WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

19ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ขยับขึ้นต่อตามตปท.หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.ค่อยเป็นค่อยไป,เก็งงบกลุ่มแบงก์

        นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะขยับขึ้นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยบวกจากตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้น หลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในระหว่างการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้

        ส่วนภายในประเทศน่ายังมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2/60 ของหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่ยัง Laggard อย่างหุ้น KTB ,SCB หลังจากที่ BBL และ KBANK ได้ปรับตัวขึ้นไปก่อนหน้านี้ ขณะที่การประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/60 ของ TISCO ที่ออกมานั้นนับว่าอยู่ในระดับที่ดี ทำให้ความกังวลต่อปัญหาการตั้งสำรองของกลุ่มแบงก์ผ่อนคลายลง

       นอกจากนี้ ตลาดน่าจะยังมีแรงเก็งกำไรเข้ามาต่อเนื่องในกลุ่ม domestic play ทั้งกลุ่มท่องเที่ยว และเทคโนโลยี ส่วนหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี และพลังงาน อาจจะยังไม่ได้ความสนใจมากนัก จากความกังวลเรื่องผลประกอบการไตรมาส 2/60 ที่อาจจะไม่สดใส อย่างไรก็ตามการที่นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิในตลาดหุ้น และการเปิดสถานะ long ในตลาดอนุพันธ์ของนักลงทุนต่างชาติก็น่าจะช่วยหนุนนบรรยากาศการลงทุนในวันนี้ด้วย

      พร้อมให้แนวต้านบริเวณ 1,580-1,584 จุด และแนวรับที่ 1,569-1,564 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 ก.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,532.14 จุด เพิ่มขึ้น 123.07 จุด (+0.57%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,261.17 จุด เพิ่มขึ้น 67.87 จุด (+1.10%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,443.25 จุด เพิ่มขึ้น 17.72 จุด (+0.73%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 78.90 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.18 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 296.65 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 1.94 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 13.99 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.27 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.77 จุด และ ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 25.36 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ก.ค.60) 1,574.93 จุด เพิ่มขึ้น 5.69 จุด (+0.36%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 462.76 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ก.ค.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 ก.ค.60) ปิดที่ 45.49 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 45 เซนต์ หรือ 1%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 ก.ค.60) ที่ 7.11 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.94 แข็งค่าจากดอลล์อ่อนหลังประธานเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย

                - กระทรวงการคลังเตรียมเสนอให้ที่ประชุมครม. พิจารณาอนุมัติร่าง พ.ร.บ.ภาษีการได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของรัฐ หรือ ภาษีลาภลอย ภายใน 3 เดือนนี้  หลังจากที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อยู่ระหว่างแก้ไขในรายละเอียดเพิ่มเติม เบื้องต้นจะยกเลิกการตั้งกองทุน จากเดิมที่จะนำเงินจากการเก็บภาษีลาภลอยมาเก็บไว้ในกองทุน แต่ได้ปรับปรุงใหม่เป็นการนำรายได้จากการจัดเก็บภาษีส่งเข้ารัฐโดยตรง เพื่อให้รัฐได้นำเงินดังกล่าวไปพัฒนาโครงการพื้นฐานอื่น ๆ ส่วนเกณฑ์ด้านอื่นยังคงเดิม

                - รมว.คมนาคม ยืนยัน 11 ส.ค.นี้เปิดให้บริการเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้า 1 สถานีเตาปูน-บางซื่อได้ชัวร์ คาดผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 3 หมื่นคนต่อวัน เป็น 1 แสนคนต่อวัน ตามเป้าที่ตั้งไว้ พร้อมยันคงค่าโดยสารราคาเดิม 14-42 บาท ส่วนคนถือบัตร 29 บาทตลอดสาย

                - กกพ.เคาะเอฟทีงวดใหม่เดือนก.ย.-ธ.ค.60 เพิ่ม 8.87 สตางค์/หน่วย ส่งผลประชาชนควักจ่าย 3.60 บาท/หน่วย ชี้สะท้อนราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น และภาระจากการใช้พลังงานทางทดแทน ด้าน สนพ.แจงเปิดเสรีแอลพีจี ไม่กระทบขายปลีกในประเทศ

                - 'สมคิด' บี้ บสย.ขยายวงเงินค้ำประกันเอสเอ็มอี เป็น 30% ขีดเส้นล้างท่อ 1 แสนล้านบสมหมดภายใน สิ้นปีนี้ พร้อมชงครม.ยกเว้นค่าธรรมเนียม 1.75% ต่อปีเร็วๆ นี้ แนะเอสเอ็มอีทำ 'เฮดจิ้ง' ป้องกันความเสี่ยงค่าเงินบาทแข็ง

                - สมาคมแบงก์หนุน ธปท.คุมสินเชื่อบัตรเครดิต-บุคคล เชื่อช่วยสร้างวินัยการเงินคนรุ่นใหม่ไม่ให้ก่อหนี้พุ่ง ด้านกระทรวงคลังระบุเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศ ไม่กังวลหนี้นอกระบบ ขณะที่เคทีซียอมรับกระทบ ผู้มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 30,000 บาท เตรียมปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่

*หุ้นเด่นวันนี้

                - KTB (โกลเบล็ก) แนะ"รอซื้อเมื่ออ่อนตัว"หลังมีข่าวตั้งสำรองหนี้สูญ EARTH เต็ม 1.2 หมื่นล้านบาท ผลประกอบการในปีนี้จะถูกกดดันจากระดับ NPL ที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ Q1 ต่อเนื่อง Q2 ทำให้มีแนวโน้มตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาระดับ Coverage Ratio (ปลาย Q1/60 มี % Gross NPL 4.36% มี Coverage Ratio เท่ากับ 112%)  Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 60 ราว 3.27 หมื่นล้านบาท  +1.4% มีแนวโน้มลดลงหลังตั้งสำรองหนี้ EARTH ในงบ Q2/60 ซึ่งจะประกาศภายใน 21 ก.ค.คาดจะกดดันราคาหุ้นในช่วงนี้

                - FSMART (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 21.40 บาท/หุ้น โดยคาดกำไรสุทธิใน Q2/60 จะทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 139 ล้านบาท (+46.1% YoY, +5.6% QoQ) การเติบโตเป็นผลมาจากจำนวนตู้สะสมและมูลค่าการเติมเงินที่เพิ่มขึ้น โดยยังคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ไว้ที่ 546 ล้านบาท (+29.9% YoY) ซึ่งเชื่อว่าบริษัทจะบรรลุเป้าการขยายตู้เติมเงินที่ 122,000 ตู้ได้ ในระยะยาว คาดจำนวนตู้เติมเงินจะสามารถขยายเพิ่มขึ้นได้อีกอย่างน้อย 4 ปี จากจำนวนตู้เติมเงินต่อหมู่บ้านที่ยังคงอยู่ในระดับที่ 1.3 ตู้ต่อหมู่บ้าน และสัดส่วนการเติมเงินผ่านตู้เติมเงินต่อการเติมเงินทั้งระบบยังอยู่ที่เพียง 20%

                - CRANE-W1 เข้าซื้อขายวันแรกใน SET มีจำนวนหน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน 60,633,189 หน่วย อายุ 3 ปี ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาการใช้สิทธิหุ้นละ 3 บาท กำหนดใช้สิทธิครั้งแรก 15 ม.ค.61 และใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 2 ก.ค.63

                - WHAUP เทรดพาร์ใหม่วันแรกที่ 1 บาท/หุ้น จากเดิมหุ้นละ 5 บาท

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นต่อภาคบ่าย ขานรับเยลเลน-ข้อมูลเศรษฐกิจจีน

       ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นต่อในการซื้อขายภาคบ่ายวันนี้ เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เฟดพร้อมที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ดีขึ้นก็มีส่วนหนุนตลาดด้วยเช่นกัน

                ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียเปิดวันนี้ที่ 31,896.23 จุด เพิ่มขึ้น 91.41 จุด, +0.29% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 26,323.33 จุด เพิ่มขึ้น 279.69 จุด, +1.07% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,755.46 จุด ลดลง 1.78 จุด, -0.10%

     ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book เมื่อวานนี้ รายงานดังกล่าวระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวปานกลางในเดือนมิ.ย. โดยตลาดแรงงานอยู่ในภาวะตึงตัวมากขึ้น ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อลดน้อยลง

        รายงานระบุว่า "เศรษฐกิจมีการขยายตัวทั้ง 12 เขตของเฟดในเดือนมิ.ย. โดยขยายตัวในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง" โดยเขตของเฟดส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวพอประมาณไปจนถึงปานกลาง ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

       ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ยอดส่งออกของจีนในช่วงครึ่งปีแรก ปรับตัวขึ้น 15% เทียบรายปี ขณะที่ยอดนำเข้า พุ่งขึ้น 25.7% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าในช่วงเวลาดังกล่าว มูลค่า 1.28 ล้านล้านหยวน (1.88 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลง 17.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี

     กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยในวันนี้ว่า มูลค่าการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (ODI) นอกภาคการเงิน หดตัวลง 45.8% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 4.819 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งปีแรก

       ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ยอดปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนประจำเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.533 แสนล้านหยวน เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว สู่ระดับ 1.54 ล้านล้านหยวน

      ส่วนความเคลื่อนไหวด้านธนาคารและการเงินนั้น ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.25% ในการประชุมวันนี้ โดยธนาคารกลางได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เป็นเวลาติดต่อกัน 13 เดือน

       ผลการประชุมในวันนี้สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยผลการสำรวจผู้เชี่ยวชาญ 200 คนซึ่งจัดทำโดยสมาคมการลงทุนด้านการเงินแห่งเกาหลีใต้ (KFIA) พบว่า 98% ของผู้ที่ร่วมตอบแบบสำรวจได้คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 87.17 จุด รับ เยลเลน ส่งสัญญาณขึ้นดบ.ค่อยเป็นค่อยไป

       ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) โดยดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. ขานรับถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในระหว่างที่เธอแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้

       ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 87.17 จุด หรือ +1.19% ปิดที่ 7,416.93 จุด

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับปัจจัยหนุนจากถ้อยแถลงของนางเยลเลน ซึ่งระบุว่า เฟดพร้อมที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ

      เธอกล่าวว่า "คณะกรรมการเฟดยังคงคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะปรับตัวขึ้นต่อไป ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้บรรลุการจ้างงานเต็มศักยภาพ และราคาที่มีเสถียรภาพ"

       นอกจากนี้ ดัชนี FTSE 100 ยังได้แรงหนุนจากแรงซื้อในหุ้นจดทะเบียนรายใหญ่อย่างเบอร์เบอร์รี่ กรุ๊ป ซึ่งพุ่งขึ้น 3.2% ภายหลังจากผู้ผลิตสินค้าหรูดังกล่าวเปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานของบริษัทยังคงสอดคล้องตามเป้าหมายการลดต้นทุน ขณะที่ยอดขายและรายได้ไตรมาสแรกของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น

       หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าการคาดการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว และยังเป็นการปรับลดลงติดต่อกัน 2 สัปดาห์ โดยหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 1.9% และหุ้นรอยัล ดัตช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 1.8%

      หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อย่างบาร์ราตต์ เดเวลลอปเมนต์ส ขยับขึ้น 0.9% หลังบริษัทเปิดเผยรายงานคาดการณ์ว่า ผลกำไรก่อนหักภาษีประจำปีงบการเงิน 2017 น่าจะพุ่งขึ้นสูงกว่าคาด สู่ระดับ 765 ล้านปอนด์ เนื่องจากบริษัทขายบ้านราคาแพงได้มากขึ้น

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง ขานรับประธานเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดพร้อมที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้

      ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.5% ปิดที่ 384.90 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์

     ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,626.58 จุด พุ่งขึ้น 189.56 จุด หรือ +1.52% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,222.13 จุด เพิ่มขึ้น 81.53 จุด หรือ +1.59% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,416.93 จุด เพิ่มขึ้น 87.17 จุด หรือ +1.19%

       ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากนางเยลเลนได้แถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยกล่าวว่า เฟดพร้อมที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ

       ทั้งนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดงบดุลอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้ ถึงแม้เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ตราบใดที่เศรษฐกิจยังคงมีการปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ อย่างไรก็ดี นางเยลเลนไม่ได้ระบุแน่ชัดถึงกำหนดเวลาที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากที่ปรับขึ้นในเดือนมี.ค. และมิ.ย.

       "คณะกรรมการเฟดยังคงคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะปรับตัวขึ้นต่อไป ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้บรรลุการจ้างงานเต็มศักยภาพ และราคาที่มีเสถียรภาพ" นางเยลเลนกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

       หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นเรพซอล ปรับตัวขึ้น 1% และหุ้น Eni SpA พุ่งขึ้น 1.7% โดยหุ้นกลุ่มพลังงานได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

       หุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมหรูของยุโรปได้รับแรงซื้ออย่างคึกคัก โดยหุ้นหลุยส์ วิตตอง ปรับตัวขึ้น 0.9% หุ้นกุชชี่ พุ่งขึ้น 2.4% ส่วนหุ้นเบอร์เบอร์รี่ กรุ๊ป ทะยานขึ้น 3.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสเพิ่มขึ้น

      อย่างไรก็ตาม หุ้นเพียร์สัน ซึ่งเป็นบริษัทสื่อการเรียนการสอนรายใหญ่ ร่วงลง 5.1% หลังจากเพียร์สันเปิดเผยแผนการขายหุ้นในธุรกิจสำนักพิมพ์ "เพนกวิน แรนดอม เฮาส์" จำนวน 22% คิดเป็นมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ ให้กับเบอร์เทลส์แมนน์ บริษัทสื่อของเยอรมนี

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 123.07 จุด รับ เยลเลน ส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) ขานรับถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า เฟดพร้อมที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นราว 1% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,532.14 จุด พุ่งขึ้น 123.07 จุด หรือ +0.57% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,443.25 จุด เพิ่มขึ้น 17.72 จุด หรือ +0.73% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,261.17 จุด เพิ่มขึ้น 67.87 จุด หรือ +1.10%

       นางเยลเลนได้แถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยกล่าวว่า เฟดพร้อมที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ

        ในการแถลงครั้งนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดงบดุลอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้ ถึงแม้เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ตราบใดที่เศรษฐกิจยังคงมีการปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ อย่างไรก็ดี นางเยลเลนไม่ได้ระบุแน่ชัดถึงกำหนดเวลาที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากที่ปรับขึ้นในเดือนมี.ค. และมิ.ย.

       "คณะกรรมการเฟดยังคงคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะปรับตัวขึ้นต่อไป ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้บรรลุการจ้างงานเต็มศักยภาพ และราคาที่มีเสถียรภาพ" นางเยลเลนกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

       ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของประธานเฟดได้กระตุ้นให้นักลงทุนส่งแรงซื้อเข้ามาในตลาดหุ้นอย่างคึกคัก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอสังหาริมรัพย์ กลุ่มสาธารณูปโภค และหุ้นของบริษัทที่จ่ายเงินปันผลสูง โดยหุ้นคราวน์ คาสเทิล อินเตอร์เนชันแนล พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นอเมริกัน ทาวเวอร์ ทะยานขึ้น 2.3% หุ้นดูปองท์ พุ่งขึ้น 2.7%

       หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฟื้นตัวขึ้น โดยหุ้น PayPal พุ่งขึ้น 3.3% หุ้น Nvidia ทะยานขึ้น 4.3% หุ้นแอคติวิชั่น บลิซซาร์ด พุ่งขึ้น 5.2% ขณะที่หุ้นไมโครซอฟต์ปิดตลาดปรับตัวขึ้นราว 0.1%

       หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น หลังจากสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส กรุ๊ป และยูไนเต็ด คอนติเนนตัล รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส พุ่งขึ้น 4.2% และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล ปรับตัวขึ้น 4.7% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ปรับตัวขึ้น 2.2% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส พุ่งขึ้น 1% และหุ้นสปิริท แอร์ไลน์ส ปรับตัวขึ้น 1% เช่นกัน

       นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นราว 1% หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันได้หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 0.5% และหุ้นเชฟรอน คอร์ป เพิ่มขึ้น 0.8%

       นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ส จะเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้ ส่วนธนาคารยักษ์ใหญ่ 3 แห่งของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ เจพีมอร์แกน เชส, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป จะเปิดเผยผลประกอบการในวันพรุ่งนี้

       นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

     อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!