WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

13 ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ หลังราคาน้ำมันย่อลงเล็กน้อย-แนะเลือกเล่นรายตัวในช่วงประกาศงบฯ

      นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1,570-1,580 จุด เนื่องจากราคาน้ำมันดิบได้ย่อตัวลงเล็กน้อย และช่วงนี้เป็นช่วงของการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน นักลงทุนคงจะเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัว ในหุ้นที่ผลประกอบการจะออกมาดี และให้ปันผลที่ดีด้วย

       ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกราว 0.3% ตามดาวโจนส์ที่เมื่อคืนที่ผ่านมาก็ได้ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ หลังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯออกมาดี

       อย่างไรก็ดี ให้ติดตามสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) คืนนี้ หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมามีการรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์จากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ปรับตัวเพิ่มขึ้น และในวันศุกร์นี้ก็ให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

        - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ส.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,963.92 จุด เพิ่มขึ้น 72.80 จุด (+0.33%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,362.94 จุด เพิ่มขึ้น 14.81 จุด (+0.23%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,476.35 จุด เพิ่มขึ้น 6.05 จุด (+0.24%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 71.28 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 105.05 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 41.97 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.98 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.63 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.25 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 ส.ค.60) 1,576.45 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด (+0.02%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 463.28 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ส.ค.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ส.ค.60) ปิดที่ 49.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ 2%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ส.ค.60) ที่ 8.32 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.31 กลับมาอ่อนค่าหลังมีแรงซื้อดอลล์ จับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ

                - กกร.ห่วงบาทแข็งเร็วกว่าภูมิภาคจี้"แบงก์ชาติ"เข้าดูแล ย้ำปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความผันผวน แต่อยู่ที่การแข็งค่า เมื่อเทียบภูมิภาค

                - สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ได้ปรับประมาณการตัวเลขการส่งออกของไทยปี 2560 เพิ่มเป็น 5% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 3.5% ภายใต้สมมติฐานมูลค่าการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังจะต้องมีมูลค่าเฉลี่ยเดือนละ 1.88 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 33.40-33.50 บาท/ดอลลาร์ และราคาน้ำมัน 50 ดอลลาร์/บาร์เรล

                - กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (อัตราเงินเฟ้อ) ทั่วไปเดือนกรกฎาคม 2560 เท่ากับ 100.53 สูงขึ้น 0.17% เทียบกรกฎาคม 2559 นับว่ากลับมาเป็นบวกอีกครั้ง หลังจากติดลบมา 2 เดือนต่อเนื่อง แต่ลดลง 0.13% เทียบเดือนมิถุนายน 2560 โดยเงินเฟ้อทั่วไปที่สูงขึ้นเป็นผลจากหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 0.57% เช่น ค่าเช่าบ้าน น้ำมันเชื้อเพลิงราคาสูงขึ้นเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 0.55% เช่น อาหารสด เนื้อสัตว์ ผักผลไม้ มีปริมาณมากตามฤดูกาล ราคาจึงลดลงเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

*หุ้นเด่นวันนี้

                - GUNKUL  (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 5.3 บาท มองราคาหุ้นที่ปรับลดลง 20% ตั้งแต่ต้นปี โดยกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มชึ้นจะหนุนกำไรเติบโตสูง 68-63% ในปี 60-61 มอง PE61 ที่ 20.4x ไม่แพง

                - BCP (ยูโอบี เคย์เฮียน) หนึ่งใน top pick กลุ่มโรงกลั่นจาก valuation ที่ถูก + ค่าการกลั่นปลายปีแข็งแกร่งจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่ยจำนวนมากในโลก + การร่วมทุนกับ KSL ส่งผลดีต่อ valuation หุ้นแม่

                - THANI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.50 บาท ปรับประมาณการกำไรปี 60 ขึ้น 8% เป็น 1,088 ลบ. +23%Y-Y แนวโน้มกำไร H2/60 จะดีขึ้นอย่างมีนัยเมื่อเทียบ 1H60 โดยคาด THANI จะลดการตั้งสำรองฯทั่วไปลง หลังจาก Coverage ratio เข้าใกล้เป้าหมาย ซึ่งยังช่วยลดแรงกดดันของ D/E Ratio ที่สูงขึ้นด้วย แนวโน้มปี 61 น่าจะมีโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่อง ทั้งตลาดรถบรรทุกที่โตแรงกว่ารถประเภทอื่นและค่าใช้จ่ายสำรองฯที่น่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

                - ITEL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 7 บาท ชนะงานประมูลติดตั้งเน็ตชายขอบโซนภาคใต้ 1.8 พันลบ. คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ Q4/60 ถือเป็น Upside นอกเหนือประมาณการ ถ้าอิงอัตรากำไรสุทธิราว 10% จะเพิ่มมูลค่าอีก 0.30 บาท/หุ้น

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ทำนิวไฮต่อเนื่อง

            ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ขานรับดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 5 และเคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับ 22,000 จุด เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,057.07 จุด เพิ่มขึ้น 71.28 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,288.52 จุด ลดลง 4.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,645.28 จุด เพิ่มขึ้น 105.05 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,479.26 จุด เพิ่มขึ้น 41.97 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,431.94 จุด เพิ่มขึ้น 8.98 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,337.57 จุด ลดลง 0.63 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,768.38 จุด เพิ่มขึ้น 3.25 จุด

                ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.จาก ADP, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ค. จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย., ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. และดุลการค้าเดือนมิ.ย.

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 51.66 จุด หลังหุ้นบีพีและโรลส์-รอยซ์พุ่งแรงรับผลประกอบการ

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) ด้วยปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนยักษ์ใหญ่อย่างบีพีและโรลส์-รอยซ์ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นบริษัททั้งสองทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตของอังกฤษที่ขยายตัวสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

                ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 51.66 จุด หรือ +0.70% ปิดที่ 7,423.66 จุด

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ หุ้นโรลส์-รอยซ์ พุ่งขึ้น 10% หลังบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินรายนี้ รายงานว่า บริษัทกลับมามีผลกำไรในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ โดยกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกของโรลส์-รอยซ์อยู่ที่ระดับ 1.6 พันล้านปอนด์

                ดัชนี FTSE 100 ยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบีพี ภายหลังจากบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของอังกฤษรายนี้ เปิดเผยว่า บริษัทกลับมามีผลกำไรในไตรมาส 2/2560 ที่ระดับ 553 ล้านดอลลาร์ โดยหุ้นบีพีทะยานขึ้น 9.9% ขานรับรายงานผลประกอบการดังกล่าว

                นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลภาคการผลิตของอังกฤษ โดยบริษัทไอเอชเอส มาร์กิต/ซีพีไอเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของอังกฤษ ขยายตัวสู่ระดับ 55.1 ในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวแตะระดับ 54.5

                หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นอินเตอร์เทค พุ่งขึ้น 9.2% หลังบริษัทรายงานว่ามีกำไรในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 134.3 ล้านปอนด์ พร้อมกับประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปี

                หุ้นเทย์เลอร์ วิมปีย์ เพิ่มขึ้น 1.9% หลังบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวประกาศจะจ่ายเงินปันผลพิเศษที่ 10.4 เพนนี/หุ้น แม้ว่ากำไรก่อนหักภาษีของบริษัทจะร่วงลง 24% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ก็ตาม

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับผลประกอบการ บีพี, GDP ยูโรโซนสดใส

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) ขานรับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่อย่าง บีพี พีแอลซี ที่สามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งในไตรมาส 2 ปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากสำนักงานสถิติแห่งยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า เศรษฐกิจยูโรโซนยังคงขยายตัวได้ดีในไตรมาส 2

                ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.6% ปิดที่ 380.26 จุด

                ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,251.29 จุด พุ่งขึ้น 133.04 จุด หรือ +1.10% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,127.03 จุด เพิ่มขึ้น 33.26 จุด หรือ +0.65% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,423.66 จุด เพิ่มขึ้น 51.66 จุด หรือ +0.70%

                หุ้นบีพีพุ่งขึ้น 2.4% หลังจากบริษัทสามารถพลิกกลับมาทำกำไรในไตรมาส 2/2560 โดยมีกำไรสุทธิ 553 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับตัวเลขขาดทุน 2.2 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2/2559

                นอกจากนี้ บีพียังมีกระแสเงินสดหมุนเวียนในการดำเนินงาน 4.9 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2/2560 ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระดับ 3.9 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2/2559

                สำหรับปัจจัยที่ทำให้บีพีสามารถทำกำไรในไตรมาส 2/2560 นั้น มาจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นในปีที่แล้ว และจากการที่บริษัทดำเนินนโยบายปรับลดต้นทุนแบบเชิงรุก

                ตลาดหุ้นยุโรปยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากยูโรสแตทรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซนในไตรมาส 2 ขยายตัว 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และขยายตัว 2.1% เมื่อเทียบรายปี

                หุ้นโรลส์-รอยซ์ พุ่งขึ้น 10% หลังจากบริษัทพลิกกลับมาทำกำไรได้ 1.6 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 2.1 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2

                หุ้นไดเร็ค ไลน์ อินชัวรันซ์ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 5.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น พร้อมประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 72.80 จุด รับผลประกอบการแข็งแกร่ง

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) โดยดาวโจนส์ทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 5 และเคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับ 22,000 จุด เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มการเงิน โดยปัจจัยบวกเหล่านี้สามารถสกัดแรงลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายในภาคการก่อสร้างที่ร่วงลงในเดือนมิ.ย.

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,963.92 จุด เพิ่มขึ้น 72.80 จุด หรือ +0.33% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,476.35 จุด เพิ่มขึ้น 6.05 จุด หรือ +0.24% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,362.94 จุด เพิ่มขึ้น 14.81 จุด หรือ +0.23%

                ดัชนี ดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทราว 73% ในดัชนี S&P 500 ซึ่งได้ประกาศผลประกอบการจนถึงสัปดาห์ที่แล้ว มีผลประกอบการสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ ขณะที่ค่าเฉลี่ยในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมาพบว่า มีบริษัทราว 71% ที่มีผลประกอบการสูงกว่าคาด

                CME Group Inc ซึ่งเป็นบริษัทบริหารจัดการตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า บริษัทมีกำไร 1.23 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.21 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้แรงหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม และการชำระบัญชี

                หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 1.34% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 0.74%

                หุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 0.89% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากที่ตลาดปิดการแล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า รายได้ของแอปเปิลจะปรับตัวขึ้นราว 6%

                หุ้นโบอิ้ง ซึ่งเป็นหุ้นที่มีน้ำหนักมาในดัชนีดาวโจนส์ พุ่งขึ้นราว 2.5% หลังจากโบอิ้งคาดการณ์ว่า สายการบินในอินเดียจะสั่งซื้อเครื่องบินใหม่จากโบอิ้งราว 2,100 ลำ ในวงเงิน 2.90 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 20 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการประเมินคำสั่งซื้อเครื่องบินที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์สำหรับสายการบินในอินเดีย

                หุ้นสปรินท์ คอร์ป ทะยานขึ้น 11.2% หลังจากบริษัทสื่อสารรายใหญ่แห่งนี้เปิดเผยตัวเลขกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี

                หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2560

                อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลง โดยหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 2.4% และหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ ดิ่งลง 3.4% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยยอดขายลดลงในเดือนก.ค.

                หุ้นไฟเซอร์ ขยับลง 0.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 อยู่ที่ 67 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 66 เซนต์/หุ้น แต่รายได้อยู่ที่ 1.29 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.308 หมื่นล้านดอลลาร์

                สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างของสหรัฐดิ่งลง 1.3% ในเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 1.21 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2016 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย.

                ส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค. ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ปรับตัวสู่ระดับ 56.3 ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 56.5

                นักลงทุนจับตาข้อมูลด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่  ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.จาก ADP, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ค. จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย., ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. และดุลการค้าเดือนมิ.ย.

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!