WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

12ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้น รับผลบวกงบฯ Q2/60 ของบจ.ดีกว่าคาด-ต่างชาติกลับมาซื้อหนุนตลาด

       นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะยังขยับขึ้นต่อได้ หลังจากที่การประกาศผลประกอบการในไตรมาส 2/60 ของ 3 บริษัทที่ออกมาทั้ง TISCO ,LHBANK และ DTAC ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยเฉพาะ DTAC ที่มีกำไรมากกว่าที่ตลาดคาดถึง 2 เท่า น่าจะช่วยลดความผิดหวังเรื่องการไม่จ่ายปันผลรอบครึ่งปีของ DTAC ได้บ้าง อย่างไรก็ตามเบื้องต้นมองว่าภาพรวมของผลประกอบการบจ.ในไตรมาส 2/60 จะไม่ดีมากนัก โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานที่อาจได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง เพียงแต่บจ.ที่ประกาศผลประกอบการออกมาในช่วงนี้ทำได้ดีกว่าที่คาดทำให้อาจเป็นปัจจัยหนุนการลงทุนในช่วงสั้น

       ขณะเดียวกัน ยังต้องติดตามความต่อเนื่องของแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ หลังเมื่อวานนี้กลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก และยังเปิดสถานะ long ในตลาดอนุพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ 2 วันติดต่อกัน ซึ่งหากกระแสเงินทุนยังมีความต่อเนื่องก็จะผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นต่อไปได้

       ด้านปัจจัยต่างประเทศยังมีทิศทางที่เป็นบวก หลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่การลดงบดุลอาจจะยังไม่เห็นในระยะสั้นนี้ ซึ่งต้องจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ ในเดือนมิ.ย.ที่จะออกมาในคืนนี้ด้วย ซึ่งหากเงินเฟ้อสูงขึ้นก็อาจจะมีผลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยและอาจจะกลับมาเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดได้

      "ตลาดยังขยับขึ้นได้ แต่ Upside จำกัด นักลงทุนยังไม่แน่ใจเรื่อง Flow เข้ามาต่อเนื่องหรือไม่ ขณะที่ Valuation ตึงตัว ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นกับงบฯที่จะออกมา ช่วงที่ผ่านมางบฯออกมาดีทำให้เป็น Sentiment บวกระยะสั้น แต่ภาพรวมการประกาศงบฯจนถึงวันสุดท้ายที่จะออกมา งบฯไม่ค่อยดีนัก เพียงแต่ตัวที่ออกมาก่อนในช่วงนี้เป็นงบฯที่ออกมาดีเท่านั้น"นายอภิชาติ กล่าว

      พร้อมให้แนวต้านวันนี้ที่บริเวณ 1,584-1,585 จุด และ 1,590 จุด ส่วนแนวรับ อยู่ที่ 1,575 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 ก.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,553.09 จุด เพิ่มขึ้น 20.95 จุด (+0.10%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,274.44 จุด เพิ่มขึ้น 13.27 จุด (+0.21%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,447.83 จุด เพิ่มขึ้น 4.58 จุด (+0.19%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 58.11 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.13 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 70.51 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.23 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.51 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.04 จุด และ ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 16.02 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ก.ค.60) 1,579.41 จุด เพิ่มขึ้น 4.48 จุด (+0.28%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,420.33 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ก.ค.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 ก.ค.60) ปิดที่ 46.08 ดอลลาร์/บาร์เรล  เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 1.3%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ก.ค.60) ที่ 6.91 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.92 ตลาดจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ-ค้าปลีกสหรัฐฯคืนนี้

                - รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการสามัญสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อยู่ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างวาระ 2 ซึ่งมีการเสนอให้ขยายฐานการจัดเก็บภาษี โดยในระยะแรกยังไม่ให้เน้นการเก็บภาษีที่อยู่อาศัยตามเพดานของราคาที่ดิน รวมสิ่งปลูกสร้างที่มีมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท แต่ให้ใช้วิธีการลดเพดานราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง เช่น ให้เหลือ 20-30 ล้านบาท และให้ลดอัตราภาษีลง เพื่อดึงให้ฐานภาษีกว้างมากขึ้นก่อนในระยะแรก

                - นายกสมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหาร เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากมีผู้ประกอบการปิดกิจการไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1,300 ราย เพิ่มขึ้นกว่าปี 2559 ที่ทั้งปีปิดกิจการไปเกือบ 1,000 รายเท่านั้น และทั้งปีคาดร้านอาหารจะปิดตัวถึงกว่า 2,300 ร้านค้า

                - ตลาดหลักทรัพย์เล็งหามาตรการกระตุ้นการซื้อขายสินค้าเกษตรเพิ่ม หลังควบรวม 1 ปี ปริมาณซื้อขายพุ่งจาก 10 สัญญาต่อวันเป็น 100 สัญญาต่อวัน แต่ยังอยู่ระดับต่ำเมื่อเทียบกับการซื้อขายทั้งตลาด

                - แหล่งข่าวกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้จริงในวันที่ 16 ก.ย. 2560 นี้ มีการปรับเพดานภาษีสุรา เบียร์ และไวน์ เพิ่มสูงขึ้นมาก เพราะรองรับใน 20 ปีข้างหน้า ทั้งนี้การเพิ่มเพดานภาษีสุรา เบียร์ ไวน์ จะเพิ่มภาระภาษีตามปริมาณแรงแอลกอฮอล์ให้สูงขึ้นกว่าภาระภาษีตามมูลค่า และเปลี่ยนฐานภาษีตามมูลค่าจากราคาขายส่งช่วงสุดท้ายเป็นราคาขายปลีกเพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมในการเก็บภาษี

                - ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย ระบุว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณการเข้ามาดูแลค่าเงินบาทให้ไม่แข็งค่าเร็วเกินไป เพื่อสนับสนุนให้ภาคการส่งออกยังขยายตัวได้ดีตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยแนวโน้มค่าเงินบาทในไตรมาส 3 ปีนี้ คาดว่าอยู่ที่ 34.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และสิ้นปีนี้คาดว่าเงินบาทอยู่ที่ 34.50 บาท

                - ผู้จัดการ ตลท.ยันธนาคารพาณิชย์ฐานะการเงินแข็งแกร่ง แม้เอ็นพีแอลพุ่ง ชี้ไม่น่ากังวล มองหุ้นไทยช่วงนี้ไม่หวือหวา ไร้ปัจจัยกระตุ้น กสิกรฯปรับจีดีพีปีนี้เป็น 3.4% หลังส่งออกฟื้น ด้าน บล.กสิกรคาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้ปิด 1,570 จุด

*หุ้นเด่นวันนี้

                - IVL (เอเอสแอล) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 44 บาท/หุ้น โดยมองว่า IVL กลับมามีความน่าสนใจในการลงทุน จากภาพรวมธุรกิจที่เริ่มกลับสู่สมดุล ทำให้เชื่อว่าธุรกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และกำลังผลิตของบริษัทที่ปรับเพิ่มต่อเนื่องจากจากแผนการข้าซื้อกิจการ เป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของผลประกอบการ ระยะสั้นยังมีปัจจัยบวกจากกำไรปกติ 2Q60 ที่แข็งแกร่ง เป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุน ประเมินกำไรปกติอยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% QoQ โดยกำไรจากการดำเนินงานปกติได้รับปัจจัยบวกจากยอดขายและ Core EBITDA Margin ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิ 2Q60 จะอยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท ลดลง 20%QoQ หลังได้รับผลกระทบจาก Stock loss จำนวน 1.3 พันล้านบาท

                - GFPT (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 21 บาท/หุ้น โดยคาดว่า GFPT จะมีกำไร 2Q60 เพิ่มขึ้น 28.6% YoY และ 15.5% QoQ จากราคาไก่ที่สูง รวมถึงการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับผู้ส่งออกรายใหญ่ เช่น บราซิลประสบปัญหาคุณภาพสินค้า เป็นโอกาสดีต่อผู้ประกอบการของไทย โดยครึ่งปีหลังจะมีผลบวกจากฤดูกาลที่ครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกเนื่องจากผ่านพ้นช่วงอากาศหนาวในต่างประเทศ รวมถึงคำสั่งซื้อล่วงหน้าช่วงก่อนคริสตมาส คาดว่า GFPT จะมีกำไรทั้งปีเพิ่มขึ้น 14.6% ในปี 2560 และ 7% ในปี 2561

                - DTAC (ธนชาต) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 65 บาท/หุ้น หลังผลกำไร 2Q60 ของ DTAC ออกมาที่ 743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 426% y-y และ 224% q-q แต่หากไม่รวมผลจากค่าใช้จ่ายพิเศษใน 2Q59 แล้ว ผลกำไรจากการดำเนินงานหลักจะเติบโต 25% y-y และ 248% q-q ผลกำไรที่รายงานออกมานี้ดีกว่าที่คาดไว้มากทั้งด้านรายได้แต่ส่วนของต้นทุนค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากการกลับมามุ่งเน้นในกลุ่มลูกค้ารายเดือน โดยเชื่อว่าแนวโน้มผลกำไรที่ดีนี้จะดำเนินต่อไป และมองว่าจะมี Upside ในประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย โดย DTAC ยังคงเป็น top pick ในกลุ่มสื่อสารฯ

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ทำนิวไฮต่อเนื่อง

        ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เน้นย้ำในการแถลงนโยบายรอบครึ่งปีเมื่อวานนี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,157.92 จุด เพิ่มขึ้น 58.11 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,212.03 จุด ลดลง 6.13 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,416.68 จุด เพิ่มขึ้น 70.51 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,450.92 จุด ลดลง 9.23 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,418.27 จุด เพิ่มขึ้น 8.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,240.18 จุด เพิ่มขึ้น 4.51 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,756.82 จุด เพิ่มขึ้น 3.04 จุด

     นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาเจพีมอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก ที่จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ในวันนี้ รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่จะเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 3.49 จุด เหตุเงินปอนด์แข็งค่า

        ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) จากแรงกดดันของสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้น ภายหลังจากนายเอียน แม็กแคฟเฟอร์ตี หนึ่งในกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารอังกฤษ (BoE) ได้ออกมาสนับสนุนให้ธนาคารกลางพิจารณาถอนมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ให้เร็วขึ้น

       ดัชนี FTSE 100 ลดลง 3.49 จุด หรือ -0.05% ปิดที่ 7,413.44 จุด

       ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับปัจจัยลบจากการที่สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ภายหลังจากนายเอียน แม็กแคฟเฟอร์ตี หนึ่งในกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ BoE ได้เรียกร้องให้ธนาคารกลางอังกฤษพิจารณายกเลิกการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณให้เร็วขึ้น

       นอกจากนี้ ดัชนี FTSE 100 ยังได้รับแรงฉุดจากหุ้นจดทะเบียนรายใหญ่อย่างแอสทราเซเนกา ซึ่งร่วงลง 3.5% หลังมีรายงานว่านายปาสกาล โซริออต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของบริษัท เตรียมก้าวลงจากเก้าอี้และโยกไปดำรงตำแหน่งซีอีโอของเทวา ฟาร์มาซูติคอล อินดัสตรีส์ บริษัทเวชภัณฑ์ยักษใหญ่ของอิสราเอลและเป็นคู่แข่งของแอสตราเซเนกา

       หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงจากแรงกดดันของภาวะอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้น หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) รายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) มีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย. โดยหุ้นบีพีและหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ต่างขยับลง 0.8%

        หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า ถึงแม้สถาบัน RICS (Royal Institution of Chartered Surveyors) ซึ่งเป็นองค์กรผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประกอบธุรกิจการจัดการทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ รายงานว่า ราคาบ้านในอังกฤษมีการขยายตัวช้าลงอย่างมากในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. โดยหุ้นเทย์เลอร์ วิมปีย์ พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นบาร์ราตต์ เดเวลลอปเมนต์ส เพิ่มขึ้น 1.9% และหุ้นเพอร์ซิมมอน เพิ่มขึ้น 2.1%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก หลังประธานเฟดย้ำจะปรับขึ้นดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไป

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เน้นย้ำในการแถลงนโยบายรอบครึ่งปีเมื่อวานนี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

        ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 386.14 จุด

        ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,641.33 จุด เพิ่มขึ้น 14.75 จุด หรือ +0.12% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,235.40 จุด เพิ่มขึ้น 13.27 จุด หรือ +0.25% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,413.44 จุด ลดลง 3.49 จุด หรือ -0.05%

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่สอง หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดได้เน้นย้ำในระหว่างการแถลงนโยบายรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้เมื่อวานนี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่า การปรับลดงบดุลของเฟดจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน

      ถ้อยแถลงของนางเยลเลนเมื่อวานนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เฟดพร้อมที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ

     ทั้งนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดงบดุลอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้ ถึงแม้เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ตราบใดที่เศรษฐกิจยังคงมีการปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ อย่างไรก็ดี นางเยลเลนไม่ได้ระบุแน่ชัดถึงกำหนดเวลาที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากที่ปรับขึ้นในเดือนมี.ค. และมิ.ย.

       หุ้นเทเลคอม อิตาเลีย พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับเพิ่มแนวโน้มความน่าเชื่อถือของบริษัทเทเลคอม อิตาเลีย ขึ้นสู่ระดับ "เชิงบวก"

       อย่างไรก็ตาม หุ้นแอสทราเซเนก้า ปรับตัวลง 3.5% ขณะที่หุ้นเดมเลอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ขยับลง 0.5%

       สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศยุโรปที่มีการเปิดเผยล่าสุด สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวขึ้น 1.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งขยับขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 1.5% ในเดือนพ.ค.

        อัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้สอดคล้องกับตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่มีการเปิดเผยเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดยังคงต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารยุโรป (ECB) ที่กำหนดให้เงินเฟ้ออยู่ที่ใกล้ระดับ 2%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 20.95 จุด จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์,ค้าปลีก

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร ก่อนที่เจพีมอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ในวันนี้ และจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เน้นย้ำในการแถลงนโยบายรอบครึ่งปีเมื่อวานนี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,553.09 จุด เพิ่มขึ้น 20.95 จุด หรือ +0.10% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,447.83 จุด เพิ่มขึ้น 4.58 จุด หรือ +0.19% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,274.44 จุด เพิ่มขึ้น 13.27 จุด หรือ +0.21%

        หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก ก่อนที่ธนาคารยักษ์ใหญ่ 3 แห่งของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ในวันนี้ ซึ่งได้แก่เจพีมอร์แกน เชส, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับตัวขึ้น 1.2%

       หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น หลังจากบริษัททาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ คาดการณ์ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2 และคาดว่ากำไรในไตรมาสดังกล่าวจะสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยหุ้นทาร์เก็ต พุ่งขึ้น 4.8% หุ้นวอล-มาร์ท ปรับตัวขึ้น 1.5% หุ้นเมซีย์ ทะยานขึ้น 4.2% และหุ้นเบสท์ บาย พุ่งขึ้น 2.6%

      นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดได้เน้นย้ำในระหว่างการแถลงนโยบายรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้เมื่อวานนี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่า การปรับลดงบดุลของเฟดจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน

       สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 247,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 1 เดือน โดยตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 123 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970

      ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากทรงตัวในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 2.0% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PPI ทรงตัวในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบรายปี

      ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของดัชนี PPI ได้รับแรงบวกจากการปรับตัวขึ้นของค่าใช้จ่ายในภาคบริการ ขณะที่ราคาพลังงานปรับตัวลง

      นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!