WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

37ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้น หลังนน.การเมืองในปท.ลดลง,การเคลื่อนย้ายเงินทุนไม่เกิดหลังสิ้นสุดประชุมศก.ประจำปีของเฟด

       นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้ เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศก็ได้ลดน้ำหนักลงแล้วและไม่มีประเด็นอะไรที่กังวล ส่วนการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล ก็ไม่ได้มีอะไร ทางประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็ไม่ได้พูดถึงการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ทำให้เห็นว่าการเคลื่อนย้ายเงินทุนคงจะไม่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ส่วนประธานเฟดก็ยังคงจับตาเศรษฐกิจของสหรัฐฯต่อไป

       นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวขึ้นหลังมีพายุเข้า รวมไปถึงแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯก็ลดลง ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็อยู่ในแดนบวก ทำให้ตลาดฯมีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้น

      ทั้งนี้ ถ้าดัชนีฯทะลุแนว 1,581 จุด ขึ้นไปได้ก็จะเป็นขาขึ้นรอบใหม่ อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ มองกลุ่มพลังงาน, รับเหมาฯ, อสังหาริมทรัพย์ และสื่อสาร ที่น่าจะนำพาให้ตลาดฯปรับขึ้นไปได้

       พร้อมให้แนวรับ 1,572 จุด ส่วนแนวต้าน 1,581-1,590 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 ส.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,813.67 จุด เพิ่มขึ้น 30.27 จุด (+0.14%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,265.64 จุด ลดลง 5.68 จุด (-0.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,443.05 จุด เพิ่มขึ้น 4.08 จุด (+0.17%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 49.62 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 57.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 12.71 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 2.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 4.05 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.58 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ส.ค.60) 1,575.85 จุด ลดลง 0.11 จุด (-0.01%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 438.96 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ส.ค.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 ส.ค.60) ปิดที่ 47.87 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.9%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ส.ค.60) ที่ 8.38 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.24 แข็งค่าหลังดอลล์อ่อนจากผิดหวังประธานเฟดยังไม่ส่งสัญญาณนโยบายการเงิน

                - แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตรวจสอบการทุจริตขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตที่ 2 อีก 8 สัญญา ปริมาณ 14 ล้านตัน เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งเป็นการขายข้าวสต๊อก รัฐบาลให้กับรัฐวิสาหกิจของจีน แต่ไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลกลางของจีนให้ทำสัญญาซื้อขายกับไทย รวมทั้งยังได้ตรวจสอบการ ทุจริตขายมันสำปะหลังแบบจีทูจีของกระทรวงพาณิชย์เสร็จสิ้นแล้วเช่นกัน โดยพบว่ามีการทุจริตเหมือนกับการขายข้าวจีทูจี โดยได้ทำสัญญาซื้อขาย มันจำนวน 7 สัญญา ปริมาณ 4.79 ล้านตัน

      - คลังเผยโครงสร้างภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่ เครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ และชาเขียว เสียภาษีอ่วม ในอัตรา 10% บวกกับค่าความหวาน ทำให้สินค้าที่มีราคา 20 บาทต่อขวด จะเสียภาษีเพิ่ม 1 บาท ส่วนรถยนต์เคยเสียภาษี 30% ลดเหลือ 23% กระทบราคาสินค้าน้อย ด้านอธิบดีกรมสรรพสามิตนัดแถลงอัตราภาษีสรรพสามิตสัปดาห์นี้ ผู้ประกอบการเครื่องดื่มลุ้นเกณฑ์ใหม่เร่งปรับสูตร ลดความหวาน

       - ประธานคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์) เปิดเผยว่า การประชุม คณะกรรมการเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ ยินยอมที่จะโอนสัญญาโอนและรับสิทธิ โอนในรายได้ (RTA) โครงการทางพิเศษ ฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) และทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) เพื่อโอนรายได้ในอนาคตที่ 45% ให้กับกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ ฟันด์ เป็นเวลา 30 ปี

        - ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยสินเชื่อแบงก์ทั้งระบบเดือน ก.ค.ปรับตัวลด 8.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 0.79% เทียบกับเดือนก่อนหน้า จากการคืนเงินกู้ลูกหนี้รายใหญ่ คาดช่วงที่เหลือของปีขยับขึ้นปัจจัยฤดูกาลและการสนับสนุนภาครัฐหนุน

        - คมนาคมเล็งเซ็นจ้างทางคู่นครปฐม-หัวหิน และหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่ารวมกว่า 23,300 ล้านบาทเดือน ก.ย.- ต.ค.นี้ มั่นใจยังเป็นไปตามแผน

*หุ้นเด่นวันนี้

     - PTTEP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 98 บาท กลุ่มพลังงานเริ่มกลับมาได้รับความสนใจจากราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่นที่ปรับขึ้น ขณะที่ ล่าสุด Dollar Index ปรับตัวลงอีก 0.8% และแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯลดลงอีก 4 แท่นเหลือ 759 แท่น

      ด้านราคาหุ้น Laggard กลุ่มมาก ตลอด 1 เดือนที่ราคาน้ำมันดิบขึ้น 11% กลุ่มขึ้น 6% แต่ PTTEP กลับลง 1% แม้แนวโน้มกำไร 2H60 ไม่หวือหวา แต่นอกจากประเด็นการปรับขึ้นของราคาน้ำมันที่มีความต่อเนื่อง ยังมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากการประมูลปิโตรเลียมรอบใหม่

       - BJC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 55 บาท เริ่มเห็นการฟื้นตัวใน SSSG ของ BIGC  +2.7% Y-Y ใน ก.ค.60 ซึ่งน่าจะยืนระยะบวกแบบนี้ตลอด 2H60 แต่แนวโน้มกำไร 3Q60 ถือว่าไม่สดใสนัก เพราะเป็น Low Season ของทั้ง BJC และ BIGC อีกทั้งภาษีจ่ายยังสูง ก่อนจะปรับโครงสร้างแล้วเสร็จ และคาดว่าจะมีการกลับรายการภาษีก้อนใหญ่ใน 4Q60 ซึ่งจะทำให้กำไรเป็นจุดสูงสุดของปี ส่วนแผนการตลาดเน้นเพิ่มสินค้าอัตรากำไรสูงและช่องทางออนไลน์ ขณะที่ สาขา BIGC ในต่างประเทศคาดว่าจะเปิดที่ลาวและกัมพูชาใน 2 ปีข้างหน้านี้

      - BANPU (โกลเบล็ก) เป้า Bloomberg Consensus 21.93 บาท ราคาถ่านหินทรงตัวในระดับสูง 97.5 ดอลลาร์ต่อตัน เนื่องจากจีนกีดกันไม่ให้นำเข้าถ่านหินในท่าเรือเล็ก และอุปทานจากอินโดนีเซียลดลงหลังฝนตกสูงสุดในรอบ 7 ปีทำให้ผลิตถ่านหินได้ลดลง นอกจากนี้สต็อกถ่านหินที่อินเดียปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่งทำให้มีโอกาสเพิ่มการนำเข้าถ่านเพิ่มเติม แม้ว่าจะคาดผลประกอบการ 3Q60 จะไม่โดดเด่นเท่า 2Q60 เนื่องจากธุรกิจโรงไฟฟ้าอาจอ่อนตัวลงจากไตรมาส 2 เพราะโรงไฟฟ้าหงสามีหยุดซ่อมบำรุง 6 สัปดาห์และโรงไฟฟ้า BLCP หยุดซ่อมบำรุง 2 สัปดาห์ในปลาย 3Q60 แต่ราคาถ่านหินทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องจะเป็นตัวหนุนผลประกอบการ โดย Bloomberg คาดว่ากำไรปี 60 จะเติบโต 433%YoY สู่ระดับ 8.9 พันล้านบาท

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ หลัง เยลเลน-ดรากี กล่าวสุนทรพจน์ที่ แจ็กสัน โฮล

     ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่นางเจนเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองไม่ได้เปิดเผยถึงทิศทางนโยบายทางการเงินในอนาคต

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,502.23 จุด เพิ่มขึ้น 49.62 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,336.13 จุด เพิ่มขึ้น 4.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,905.59 จุด เพิ่มขึ้น 57.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,502.80 จุด ลดลง 12.71 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,376.38 จุด ลดลง 2.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,255.52 จุด ลดลง 4.05 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,766.59 จุด ลดลง 2.58 จุด

       ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสัน โฮล นางเยลเลนไม่ได้ส่งสัญญาณถึงทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต แต่ได้พุ่งความสำคัญไปยังเรื่องของวิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต และสิ่งที่เจ้าหน้าที่เฟดได้ดำเนินการเพื่อรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น

      ด้านนายดรากีไม่ได้ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเขากล่าวว่า เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในภาวะฟื้นตัวมากขึ้น พร้อมเตือนว่า นโยบายกีดกันทางการค้าจ

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 5.60 จุด หลังหุ้นค้าปลีกร่วง,เงินปอนด์แข็งค่า

   ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) โดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงอย่างหนัก หลังบริษัทอเมซอนดอทคอม อิงค์ ประกาศเตรียมลดราคาสินค้าจำนวนมาก ทันทีที่เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการบริษัทโฮลฟู้ดส์ มาร์เก็ต อิงค์ นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังถูกกดดันจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์ หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ออกมาส่งสัญญาณถึงทิศทางนโยบายการเงิน ในการประชุมที่เมืองแจ็คสัน โฮล เมื่อคืนนี้

       ดัชนี FTSE 100 ลดลง 5.60 จุด หรือ -0.08% ปิดที่ 7,401.46 จุด อย่างไรก็ดี ตลอดสัปดาห์ ดัชนีฟุตซี่ปรับตัวขึ้น 1.1%

       ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นลอนดอนแกว่งตัวทั้งในแดนบวกและแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนต่างจับตาดูการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 24-26 ส.ค. แต่ตลาดก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อนางเยลเลนไม่ได้ส่งสัญญาณถึงทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต แต่ได้พุ่งความสำคัญในการกล่าวถึงช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต และสิ่งที่เจ้าหน้าที่เฟดได้ดำเนินการเพื่อรับมือปัญหาที่เกิดขึ้น

     ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากถ้อยแถลงที่น่าผิดหวังของนางเยลเลน ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น โดยเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นนั้นไม่เป็นผลดีต่อบรรดาบริษัทข้ามชาติหรือบริษัทส่งออก เพราะทำให้สินค้าของตนมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อในต่างประเทศ นอกจากนี้ รายได้หรือกำไรในต่างประเทศจะลดลงเมื่อแปลงกลับมาเป็นสกุลเงินปอนด์

       ขณะเดียวกัน ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ร่วงลง โดยถึงแม้หุ้นกลุ่มการเงินและพลังงานปรับตัวขึ้น แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยดันให้ตลาดปิดในแดนบวก

      หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงหลังจากที่บริษัทอเมซอนดอทคอม อิงค์ ประกาศว่าทางบริษัทจะปรับลดราคาสินค้าจำนวนมาก ทันทีที่ทางบริษัทเสร็จสิ้นการทำธุรกรรมซื้อกิจการบริษัทโฮลฟู้ดส์ มาร์เก็ต อิงค์ ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าจะมีการแข่งขันกันตัดราคาในกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตของยุโรป โดยหุ้นของเทสโก้ร่วงลง 1.7% ขณะที่หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ลดลง 1.07%

      อย่างไรก็ดี หุ้นพลังงานปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ และ บีพี ต่างก็บวกขึ้น 0.5% นอกจากนี้ นักลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานยังติดตามสถานการณ์ความรุนแรงของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ในอ่าวเม็กซิโกอย่างใกล้ชิด

    สำหรับ หุ้นกลุ่มการเงินที่น่าจับตานั้น หุ้นโพรวิเดนท์ ไฟแนนเชียล ทะยานขึ้น 22.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากวันพุธและพฤหัสบดี หลังจากที่ทางบริษัทประกาศแต่งตั้งให้นายคริส แกลเลสพี ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อผู้บริโภค โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หุ้นโพรวิเดนท์ ไฟแนนเชียล ดิ่งลงถึง 66% หลังบริษัทการเงินดังกล่าวเปิดเผยว่าอาจขาดทุนที่ระดับ 80-120 ล้านปอนด์ในไตรมาส 3

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 30.27 จุด หลัง เยลเลน-ดรากี กล่าวสุนทรพจน์ที่ แจ็กสัน โฮล

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (25 ส.ค.) นำโดยหุ้นบริษัทที่ให้เงินปันผลสูง หลังจากที่นางเจนเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล เมื่อคืนนี้ โดยทั้งสองไม่ได้เปิดเผยถึงทิศทางนโยบายทางการเงินในอนาคต

       ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,813.67 จุด เพิ่มขึ้น 30.27 จุด หรือ +0.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,443.05 จุด เพิ่มขึ้น 4.08 จุด หรือ +0.17%

       และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,265.64 จุด ลดลง 5.68 จุด หรือ -0.09%

       ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 0.65% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 0.72% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 0.79%

       ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสัน โฮล นางเยลเลนไม่ได้ส่งสัญญาณถึงทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต แต่ได้พุ่งความสำคัญไปยังเรื่องของวิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต และสิ่งที่เจ้าหน้าที่เฟดได้ดำเนินการเพื่อรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น

       ขณะเดียวกัน นางเยลเลนกล่าวเตือนว่า วิกฤตทางการเงินในอนาคตอาจเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ภาวะทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็ได้ให้บทเรียนที่สำคัญแก่ทุกคน

       "เราได้เรียนรู้บทเรียนจากความเจ็บปวดที่เกิดจากวิกฤตการณ์ เรามีเหตุผลที่จะเชื่อว่าระบบการเงิน และเศรษฐกิจมีโอกาสน้อยลงที่จะเผชิญกับวิกฤตการณ์ และจะสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ได้เร็วขึ้น ทำให้ภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจไม่ต้องเผชิญกับปัญหาเหมือนที่ได้ประสบในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์เมื่อ 1 ทศวรรษก่อนหน้านี้" นางเยลเลนกล่าว

      ด้านนายดรากีไม่ได้ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเขากล่าวว่า เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในภาวะฟื้นตัวมากขึ้น พร้อมเตือนว่า นโยบายกีดกันทางการค้าจะสร้างความเสี่ยงที่รุนแรงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

      นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจุยหนุนจากคำกล่าวของนายแกรี โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งระบุว่า ปธน.ทรัมป์จะเริ่มต้นทำการรณรงค์เกี่ยวกับการปฏิรูปภาษีในสัปดาห์หน้า โดยนายโคห์นระบุว่า ปธน.ทรัมป์จะทำการประชาสัมพันธ์นโยบายปฏิรูปภาษีในวันพุธหน้าในระหว่างที่เขาเดินทางเยือนรัฐมิสซูรี

      หุ้นดอลลาร์ ทรี พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากที่บริษัทเรย์มอน เจมส์ ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นขึ้นสู่ระดับ 95 ดอลลาร์

     หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส พุ่งขึ้น 5.4% และหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ปรับตัวขึ้น 3.3% ขณะที่หุ้นเซาท์เวส แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 3.9%

       หุ้นทราเวลเลอร์ส คอมพานี ปรับตัวขึ้น 0.7% หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์

     สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ดิ่งลง 6.8% ในเดือนก.ค. โดยทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2014 และต่ำกว่าระดับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 6.0%

     อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากทรงตัวในเดือนมิ.ย.

      เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 3.3% ในเดือนก.ค.

       อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!