค.

      ดัชนี PMI ภาคบริการแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน โดยอยู่ที่ระดับ 55.1 ในเดือนก.ย. ลดลงจากระดับ 56.0 ในเดือนส.ค.

                อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!