- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 08 August 2017 12:07
- Hits: 1699
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ อิงอ่อนลงเล็กน้อย หลังไร้ปัจจัยใหม่หนุน,จับตาประชุมโอเปก-นอกโอเปก
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ อิงอ่อนลงเล็กน้อย เนื่องจากวันนี้มีหุ้น PTTEP ขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายปันผล ซึ่งจะมีผลต่อดัชนีฯ -0.6 จุด นอกจากนี้ตลาดฯยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา
ขณะที่ยังต้องรอดูผลการประชุมเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการฝ่ายเทคนิคของกลุ่มโอเปกและนอกโอเปก ที่มีขึ้นในวันที่ 7-8 ส.ค.นี้ด้วย โดยที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับการที่ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันบางประเทศไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงในการลดปริมาณการผลิตลงอย่างเต็มรูปแบบ
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบไม่ถึง 0.1% ดังนั้น ตลาดฯคงจะเป็นลักษณะนิ่ง ๆ เงียบ ๆ แต่ก็ยังมีการเล่นเก็งกำไรหุ้นรายตัว ตามผลประกอบการงวดไตรมาส 2/60 ที่ออกมาดี และมีปันผล
พร้อมให้แนวรับ 1,570-1,572 ถัดไป 1,564 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580-1,582 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 ส.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,118.42 จุด เพิ่มขึ้น 25.61 จุด (+0.12%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,383.77 จุด เพิ่มขึ้น 32.21 จุด (+0.51%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,480.91 จุด เพิ่มขึ้น 4.08 จุด (+0.16%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 6.76 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.27 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 5.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 19.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.61 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.64 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 37.80 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ส.ค.60) 1,573.67 จุด ลดลง 4.59 จุด (-0.29%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 712.04 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ส.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 ส.ค.60) ปิดที่ 49.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 19 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ส.ค.60) ที่ 7.75 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.28 แนวโน้มทรงตัวในกรอบ 33.20-33.35 ตลาดรอดูตัวเลขส่งออกของจีนวันนี้
- กระทรวงคลัง มั่นใจเงินบาทแข็ง ไม่กระทบการส่งออกช่วงครึ่งปีหลัง เชื่อ"แบงก์ชาติ"คอยดูแลไม่ให้แข็งค่ามากเกินไป ชี้สาเหตุการแข็งค่าจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ทั้งยังมีเงินไหลเข้าลงทุนโดยตรงจาก 2 ดีลใหญ่ จากการเข้ามาลงทุนของ CTBC ใน LHBANK และการจะเข้ามาลงทุนในบริษัทประกันของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ซึ่งจะมีเงินเข้ามาอีกประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาท แต่คาดเป็นภาวะชั่วคราว พร้อมจี้ตลาดทุนปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี มองอนาคตตัวกลางเช่นตลาดหลักทรัพย์ แบงก์พาณิชย์ อาจถูกลดความสำคัญลง
- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 8 ส.ค. ททท.จะประชุมร่วมกับเอกชนด้านการท่องเที่ยว เช่น สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) สมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) สายการบิน เพื่อวางแนวทางการหักลดหย่อนภาษีการเดินทางช่วงปลายปี เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนไทยวางแผนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวให้กับชุมชน และเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวในประเทศอีก 10-15%
- นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม เปิดเผยในงานโครงการพัฒนาเครือข่ายสถาบันวิชาการระบบขนส่งทางราง (Thailand Rail Aca demy) ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เตรียมแผนการลงทุนระยะ 8 ปี (2561-2568) เพื่อรองรับเส้นทางรถไฟทางคู่รวม 16 เส้นทาง ระยะทางรวม 3,169 กิโลเมตร (กม.) โดยจะจัดซื้อรถไฟ 286 คัน ภายในปี 2563 ประกอบด้วย การจัดซื้อรถไฟดีเซลจำนวน 186 คัน การจัดซื้อรถจักรเพิ่มขึ้น 75% จำนวน 100 คัน จากเดิมที่มี 130 คัน ตลอดจนการเช่าและซ่อมบำรุงรถจักรอีก 50 คัน
- กกพ.เปิดรับสมัครเอสพีพี ไฮบริด เฟิร์ม 300 เมกะวัตต์ ราคา 3.66 บาท/หน่วย คาดยื่นซองได้ในช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ พร้อมประกาศรายชื่อภายใน ธ.ค.60 มั่นใจก่อนปี 64 ซีโอดีเน้นการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน
*หุ้นเด่นวันนี้
- KKP (ธนชาต) เป้า 77 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลดลง 10% หลังกำไร 2Q60 อ่อนแอเป็นโอกาส "ซื้อ" เนื่องจากกำไร 2Q60 ที่อ่อนแอเป็นผลจากรายได้การลงทุน และการขาย NPA ที่น้อยกว่าปกติมาก และคาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติช่วงครึ่งปีหลัง, NPL ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นหนี้อสังหาฯ ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 182% ของมูลค่า ขณะที่ NPL ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มธุรกิจ leasing รถยนต์เป็นส่วนรถยนต์มือ 2 ที่มี yield สูงกว่าปกติ และเงินกองทุน Tier I สูง 15.3% ทำให้คาดว่า KKP จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ 6 บาท/หุ้น ปีนี้ คิดเป็น dividend yield 8.9%
- TU (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 24.70 บาท กำไร 3Q60 มีแนวโน้มดีขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นซึ่งปริมาณการขายเพิ่มขึ้น และมีการปรับราคาขายสะท้อนต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นได้บางส่วน อัตรากำไรของธุรกิจแซลมอนและกุ้งคาดจะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องหลังการปรับเพิ่มราคาขาย นอกจากนั้น ในเดือนส.ค. มีการขายธุรกิจเรือซึ่งมีผลขาดทุนออกไป ซึ่งจะทำให้ TU ไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากธุรกิจเรืออีกต่อไป ทั้งนี้ TU ประกาศจ่ายเงินปันผล 1H60 เท่ากับ 0.32 บาท/หุ้น (XD 18 ส.ค.) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนครึ่งปีที่ 1.6%
- MTLS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 39 บาท แนวโน้มกำไร 2Q60 สร้าง new high ต่อ คาด +5% Q-Q, +88% Y-Y บนสมมติฐานสินเชื่อ +6% Q-Q, +60% Y-Y หักล้างต้นทุนทางการเงินที่ขยับขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้กำไร 1H60 ก้าวกระโดดถึง 90% Y-Y คุณภาพสินทรัพย์ยังแข็งแกร่ง คาด NPL ทั้งปีประมาณ 1% ต่ำสุดในกลุ่มการเงิน คาด coverage ratio 220%
- INTUCH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 64 บาท กำไรสุทธิใกล้เคียงคาด -8% Q-Q, -63% Y-Y และประกาศจ่ายปันผล 1.25 บาท/หุ้น Yield 2% XD 16 ส.ค. โดยได้ปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น 3% ตามกำไรของ ADVANC ที่ปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ รับดาวโจนส์ทำนิวไฮต่อเนื่อง ขณะนลท.จับตาข้อมูลการค้าจีน
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 9 เมื่อคืน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,062.65 จุด เพิ่มขึ้น 6.76 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,277.19 จุด ลดลง 2.27 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,684.60 จุด ลดลง 5.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,598.59 จุด เพิ่มขึ้น 19.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,404.68 จุด เพิ่มขึ้น 5.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,325.28 จุด เพิ่มขึ้น 4.61 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,778.55 จุด เพิ่มขึ้น 0.64 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,030.07 จุด เพิ่มขึ้น 37.80 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของตัวเลขจ้างงานสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 183,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.3% จาก 4.4% ในเดือนมิ.ย.
ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดสามารถชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อไม่มีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นมาก หากตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีการปรับตัวดีขึ้น
ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างจับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีนในวันนี้ โดยสำนักงานศุลกากรของจีนจะเปิดเผยยอดการนำเข้า การส่งออก และดุลการค้าประจำเดือนก.ค. ในเวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมเดือนก.ค. โดย NFIB, ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้นไตรมาส 2/2560, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค.
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 20.23 จุด ด้วยแรงหนุนจากหุ้นเหมืองแร่-พลังงาน
ดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงานที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 20.23 จุด หรือ +0.27% ปิดที่ 7,531.94 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ดัชนี FTSE 100 ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นตามทิศทางของราคาแร่เหล็กที่พุ่งขึ้นกว่า 6% เมื่อคืนนี้ หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ผู้ผลิตแร่เหล็กรายใหญ่ เพิ่มขึ้น 2.3% หุ้นริโอ ทินโต พุ่งขึ้น 2.6% และหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 3.1% ขณะที่หุ้นเกลนคอร์ เพิ่มขึ้น 2.6% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ในวันพฤหัสบดีนี้
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า ขณะนักลงทุนจับตาการประชุมของเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการฝ่ายเทคนิคของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกโอเปก ที่เมืองอาบู ดาบี ในระหว่างวันที่ 7-8 ส.ค.นี้ โดยที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับการที่ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันบางประเทศไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงในการลดปริมาณการผลิตลงอย่างเต็มรูปแบบ
หุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 1.1% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ขยับขึ้น 0.5%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลงสวนทิศทางตลาด ภายหลังจากบริษัทวีซ่า ผู้ให้บริการทางการเงินระดับชั้นนำของโลกเปิดเผยรายงานว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนในสหราชอาณาจักร หดตัวลง 0.8% ในเดือนก.ค. ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2013 ที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนปรับตัวลงติดต่อกัน 3 เดือน
หุ้นเจ เซนส์บิวรี เชนซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ลดลง 1% และหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ผู้ดำเนินงานห้างสรรพสินค้า ปรับตัวลง 0.6%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีหดตัว
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) หลังจากกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีหดตัวลงในเดือนมิ.ย. ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ ซึ่งรวมถึง PostNL
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.1% ปิดที่ 382.01 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,257.17 จุด ลดลง 40.55 จุด หรือ -0.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,531.94 จุด เพิ่มขึ้น 20.23 จุด หรือ +0.27% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,207.89 จุด เพิ่มขึ้น 4.45 จุด หรือ +0.09%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนแรงลง หลังจากกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือนมิ.ย.หดตัวลง 1.1% เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนพ.ค.
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน โดยเป็นผลมาจากการก่อสร้างที่อ่อนแรงลง รวมถึงการผลิตสินค้าขั้นกลาง สินค้าทุน และสินค้าอุปโภคบริโภคที่ลดลง
หุ้น PostNL ร่วงลง 5.1% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2560
หุ้นแพดดี้ เพาเวอร์ เบทแฟร์ ซึ่งเป็นบริษัทพนันออนไลน์ ร่วงลง 4.7% หลังจากนายเบรออง คอร์โคแรน ซีอีโอของบริษัทประกาศลาออกจากตำแหน่ง และทางบริษัทได้ประกาศแต่งตั้งนายปีเตอร์ แจ็คสัน ให้ดำรงตำแหน่งแทน
หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นเน็กซ์ ร่วงลง 1.4% หุ้นเซนส์บิวรี ลดลง 1% และหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ลดลง 0.6%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นอาร์เซลอร์ มิตตัล พุ่งขึ้น 4.7% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 2.3% และหุ้นริโอทินโต ปรับตัวขึ้น 2.6%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น สวนทางกับทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 1.1% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปรับตัวขึ้น 0.5%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : แรงซื้อหุ้นสินค้าผู้บริโภค หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 25.61 จุด
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) โดยดาวโจนส์เดินหน้าทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 9 เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภค หลังจากบริษัทไทสัน ฟู้ดส์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเนื้อรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และจากการที่นักลงทุนยังคงขานรับความแข็งแกร่งของตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,118.42 จุด เพิ่มขึ้น 25.61 จุด หรือ +0.12% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,480.91 จุด เพิ่มขึ้น 4.08 จุด หรือ +0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,383.77 จุด เพิ่มขึ้น 32.21 จุด หรือ +0.51%
หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคพุ่งขึ้น นำโดยหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ทะยานขึ้น 5.7% ขณะที่หุ้นวอล-มาร์ท ดีดตัวขึ้นเกือบ 1% หลังจากไทสัน ฟู้ดส์ เปิดเผยว่า ยอดขายในช่วงไตรมาส 3 ของปีงบการเงินของบริษัทซึ่งสิ้นสุดวันที่ 1 ก.ค.พุ่งขึ้น 4.8% สู่ระดับ 9.85 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 9.48 พันล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแลม รีเสิร์ช พุ่งขึ้น 3.9% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 3.1% หุ้นออน เซมิคอนดัคเตอร์ ทะยานขึ้น 8.2%
หุ้นอาลีบาบา พุ่งขึ้น 3.59% ขณะที่หุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล พุ่งขึ้น 1.1% หลังจากอาลีบาบา กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซของจีน ประกาศจับมือกับแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นเจ้าของเครือข่ายโรงแรมขนาดใหญ่ทั่วโลก เพื่อให้นักท่องเที่ยวของจีนสามารถจองห้องพักของแมริออทผ่านทางเว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่นของอาลีบาบา
แมริออทระบุว่า ทางโรงแรมพร้อมรับ Alipay ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มการชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ของบริษัทแอนท์ ไฟแนนเชียล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอาลีบาบา พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่า แมริออทจะจะสามารถเข้าถึงฐานลูกค้าโทรศัพท์มือถือจำนวน 500 ล้านคน/เดือนของอาลีบาบา ซึ่งจะทำให้เจาะเข้าสู่ตลาดผู้บริโภคของจีนได้เพิ่มมากขึ้น
หุ้นเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวลง 0.5% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะระดมทุนมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ ผ่านทางการออกพันธบัตรจังค์บอนด์ โดยพันธบัตรดังกล่าวมีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าระดับที่น่าลงทุน พร้อมกับให้อัตราผลตอบแทนสูง โดยบริษัทหวังว่าจะนำรายได้ดังกล่าวมาเพิ่มการผลิตรถไฟฟ้ารุ่น Model 3
ด้านสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศให้อันดับ 'B-' สำหรับการออกจังค์บอนด์ดังกล่าวของเทสลา ซึ่งระดับดังกล่าวต่ำกว่าอันดับที่น่าลงทุน นอกจากนี้ S&P ยังได้ประกาศคงแนวโน้มเชิงลบของเทสลา และคงอันดับความน่าเชือถือระยะยาวที่ 'B-'
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของตัวเลขจ้างงานสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 183,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.3% จาก 4.4% ในเดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดสามารถชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อไม่มีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นมาก หากตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีการปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ อยู่ที่ระดับ 1.5% และอยู่ห่างจากระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมเดือนก.ค. โดย NFIB, ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้นไตรมาส 2/2560, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค.
อินโฟเควสท์