WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

30ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามภูมิภาคกังวลสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี-งบฯบจ.อ่อนแอ

      นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่ปรับลง เนื่องจากเหตุการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ทำให้ตลาดฯ ลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงลง ทำให้เห็นว่า Fund Flow คงยังไม่ Support ในช่วงนี้

      ทั้งนี้ รายงานข่าวล่าสุดระบุว่าเกาหลีเหนือออกมาส่งสัญญาณถึงความพร้อมจะกระทำการที่ยั่วยุเพิ่มขึ้นอีก หากสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อกรณีที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ครั้งล่าสุดเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา

       นายเทิดศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่แรงซื้อในประเทศก็คงจะแผ่วลง เนื่องจากผลกำไร (Earning) ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 2/60 ออกมาไม่ดีเท่าไร โดยเท่าที่ประกาศออกมาแล้วก็ประมาณ 23% ของมาร์เก็ตแคปของตลาดฯ พบว่าผลงานหดตัวลงไป 17% qoq และ 28% yoy พร้อมให้แนวรับ 1,575 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ก.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,830.31 จุด เพิ่มขึ้น 33.76 จุด (+0.15%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่  6,374.68 จุด ขยับลง 7.51 จุด (-0.12%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,472.10 จุด ลดลง 3.32 จุด (-0.13%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 26.39 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.49 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 69.06 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 26.29 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 8.97 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.42 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.82 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 2.81 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ก.ค.60) 1,581.06 จุด ลดลง 2.11 จุด (-0.13%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 906.03 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ก.ค.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ก.ค.60) ปิดที่ 49.71 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 1.4%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ก.ค.60) ที่ 8.03 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 33.37 อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อน หลังความกังวลการเมืองสหรัฐฯกดดอลล์อ่อน

       - จีนส่งสัญญาณควบคุมการลงทุนในต่างประเทศของธุรกิจท้องถิ่นขนาดใหญ่ หวั่น กุมอำนาจ-อิทธิพลมากเกินไป ขณะที่ บีโอไอคาดปีนี้จีนขอส่งเสริมลงทุนในไทยขึ้นแท่นอันดับ 2 รองญี่ปุ่น เผย 6 เดือน ยอดขอบีโอไอโดยตรงจนมูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท

       - ขณะนี้การจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ใกล้จะแล้วเสร็จ คาดว่านำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจภายในเดือน ส.ค. และนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีภายในช่วง 2 เดือนนี้

        - บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) สรุปผลการประมูลประกอบกิจการเชิงพาณิชย์ภายในท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง สรุป กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ (KPS) เป็นผู้ชนะประมูล โดยเสนอผลตอบแทนให้ ทอท.สูงสุดที่ 17.65 ล้านบาท/เดือน

      - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสถาบันการเงินทั้งระบบ ณ สิ้นไตรมาส 2/60 อยู่ที่ 4.17 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.95% ของสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 4.3 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่ 3.74 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.72% แต่เพิ่มขึ้นเพียง 1.2 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 4.05 แสนล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2.95% ของสินเชื่อรวม

       - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีขึ้นจากปัจจุบัน โดยดัชนีเพิ่มจากเดือน มิ.ย. ที่ 50.7 ขึ้นมาเป็น 54.6 ในเดือน ก.ย. 2560 แม้สัดส่วนผู้ประกอบการจะมีมุมมองเชิงบวกลดลง เพราะเห็นว่าคำสั่งซื้อในภาคอุตสาหกรรมจะลดลง

        - สมาคมธนาคารไทยกำลังหารือแนวทางการลดค่าธรรมเนียมป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามที่รัฐบาลต้องการ แต่ยังไม่มีข้อสรุป ซึ่งทางธนาคารเห็นว่าปัญหาหลักไม่ใช่เรื่องค่าธรรมเนียมหรือค่าพรีเมียม การป้องกันความเสี่ยง แต่เป็นเรื่องความรู้ความเข้าใจผลิตภัณฑ์การเงินของเอสเอ็มอีมากกว่า

*หุ้นเด่นวันนี้

       - FOCUS-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น (FOCUS)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 31,679,999 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.80 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วันที่ 7 ก.ค.60) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 29 ก.ย.60 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 6 ก.ค.63

       - PTTGC (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 84 บาท Laggard play ในกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นแกร่งนอกจากนี้กำลังการผลิตใหม่ที่รับเข้ามาจาก PTT จะเริ่มรับรู้กำไรตั้งแต่ H2/60 หนุนกำไรปีนี้ +43% ด้วย PE 10x และ เงินปันผล 5% คาดราคาหุ้นจะ outperform ตลาด

       - EPG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อลงทุน"เป้า 16 บาท ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ แต่ยังต่ำกว่าต้นทุนเฉลี่ย 10 สัปดาห์ที่ 12.36 บาท มากถึง 12% จึงเป็นไปได้ที่จะมีแรง cover short เข้ามาต่อเนื่อง สอดคล้องยอด short sales ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ พร้อมคาดกำไร Q1/61 (เม.ย.-มิ.ย.60) จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และจะค่อย ๆ เห็นการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ขณะที่ PE ปัจจุบันที่ 19 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 25 เท่า

       - SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 15.50 บาท คาดกำไร Q2/60 ที่ 131 ลบ. เพิ่มขึ้นถึง 62% Y-Y จากการเพิ่ม 4 แบรนด์ใหญ่ตั้งแต่ต้นปี, ยอดขายมือถือที่กลับมาโต, และกระแสขุดบิทคอยน์ที่หนุนยอดขายการ์ดจอและพาวเวอร์ซับพลาย เรามีแนวโน้มปรับประมาณการขึ้นหากกำไรออกมาตามคาด ราคาปัจจุบันคิดเป็น PEG เพียง 1.2 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 1.8 เท่า

       - IRPC (โกลเบล็ก) เป้า Bloomberg Consensus 5.95 บาท คาดกำไรปกติในไตรมาส 2 สูงขึ้นหลังไม่มีหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น UHV เหมือนไตรมาส 1 คาดใช้กำลังการกลั่นเพิ่มจาก 190 KBD สู่ 200 KBD และจะเพิ่มเป็น 215 KBD ภายในปลายปี 61 หากปรับปรุงหอกลั่นแล้วเสร็จส่งผลให้รับน้ำมันดิบจากแหล่งหลากหลายได้ โดย Bloomberg คาดกำไรปี 60 ที่ราว 1.02 หมื่นล้านบาท โต 5%YoY อีกทั้งมีประเด็นบวกครึ่งปีหลังคาดโรงงานผลิต PP เฟส 2 แล้วเสร็จ Q3/60 ทำให้ผลิต Polypropylene (PP) ได้อีก 300 KTA รวม 700 KTA ซึ่งปัจจุบันเม็ดพลาสติก PP มีอัตรากำไรสูงเพราะวัตถุดิบราคาปรับตัวลง

ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ หลังจีนเผย PMI ภาคการผลิต-ภาคบริการชะลอตัว

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจีนเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการที่ชะลอตัวลง

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,933.45 จุด ลดลง 26.39 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,252.75 จุด ลดลง 0.49 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,048.45 จุด เพิ่มขึ้น 69.06 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,396.76 จุด ลดลง 26.29 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,392.02 จุด ลดลง 8.97 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,338.17 จุด เพิ่มขึ้น 7.42 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,767.90 จุด เพิ่มขึ้น 0.82 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,068.66 จุด ลดลง 2.81 จุด

     สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค. ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 51.4 จากระดับของเดือนมิ.ย.ที่ 51.7

      ขณะเดียวกัน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ค. ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.5 จากระดับของเดือนมิ.ย.ที่ 54.9

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 74.64 จุด หลังหุ้นกลุ่มบริษัทบุหรี่ร่วง

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มบริษัทบุหรี่ หลังจากที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) มีแผนที่จะลดปริมาณนิโคตินในบุหรี่ลงสู่ระดับที่ไม่ทำให้เสพติด

     ดัชนี FTSE 100 ลดลง 74.64 จุด หรือ 1% ปิดที่ 7,368.37 จุด

     หุ้นกลุ่มผู้ผลิตบุหรี่ปรับตัวลดลง โดยหุ้นบริทิช อเมริกัน โทแบคโค ร่วงลง 6.8% และหุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ส ลดลง 3.8%

      สำหรับหุ้นกลุ่มอื่นก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยหุ้นบีที กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมชั้นนำ ลดลง 1.8% หลังจากกำไรสุทธิของไตรมาสแรกปีงบการเงิน 2561 ปรับตัวลดลง

                หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล คอนโซลิเดท แอร์ไลน์ส กรุ๊ป ขยับลง 0.1% ขณะที่หุ้นอีซี่เจ็ท ลดลง 0.6%

                หุ้นบาร์เคลย์ ร่วงลง 1.7% หลังประสบภาวะขาดทุนในไตรมาส 2

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลังหุ้นยูบีเอส-หุ้นเทคโนโลยีร่วง

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นยูบีเอส รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

       ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 1% ปิดที่ 378.34 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.

        ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,131.39 จุด ลดลง 55.56 จุด หรือ 1.07% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,162.70 จุด ลดลง 49.34 หรือ 0.40% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,368.37 จุด ลดลง 74.64 จุด หรือ 1.00%

       หุ้นยูบีเอส ร่วงลง 2.9% จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง แม้ว่ายูบีเอสจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 14% ในไตรมาส 2 ก็ตาม

        หุ้นเครดิต สวิส กรุ๊ป ทะยาน 3.1% หลังทำกำไรสุทธิได้มากเกินคาด

        หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ขยับขึ้น 0.2% หลังเผยผลกำไรที่ลดลง 6.4% แต่ยังดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

หุ้นบังโค ซานตานเดร์ ขยับลง 0.1%

      ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.3% โดยได้รับแรงกดดันหลังจากอเมซอนดอทคอม อิงค์ บริษัทค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่ ได้เปิดเผยผลประกอบการที่ดิ่งลงถึง 77% ในไตรมาส 2 พร้อมกับคาดการณ์ว่าอาจขาดทุนจากการดำเนินงานในไตรมาสปัจจุบัน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 33.76 จุด ขานรับ GDP สหรัฐขยายตัว

       ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮเมื่อวันศุกร์ (28 ก.ค.) ขานรับตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวขึ้น แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นอเมซอน

       ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 33.76 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 21,830.31 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.32 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 2,472.10 จุด ดัชนี Nasdaq ขยับลง 7.51 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 6,374.68 จุด

       กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ปี 2560 อยู่ที่ระดับ 2.6% ซึ่งสูงกว่าที่ขยายตัว 1.2% ในไตรมาสแรก ขณะที่สอดคล้องกับมุมมองของนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าเศรษฐกิจไตรมาส 2 ของสหรัฐจะดีดตัวขึ้นกว่า 2.5%

        รายงานระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวเร็วขึ้นในช่วงไตรมาส 2 นั้น ได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายผู้บริโภค และการลงทุนของภาคธุรกิจในด้านเครื่องมืออุปกรณ์ โดยการใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักและมีสัดส่วนขนาดใหญ่ในเศรษฐกิจสหรัฐ ขยายตัว 2.8% หลังจากที่ขยายตัว 1.9% ในไตรมาสก่อนหน้า ส่วนการลงทุนของภาคธุรกิจในเครื่องมืออุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์ เพิ่มขึ้น 8.2%

      อเมซอนดอทคอม อิงค์ บริษัทค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่ ได้เปิดเผยผลประกอบการที่ดิ่งลงถึง 77% ในไตรมาส 2 พร้อมกับคาดการณ์ว่าอาจขาดทุนจากการดำเนินงานในไตรมาสปัจจุบัน เนื่องจากบริษัทกำลังทุ่มเงินลงทุนอย่างหนักในด้านคอนเทนต์วิดีโอ รวมถึงลงทุนในตลาดที่กำลังเติบโต อย่างเช่นอินเดีย ซึ่งผลประกอบการที่น่าผิดหวังดังกล่าวส่งผลให้หุ้นอเมซอนร่วงลงเกือบ 3%

                อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!