- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 05 September 2017 16:27
- Hits: 1355
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นก่อนย่อตัวระหว่างวัน จับตาเกาหลีเหนือ-ประมูลโครงการใหญ่ในประเทศ
นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะแกว่งตัวในกรอบจำกัด โดยมีโอกาสปรับขึ้นก่อนที่จะย่อตัวลงมาเหมือนคล้ายกับเมื่อวานนี้ หลังจากช่วง 3-4 วันที่ผ่านมาดัชนีเริ่มทำยอดสูงแต่ละครั้งลดลง และมูลค่าซื้อขายเริ่มทรงตัวอยู่ที่ราว 44,000 ล้านบาท หลังจากพุ่งไปถึงราว 95,000 ล้านบาทเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เม็ดเงินที่เคยกระจายในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ ก็เริ่มลดลงและเข้ามาอยู่ในหุ้นกลุ่มขนาดกลางและเล็กเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีมากนัก ทำให้ภาพทางเทคนิคเปลี่ยนเป็นการแกว่งตัวในกรอบที่กำหนด
ส่วนปัจจัยต่างประเทศมีทั้งบวกและลบคละกัน โดยตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเมื่อคืนนี้เนื่องในวันแรงงาน ขณะที่ยังต้องติดตามสถานการณ์เกาหลีเหนือ, สถานการณ์น้ำท่วมในสหรัฐ ตลอดจนความคืบหน้าแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษี ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นต้น ด้านปัจจัยในประเทศ ยังต้องจับตาการประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ การจ่ายปันผลของบจ.
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,610 และ 1,607 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,626 และ 1,628 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก และตลาดน้ำมันนิวยอร์ก ปิดทำการวันจันทร์ที่ 4 ก.ย.เนื่องในวันแรงงานของสหรัฐ
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 25.13 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.38 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 57.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 14.23 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.97 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.06 จุด ,ดัชนี FBMKLCIตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 12.53 จุด และดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 3.08 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ก.ย.60) 1,619.11 จุด เพิ่มขึ้น 0.69 จุด (+0.04%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 858.95 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ก.ย.60
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ก.ย.60) ที่ 10.26 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.15/17 มองกรอบวันนี้ 33.10-33.20 นักลงทุนยังเกาะติดสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี
- ธปท.ขยายวงเงินสำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศเพิ่มเติมจาก 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หวังส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศ พร้อมผ่อนคลายกฎเกณฑ์แลกเปลี่ยนเงินของร้านรับแลกเงินเพิ่ม โดยให้ซื้อขายธนบัตรกับแบงก์ต่างชาติได้ตามเหมาะสม
- คลังเตรียมเสนอใช้มาตรา 44 ออกกฎหมายยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีส่วนต่างจากการถือหุ้นให้แก่นักลงทุน Angle Investor และกลุ่ม VC ในธุรกิจ Startup หวังดึงดูดให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่เกิดความสนใจที่จะทำธุรกิจสตาร์ทอัพมากขึ้น คาดร่างพ.ร.บ.เข้าครม.ปีนี้
- วันนี้กระทรวงพลังงานจะเสนอ กบง.พิจารณาผลการศึกษาของสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาฯที่เสนอภาครัฐให้สนับสนุนการผลิตไฟฟ้าบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) โดยอนุญาตให้ประชาชน ภาคเอกชนที่ติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อปมีไฟฟ้าไหลย้อนเข้าระบบจำหน่ายได้ในส่วนที่เหลือใช้โดยรัฐรับซื้อในราคาที่เหมาะสมเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งคณะวิจัยประเมินว่าจะมีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าตั้งแต่ 0.7-2.8 สตางค์ต่อหน่วย
- กทพ.จ่อขึ้นค่าผ่านทาง 2 เส้น พ.ย.61 ช่วงละ 5 บาท รอลุ้นผลคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภค เผยคนแห่ใช้ทางพิเศษบางปะอิน-ปากเกร็ดเพิ่มขึ้น เฉลี่ยเกือบ 8.5 หมื่นคันต่อวัน
- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ก.ค. 60 มี 6.22 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 41.83% ของจีดีพี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้านี้จำนวน 39,491 ล้านบาท
- สภาผู้ส่งออก (สรท.) เผยการส่งออกในเดือนกรกฎาคม 2560 มีมูลค่า 18,852 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 10.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทมีมูลค่า 635,791 ล้านบาท ขยายตัว 6.6% ส่งผลให้การส่งออก 7 เดือนแรกมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 132,399 ล้านดอลลาร์สหรัฐขยายตัว 8.2% ขณะที่มูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาท 7 เดือนแรก มีมูลค่า 4.57 ล้านล้านบาทขยายตัวได้ 5.9% ขณะที่ยังคาดการณ์การส่งออกปี 2560 ของไทยจะอยู่ 5% จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของคู่ค้า
- กสทช.กำลังพิจารณาเสนอทางออกให้กับธุรกิจทีวีดิจิตอล เพราะต้องยอมรับว่าจำนวนช่องที่มีอยู่มากเกินไป คือ 24 ช่อง แต่เม็ดเงินโฆษณามีอยู่ประมาณ 1 แสนล้านบาท และถูกแย่งตลาดจากสื่อดิจิทัล ออนไลน์อื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่า 1.8-2 หมื่นล้านบาท ขณะที่มีข้อเสนอขอคืนใบอนุญาต ซึ่งจากการศึกษากฎหมายแล้วไม่สามารถทำได้ แต่ถ้าจะทำต้องแก้กฎหมาย ด้วยการเสนอให้หัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ดำเนินการ
- เลขาธิการ สภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ข้อมูลภาวะสังคมไตรมาส 2/60 พบว่าการจ้างงานได้ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 37.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา 0.4% เป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในช่วง 4 ไตรมาส จากจ้างงานภาคเกษตรอยู่ที่ 11.6 ล้านคน เทียบกับ 11 ล้านคน ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 6.3%
*หุ้นเด่นวันนี้
- AUCT (เอเอสแอล) แนะ'ซื้อ'ให้ราคาเหมาะสมเฉลี่ย 8.30 บาท จากมุมมองแนวโน้มผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ภาพรวมเศรษฐกิจล่าสุดสภาพัฒน์ปรับคาดการณ์การเติบโต GDP ปีนี้สู่ระดับ 3.5-4.0% ซึ่งแรงซื้อของการบริโภคภาคเอกชนที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ที่ 3.2% หนุนการฟื้นตัวของตลาดรถยนต์มากขึ้น ถึงแม้ว่า AUCT จะได้รับผลจากการคุมเข้มสินเชื่อ แต่เชื่อว่าการขยายฐานลูกค้า และการกระจายความเสี่ยงพอร์ตนอกจากรถยนต์จะสามารถช่วยให้บริษัทกลับมามีทิศทางที่ดีได้อีกครั้ง
- COMAN (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ'ซื้อ'ให้ราคาเป้าหมาย 8.10 บาท คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/60 เพราะครึ่งหลังเริ่มเข้า High Season ท่องเที่ยว ทำให้ยอดขายซอฟท์แวร์โรงแรมเร่งตัวขึ้น และยังรับรู้กำไรของซินเนเจอร์ที่พัฒนาซอฟท์แวร์ร้านอาหารดังทั่วประเทศเต็มที่ เนื่องจากค่าใช้จ่ายซื้อหุ้น 51% ถูกบันทึกไปเกือบหมดแล้วในไตรมาส 2/60 ส่วนกำไรปีนี้พักฐาน -34% Y-Y เพราะล้างบางงบ ก่อนกลับมากระชากแรง +92% Y-Y ในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ PE2561 ลดเหลือ 21 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มเทคโนโลยี MAI ที่ 35 เท่า และคิดเป็น PEG เทียบการเติบโตเฉลี่ยปี 2561-2563 ต่ำเพียง 0.51 เท่า ขณะที่เงินสดในมือสูงถึง 2 บาท/หุ้น และไม่มีหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย
- MINT (ทรีนีตี้) แนะ'ซื้อเมื่ออ่อนตัว' ราคาเป้าหมาย 44.15 บาท อัตราการเติบโตที่สม่ำเสมอ มีการกระจายรายได้ในหลายประเทศ โดยรายได้หลักจากโรงแรมยังคงมีสัดส่วนใหญ่จากในไทย แต่ MINT ยังเดินหน้าขยายฐานรายได้จากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ธุรกิจร้านอาหารที่แม้จะมี SSSG ที่ยังต่ำ แต่เชื่อว่าร้านอาหารในประเทศยังคงมีอัตราการเติบโตทั้งยอดขายและจำนวนสาขา จึงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60-61 ที่ 5.7 พันล้านบาท และ 6.67 พันล้านบาท
ตลาดหุ้นเอเชียดีดขึ้นเช้านี้จากแรงซื้อเก็งกำไร ขณะตลาดจับตาสถานการณ์เกาหลีเหนือ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ จากแรงซื้อเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์เกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด หลังจากมีรายงานว่า เกาหลีเหนืออาจจะทำการทดลองยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ในวันเสาร์ที่ 9 ก.ย.นี้ เพื่อเฉลิมฉลองวันก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,533.38 จุด เพิ่มขึ้น 25.13 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,377.20 จุด ลดลง 2.38 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,797.44 จุด เพิ่มขึ้น 57.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,584.10 จุด เพิ่มขึ้น 14.23 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,340.62 จุด เพิ่มขึ้น 10.97 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,238.03 จุด เพิ่มขึ้น 7.06 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,785.69 จุด เพิ่มขึ้น 12.53 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,038.28 จุด เพิ่มขึ้น 3.08 จุด
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ประกาศความสำเร็จในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงและสามารถบรรจุเข้าไปในขีปนาวุธ ICBM ได้ และถือเป็นการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 6
นายแฮร์รี่ คาเซียนิส ผู้อำนวยการฝ่ายสำนักศึกษาด้านการป้องกันประเทศของศูนย์พิทักษ์ผลประโยชน์แห่งชาติสหรัฐ ระบุว่า เกาหลีเหนืออาจจะทำการทดลองยิงขีปนาวุธ ICBM ในวันเสาร์ที่ 9 ก.ย.นี้ เพื่อเฉลิมฉลองวันก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หลังจากที่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือเพิ่งทำการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยดำเนินการมา
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 27.03 จุด วิตกเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (4 ก.ย.) ตามทิศทางของตลาดหุ้นยุโรปและเอเชียที่ปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ สืบเนื่องจากความวิตกกังวลในตลาด ภายหลังจากเกาหลีเหนือได้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งที่ 6 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 27.03 จุด หรือ -0.36% ปิดที่ 7,411.47 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด โดยเฉพาะหุ้นผู้ผลิตแร่ทองคำรายใหญ่อย่างแรนด์โกลด์ รีซอสเซสที่พุ่งขึ้น 2% ด้วยแรงหนุนจากราคาทองทำที่ทะยานขึ้นเกือบ 1% เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนได้แห่ซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ประกาศความสำเร็จในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงและสามารถบรรจุเข้าไปในหัวรบของขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ได้เป็นผลสำเร็จ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า เกาหลีเหนือกำลังเตรียมที่จะทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปอีกครั้งในเร็วๆนี้ ซึ่งสร้างความวิตกให้กับนักลงทุนมากขึ้น
ค่าเงินสกุลปอนด์ทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเมื่อคืนนี้ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและฟรังก์สวิส ซึ่งเป็นสกุลเงินที่นักลงทุนมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
นักวิเคราะห์จากซิตี้ อินเดกซ์ กล่าวว่า "ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จากการที่เกาหลีเหนือทดลองอาวุธนิวเคลียร์นั้น ได้กลบกระแสการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ หรือ BRICS Summit ที่เมืองเซี่ยเหมินของจีนจนหมดสิ้น"
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยผลสำรวจว่า ดัชนี PMI ภาคการก่อสร้างของสหราชอาณาจักรปรับตัวลงแตะ 51.1 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 51.8
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกเกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์,ขีปนาวุธ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากมีรายงานว่า เกาหลีเหนือเตรียมทดสอบยิงขีปนาวุธครั้งใหม่ ภายหลังจากที่ได้ทดสอบระเบิดนิวเคลียร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 374.20 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,102.21 จุด ลดลง 40.43 จุด หรือ -0.33% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,411.47 จุด ลดลง 27.03 จุด หรือ -0.36% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,103.97 จุด ลดลง 19.29 จุด, -0.38%
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากนายแฮร์รี่ คาเซียนิส ผู้อำนวยการฝ่ายสำนักศึกษาด้านการป้องกันประเทศของศูนย์พิทักษ์ผลประโยชน์แห่งชาติสหรัฐ ระบุว่า เกาหลีเหนืออาจจะทำการทดลองยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ในวันเสาร์ที่ 9 ก.ย.นี้ เพื่อเฉลิมฉลองวันก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หลังจากที่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือเพิ่งทำการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยดำเนินการมา
ทางด้านนายชาง คยอง-ซู เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ได้แถลงต่อรัฐสภาเกาหลีใต้เมื่อวานนี้ว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่า เกาหลีเหนือมีความพร้อมที่จะยิงขีปนาวุธ ICBM ครั้งใหม่ ซึ่งความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะนำไปสู่ความตึงเครียดมากขึ้น
หุ้นโนวาร์ติส เอจี ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ ร่วงลง 1% จากข่าวที่ว่า นายโจ จิเมเนซ ซีอีโอของบริษัทจะลาออกจากตำแหน่งในเดือนม.ค.ปีหน้า หลังจากที่ได้ทำงานร่วมกับบริษัทมาเป็นเวลา 8 ปี
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองทองคำพุ่งขึ้น เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เกาหลีเหนือได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยหุ้นเฟรสนิลโล พุ่งขึ้น 2.9% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส พุ่งขึ้น 2%
นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะยังไม่ปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ECB มีกำหนดคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนธ.ค.