WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

51ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้น รับ Sentiment บวกจากตลาดตปท.,เล็งแรงซื้อคืนของสถาบันในปท.ช่วยหนุน

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากได้รับ Sentiment ดีจากตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างบวกกันราว 0.2-0.3% เช่นเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นทำสถิติใหม่ภายหลังจากที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯออกมาดีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บ้านเราก็มีแรงซื้อคืนจากสถาบันในประเทศด้วย

      อย่างไรก็ดี อยากจะเตือนให้ระวังความผันผวนของตลาดฯด้วย เนื่องจากผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แม้ว่าจะออกมาคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1-1.25% แต่ได้มีการส่งสัญญาณการปรับลดงบดุลในเดือนก.ย.นี้ และทางวุฒิสภาของสหรัฐฯก็จะโหวตต้านกฎหมายสุขภาพด้วย ทำให้สร้างความกังวลเกี่ยวกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ

      พร้อมให้แนวรับ 1,580-1,575 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585-1,586 จุด ถัดไป 1,590 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

            - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ก.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,711.01 จุด เพิ่มขึ้น 97.58 จุด (+0.45%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,422.75 จุด เพิ่มขึ้น 10.57 จุด (+0.16%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,477.83 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด (+0.03%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 23.58 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.90 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 61.68 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 8.72 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.77 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.05 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.03 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 34.70 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ก.ค.60) 1,583.17 จุด เพิ่มขึ้น 1.75 จุด (+0.11%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 884.50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ก.ค.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ก.ค.60) ปิดที่ 48.75 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.8%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ก.ค.60) ที่ 7.42 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.37 ก่อนแข็งค่าต่อมาที่ 33.33 ทำสถิติใหม่ในรอบ 26 เดือน

                - ผ่านครึ่งแรกของปี 2560 สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ส่งสัญญาณน่ากังวล พบมียอดเหลือขายสะสมเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2559 เกือบ 1 หมื่นหน่วย ขณะที่ยอดเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงทั้งจำนวนและมูลค่า เผยราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดสายสีม่วงใต้ จ่อปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8-9%

                - "สมคิด" เร่งเครื่องปฏิรูปเศรษฐกิจไทยให้เห็นเป็นรูปธรรมก่อนเลือกตั้ง ดัน "อุตตม" ปรับอุตสาหกรรมเกษตรสู่ Bioeconomy และคลัสเตอร์ท่องเที่ยวบริการ ดึงเอสเอ็มอี เกษตรเชื่อมโยง แย้ม ครม.สัปดาห์หน้าอัดมาตรการการเงินหนุนเอสเอ็มอี "อุตตม" จ่อชง ครม.คลอดแผนพัฒนา Bioeconomy นอกพื้นที่อีอีซี

                - "แบงก์ชาติ" เผยเกณฑ์ใหม่ คุมสินเชื่อไร้หลักประกันมุ่งเป้าคนรายได้น้อย หวังป้องก่อหนี้เกินตัว ชี้สถิติเป็นกลุ่มที่มี เอ็นพีแอลสูง เริ่มใช้ 1 ก.ย.นี้ มั่นใจไม่กดดันลูกค้าหันพึ่งหนี้นอกระบบ เหตุให้ผู้ประกอบการเปิดวงเงินฉุกเฉินกรณีจำเป็น พร้อมหั่นดอกเบี้ยบัตรเครดิตเหลือ 18% หลังต้นทุนปรับลด ด้านผู้ประกอบการห่วงเริ่มไม่ทันกำหนดเหตุติดเกณฑ์ปล่อยกู้ไม่เกิน 3 แห่ง ด้าน "เคทีซี" ชี้ อาจฉุดการเติบโตพอร์ตสินเชื่อครึ่งปีหลัง

                - ตลาดหลักทรัพย์ คาดบจ.แห่เพิ่มทุนครึ่งปีหลังพุ่ง 2 เท่า ตัวแตะมูลค่าระดมทุนรวม 2.7 แสนล้านบาทตามเป้าหมาย จากครึ่งปีแรกระดมทุนเพียง 9.8 หมื่นล้านบาท ชี้มีบริษัทใหญ่เล็งเพิ่มทุนขนาดใหญ่ ด้านไอพีโอยังคึกคัก ประเมินวอลุ่มซื้อขายไตรมาส 4 ฟื้น หวังเงินทุนไหลเข้าดันดัชนี แจงกระดานสตาร์ทอัพเปิดเทรดสิ้นปีนี้

                - 'อาคม' ลงพื้นที่ทดสอบความพร้อมก่อนเปิดเดินรถเชื่อมต่อสถานีบางซื่อ-เตาปูน 11 ส.ค. เล็งเสนอ ครม.บรรจุสิทธิให้ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนใช้รถไฟฟ้าฟรี พร้อมเปิดบริการบัตรแมงมุม ต.ค. เร่งเดินหน้าหาข้อสรุปแนวทางก่อสร้างสายสีน้ำตาล แคราย-ลำสาลี

*หุ้นเด่นวันนี้

                - FTE บมจ.ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจพาณิชย์ โดยมีราคาขาย IPO 2.95 บาท/หุ้น ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาเหมาะสมปีนี้ 4 บาท อิง PE เฉลี่ยของ HARN และกลุ่มค้าปลีกที่ 22.5 เท่า กำไรสุทธิ 1Q60 เพิ่มขึ้นถึง 82% Y-Y อยู่ที่ 27 ล้านบาท ส่วนทั้งปีนี้คาดโต 22% Y-Y อยู่ที่ 106 ล้านบาท และคาดโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 12% ในปี 2561-2562 จากการลงทุนภาครัฐฯที่จะทำให้ยอดขายอุปกรณ์ดับเพลิงเพิ่มขึ้น และการรับรู้งานวางระบบป้องกันอัคคีภัยให้สถานีไฟฟ้าของ กฟผ.

                - CHG (ธนชาต) "ซื้อ" เป้า 3 บาท CHG เป็นโรงพยาบาลในภาคตะวันออกที่ได้รับผลดีจากการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจ EEC มากที่สุด ในระยะยาว ขณะที่การขยายโรงพยาบาลขนาด 100 เตียง 2 แห่งในปี 2561-2562 สนับสนุนกำไรเติบโตเฉลี่ย 16% ต่อปี ช่วง 2560-2564

                - LPH (ฟินันเซีย ไซรัส) "เก็งกำไรระยะสั้น"เป้า 9.50 บาท ยังไม่รวม Upside จากการการขายที่ดินและการลงทุนในโรงพยาบาลอื่น โดยกลุ่มโรงพยาบาลเริ่มขยับ จากการกลับมาระบาดของไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเขตบางกะปิพื้นที่ใกล้ LPH มักติด 1 ใน 5 เขตที่มีผู้ป่วยหนาแน่นของกทม. และได้ประโยชน์จากการปรับเพิ่มเงินประกันสังคมมากที่สุด เพราะมีสัดส่วนถึง 45% ของรายได้รวม หนุนกำไรให้เร่งตัวขึ้นใน 2H60 (ประมาณการเดิมคาดทั้งปี +11% Y-Y)

                - IRPC (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดกำไรปกติฟื้นตัวแข็งแกร่งจากการไม่มีปิดซ่อมบำรุงเช่นในไตรมาสแรก แม้กำไรสุทธิอาจชะลอตัวบ้างจากขาดทุนสต็อกน้ำมัน

                - BANPU (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลการดำเนินงานฟื้นตัวตามโรงไฟฟ้าหงสา ราคาปัจจุบัน underperform ลูกอย่าง ITMG จนอยู่ในจุดที่การซื้อหุ้นบ้านปู น่าสนใจ

ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่บวกเช้านี้ ขานรับเฟดมีมติคงดอกเบี้ย

            ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ไว้

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,026.58 จุด ลดลง 23.58 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,243.77 จุด ลดลง 3.90 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,002.70 จุด เพิ่มขึ้น 61.68 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,427.83 จุด เพิ่มขึ้น 8.72 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,443.28 จุด เพิ่มขึ้น 8.77 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,342.77 จุด เพิ่มขึ้น 6.05 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,765.97 จุด ลดลง 0.03 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,072.21 จุด เพิ่มขึ้น 34.70 จุด

       คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด ขณะเดียวกันเฟดได้ส่งสัญญาณที่จะเริ่มปรับลดงบดุลในเดือนก.ย. จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

      "ทางคณะกรรมการคาดหวังว่าจะเริ่มทำการปรับงบดุลเข้าสู่ภาวะปกติ 'ในไม่ช้า' โดยขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ไว้" แถลงการณ์ระบุ

      ทั้งนี้ เฟดได้เปลี่ยนแปลงการใช้ถ้อยคำในแถลงการณ์จากเดิมที่ใช้คำว่า 'ในปีนี้' เป็น 'ในไม่ช้า' ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า เป็นการบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับลดงบดุลในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งต่อไป

       แถลงการณ์ของเฟดในการประชุมเมื่อวานนี้ยังระบุว่า การปรับตัวของเศรษฐกิจจะสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่เฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ส่วนความเสี่ยงในระยะใกล้นั้น เฟดระบุว่ายังคงมีความสมดุล โดยเศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลางในปีนี้ ขณะที่ตลาดแรงงานมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อในระยะใกล้ยังคงปรับตัวอยู่ต่ำกว่าระดับ 2%

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นไอทีวีพุ่ง หนุนฟุตซี่ปิดบวก 17.50 จุด

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) ด้วยปัจจัยหนุนจากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่อย่างไอทีวี นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลตัวเลขจีดีพีของสหราชอาณาจักรในไตรมาส 2 ที่ขยายตัวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

      ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 17.50 จุด หรือ +0.24% ปิดที่ 7,452.32 จุด

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับแรงหนุนจากหุ้นไอทีวี สถานีโทรทัศน์รายใหญ่ของสหราชอาณาจักร ซึ่งทะยานขึ้น 2.4% ภายหลังจากสถานีโทรทัศน์ดังกล่าวซึ่งแพร่ภาพออกอากาศละครซีรีส์ชื่อดังอย่าง "ดาวน์ตัน แอบบีย์" ได้ประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล พร้อมกับระบุว่า ผลกำไรก่อนหักภาษีของบริษัทที่ร่วงลง 16% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้นั้น เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว

     หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเฟรสนิลโล ขยับขึ้น 0.6% หลังบริษัทยืนยันคงกำลังการผลิตสินแร่ในปี 2560 ตามแผน แม้ว่าบริษัทเพิ่งรายงานว่า ผลผลิตแร่เงินและทองคำมีการปรับตัวขึ้นในไตรมาส 2

     หุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 2% หลังจากที่พุ่งขึ้น 6.1% ในวันอังคาร หลังบริษัทผลิตแร่เหล็ก "คัมบา" ในแอฟริกาใต้ ซึ่งมีแองโกล อเมริกันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่นั้น เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะกลับมาจ่ายเงินปันผลอีกครั้ง

     ดัชนี ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยหนุนบางส่วนจากข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหราชอาณาจักรมีการขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส และเพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ก่อนหน้านี้

                ONS ยังเปิดเผยว่า ตัวเลขจีดีพีเมื่อเทียบประชากรต่อหัวเพิ่มขึ้น 0.1% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส และเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ผลผลิตในภาคบริการของอังกฤษมีการขยายตัว 0.5% ในไตรมาส 2

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : ผลประกอบการแข็งแกร่ง หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึง เดมเลอร์ เอจี ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งคณะกรรมการเฟดจะเปิดเผยผลการประชุมภายหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว

      ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 382.74 จุด

      ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,305.11 จุด เพิ่มขึ้น 40.80 จุด หรือ +0.33% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,452.32 จุด เพิ่มขึ้น 17.50 จุด หรือ +0.24% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,190.17 จุด เพิ่มขึ้น 29.09 จุด หรือ +0.56%

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้น ขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของยุโรป โดยเดมเลอร์ เอจี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 2.44 พันล้านยูโร จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 2.43 พันล้านยูโร

       หุ้นเปอร์โยต์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 3.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 4.1% ในช่วงครึ่งปีแรก จากการที่บริษัทดำเนินแผนปรับลดต้นทุน

        หุ้นโฟล์คสวาเกน ปรับตัวขึ้น 1.6% ขณะที่หุ้นแอร์บัส พุ่งขึ้น 2.7%

     อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสถิติฝรั่งเศส (Insee) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงจากระดับสูงสุดในรอบสิบปีที่ 108 ในเดือนมิ.ย. มาอยู่ที่ระดับ 104 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ. และผิดไปจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะทรงตัวที่ระดับเดิม

      รายงานของ Insee ระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงอย่างมาก เนื่องจากภาคครัวเรือนสูญเสียความเชื่อมั่นในสถานะทางการเงินและความสามารถในการออม ท่ามกลางสถานการณ์คะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครอง ของฝรั่งเศส ที่ร่วงลงถึง 10% ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 97.58 จุด รับเฟดมีมติคงดอกเบี้ย,ผลประกอบการแข็งแกร่ง

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันเฟดส่งสัญญาณว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนยักษ์ใหญ่ ซึ่งรวมถึง โคคา โคล่า และโบอิ้ง

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,711.01 จุด เพิ่มขึ้น 97.58 จุด หรือ +0.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,477.83 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด หรือ +0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,422.75 จุด เพิ่มขึ้น 10.57 จุด หรือ +0.16%

       ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดทำนิวไฮ หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด ขณะเดียวกันเฟดได้ส่งสัญญาณที่จะเริ่มปรับลดงบดุลในเดือนก.ย. จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

       "ทางคณะกรรมการคาดหวังว่าจะเริ่มทำการปรับงบดุลเข้าสู่ภาวะปกติ 'ในไม่ช้า' โดยขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ไว้" แถลงการณ์ระบุ

        ทั้งนี้ เฟดได้เปลี่ยนแปลงการใช้ถ้อยคำในแถลงการณ์จากเดิมที่ใช้คำว่า 'ในปีนี้' เป็น 'ในไม่ช้า' ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า เป็นการบ่งชี้ว่าเฟดจะปรับลดงบดุลในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งต่อไป

       แถลงการณ์ของเฟดในการประชุมเมื่อวานนี้ยังระบุว่า การปรับตัวของเศรษฐกิจจะสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่เฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ส่วนความเสี่ยงในระยะใกล้นั้น เฟดระบุว่ายังคงมีความสมดุล โดยเศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลางในปีนี้ ขณะที่ตลาดแรงงานมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อในระยะใกล้ยังคงปรับตัวอยู่ต่ำกว่าระดับ 2%

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐ โดยบริษัทโบอิ้งเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร 2.55 ดอลลาร์/หุ้น ในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.30 ดอลลาร์/หุ้น ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นโบอิ้งปิดตลาดพุ่งขึ้นเกือบ 10%

      ด้านบริษัทโคคา โคล่า เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรที่ระดับ 59 เซนต์/หุ้น ในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะหี่ 57 เซนต์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 9.702 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 9.652 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้หุ้นโคคา โคล่า ปิดตลาดปรับตัวขึ้น 1.1%

        ขณะที่บริษัทฟอร์ด มอเตอร์ รายงานว่าบริษัทมีกำไร 56 เซนต์/หุ้น ในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 43 เซนต์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 3.99 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.71 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปิดตลาดอ่อนแรงลง 1.9%

      ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

       สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดเมื่อคืนนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนมิ.ย. โดยเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 610,000 ยูนิต ขณะที่สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ปรับตัวลง

     นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่สำคัญของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ดุลการค้าเดือนมิ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2

      นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ โดยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอแค่ถึงเดือนก.ย. จึงขอเรียกร้องให้สภาคองเกรสเพิ่มเพดานหนี้ ก่อนที่จะปิดสมัยประชุมในเดือนหน้า เพื่อให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ พร้อมระบุว่า สถานการณ์ในขณะนี้กำลังส่งผลกระทบต่อเงินของผู้เสียภาษีสหรัฐ ซึ่งอาจต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และสร้างความผันผวนต่อตลาดการเงิน

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!