- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 07 July 2017 14:06
- Hits: 2385
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนลงตามตลาดภูมิภาค เหตุเกิดสัญญาณขายทางเทคนิค-ยุโรปจะปรับใช้นโยบายเข้มมากขึ้น
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอ่อนตัวลง เนื่องจากเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลังจากปิดต่ำกว่าระดับ 1,570 จุด และยังมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ออกมาระบุว่า จะปรับนโยบายเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ทั่วโลกต่างปรับตัวขึ้นกันในขณะนี้ โดยเฉพาะ Bond Yield อายุ 10 ปีของเยอรมัน ได้ปรับขึ้นทะลุระดับ 0.5% เป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีครึ่ง และ Bond Yield อายุ 10 ปีของสหรัฐฯก็ปรับขึ้นต่อเนื่อง จนขณะนี้อยู่ที่ 2.38% ซึ่งตรงนี้จะไปกดดันหุ้นทั่วโลก
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า ติดลบราว 0.2-0.3% และบ้านเราก็จะปิดทำการต่อเนื่อง 3 วันด้วย ขณะที่ตลาดฯยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน
พร้อมให้ติดตามการประชุม G20 ที่จะเริ่มมีขึ้นในวันนี้ โดยให้ติดตามจะมีการกล่าวถึงสถานการณ์ในเกาหลีเหนือหรือไม่ พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,572-1,574 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 ก.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,320.04 จุด ร่วงลง 158.13 จุด (-0.74%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,089.46 จุด ลดลง 61.39 จุด (-1.00%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,409.75 จุด ลดลง 22.79 จุด (-0.94%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 137.41 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 8.62 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 88.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 24.90 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 11.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 6.92 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.46 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 0.62 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ก.ค.60) 1,569.64 จุด ลดลง 5.38 จุด (-0.34%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,623.88 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ก.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 ก.ค.60) ปิดที่ 45.52 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ก.ค.60) ที่ 7.34 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.06 แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาค จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ
- ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน เป็นประธาน มีมติเห็นชอบแนวทางการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 ส.ค. 2560 โดยให้ยกเลิกการกำหนดราคาโรงแยกก๊าซธรรมชาติ โรงกลั่นน้ำมัน และโรงอะโรเมติกส์ รวมถึงยกเลิกการกำหนดอัตราเงินส่งเข้า หรือชดเชยจากกองทุนน้ำมัน เชื้อเพลิงจากทุกส่วนของการผลิต และยกเลิกการประกาศราคาขายส่ง ณ คลังก๊าซ เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเต็มรูปแบบ
- บอร์ดอีอีซีเคาะ 4 โปรเจคโครงสร้างพื้นฐาน เข้าช่องทาง"อีอีซีฟาสต์แทร็ค" เริ่มลงทุนใน 10 เดือน ไฟเขียวเชื่อม 3 ท่าเรือภาคตะวันออกด้วย รถไฟทางคู่ มูลค่าโครงการเอกชนลงทุนรวมกว่า 7 แสนล้าน ลั่นดึงบริษัทใหญ่ 30 รายลงทุนใน 5 ปีสร้างเม็ดเงินกว่า 5 แสนล้านบาท "อภิศักดิ์"ย้ำหลักการไม่ใช้งบประมาณรัฐ-ให้เอกชนรับความเสี่ยง สคร.วางเกณฑ์พีพีพี สร้างความโปร่งใส
- สศค.กำลังพิจารณาปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2560 เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ตั้งไว้ 3.6% หลังจากมีปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกที่ขยายตัวสูง โดย 5 เดือนแรกของปี 2560 ขยายตัวถึง 7.2%
- การเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) กองทุนโครงสร้าง พื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ฟันด์) มูลค่าราว 4.5-5 หมื่นล้านบาท โดยมีสินทรัพย์ที่จะนำมาตั้งกองทุนคือ โครงการทางพิเศษฉลองรัชกับทางพิเศษบูรพาวิถี จะช้ากว่ากำหนดแผนการเดิมของกระทรวงการคลังที่วางในช่วงปลายปีนี้โดยจะเลื่อนไปเป็นช่วงต้นปี 2561 แทน
- คลังลุ้นเบิกจ่ายงบกลางปีช่วยดัน ศก.โตถึง 4% เอกชนพาเหรดปรับเพิ่มหลัง กนง.นำร่องไปแล้ว แต่ยังห่วงผลกระทบจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว และปัจจัยภายนอก ศูนย์วิจัยกสิกรคาดเอ็นพีแอลพุ่งสูงสุดไตรมาส 3 ปีนี้
- นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย.60 ดัชนีปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และต่ำสุดในรอบ 5 เดือนนับจากเดือน ก.พ.60
*หุ้นเด่นวันนี้
- KKP (ธนชาต) "ซื้อ" แม้มีประเด็นลบจากการเลื่อนขาย Thailand Future Fund มูลค่า 4.5-5 หมื่นล้าน ไปเป็นต้นปีหน้ากระทบรายได้ FA อย่างไรก็ดี มองว่า KKP จะเป็นธนาคารที่ประกาศกำไร 2Q60 เติบโตดี จาก 1) ไม่มีปัญหา NPL 2) ต้นทุนการเงินต่ำ 3) ยังชอบปันผลสูง 8.5% ต่อปี
- MONO (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 3.9 บาท พรีวิวงบ 2Q60 คาดกำไร 54 ล้านบาท (+134% QoQ, +314% YoY) ผลจากธุรกิจทีวีดิจิตอล (MONO 29) อัตราค่าโฆษณา + Utilization rate ที่เพิ่มขึ้น พร้อมประเมินรูปแบบราคาแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 3.5 – 3.92 บาท โดยมีแนวรับแรกเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 3.7 บาท (Stop loss 3.5 บาท) หากผ่านกรอบแนวต้าน 3.92 บาทไปได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 4.1 บาท
- ORI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 16 บาท คาดกำไร 2Q60 สดใส +16% Q-Q, +173% Y-Y เป็น 200 ล้านบาทแม้จะมีค่าการตลาดมาก แต่ก็มีหลายโครงการที่โอนในไตรมาสนี้คือไนท์บริดจ์สกายซิตี้สะพานใหม่ พอสสุขุมวิท 103 และน้อตติ้งฮิลล์เจริญกรุง กลบรายจ่ายได้ และรายได้ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นตลอดปี โดยเฉพาะ 4Q60 ที่จะเริ่มรับรู้รายได้จาก Park 24 ที่ซื้อจากพราวเรสซิเด้นส์ ส่วน Backlog ปัจจุบันเพิ่มเป็น 1.7 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ราคาหุ้นผ่านการพักฐานแล้วจนมี PE 13.7 เท่าปีนี้และจะลดเหลือ 9 เท่าปีหน้า ขณะที่ EPS growth คาดว่าทำได้ถึง 77% และ 52% ในปี 2560-2561
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ เหตุผิดหวังตัวเลขจ้างงานเอกชนสหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,856.65 จุด ลดลง 137.41 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,203.82 จุด ลดลง 8.62 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,377.21 จุด ลดลง 88.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,343.30 จุด ลดลง 24.90 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,376.29 จุด ลดลง 11.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,219.42 จุด ลดลง 6.92 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,768.07 จุด ลดลง 2.46 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,887.69 จุด ลดลง 0.62 จุด
ทั้งนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 158,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 230,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 4,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 248,000 ราย สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 243,000 ราย
นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย
นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้นราว 174,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียง 138,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.3%
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 30.32 จุด หลัง ECB ส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงิน
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) ตามทิศทางของตลาดหุ้นยุโรป ภายหลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมาส่งสัญญาณที่จะคุมเข้มนโยบายการเงิน ซึ่งได้เพิ่มความวิตกให้กับนักลงทุนเกี่ยวการกับแนวโน้มที่ธนาคารกลางของหลายประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ จะดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนลดลง 30.32 จุด หรือ -0.41% ปิดที่ 7,337.28 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลงตามทิศทางของตลาดหุ้นยุโรป ภายหลังจาก ECB ได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย. ซึ่งระบุว่า กรรมการ ECB ได้หารือกันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน รวมถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ เมื่อพิจารณาจากเศรษฐกิจยุโรปที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น
การส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางชั้นนำอย่างธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และ ECB ได้หนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้าเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ เพิ่มขึ้น 1.6% และหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.5%
หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นเรคกิตต์ เบนคิเซอร์ ร่วง 1.5% หลังผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ดังกล่าวได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายในปี 2560
หุ้นแอสโซซิเอเต็ด บริติช ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 2.6% หลังบริษัทเผยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้บริษัทได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดทั้งปีนี้
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกธนาคารกลางเล็งคุมเข้มนโยบายการเงิน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางหลายแห่งมีแนวโน้มที่จะเริ่มใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.7% ปิดที่ 380.43 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,381.25 จุด ลดลง 72.43 จุด หรือ -0.58% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,152.40 จุด ลดลง 27.70 จุด หรือ -0.53% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,337.28 จุด ลดลง 30.32 จุด หรือ -0.41%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบ หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ของเฟดระบุว่า กรรมการหลายคนของเฟดได้สนับสนุนให้เริ่มปรับลดงบดุลบัญชีของเฟดซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่า เฟดจะเริ่มดำเนินการปรับลดการถือครองหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ รวมถึงตราสารหนี้ของหน่วยงานรัฐบาล และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) หลังจากที่เฟดได้ถือครองหลักทรัพย์ดังกล่าวมาเป็นเวลานาน เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ขณะที่รายงานการประชุมประจำเดือนของ ECB ระบุว่า กรรมการ ECB ได้หารือกันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน ซึ่งสอดคล้องกับที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้ส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน โดยกล่าวว่า ECB ควรปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ และนโยบายซื้อพันธบัตรจำนวนมาก เมื่อพิจารณาจากเศรษฐกิจยุโรปที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม การส่งสัญญาณดังกล่าวของธนาคารกลางชั้นนำอย่างเฟด และ ECB ได้หนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นโซซิเอเต เจเนอราล พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นยูนิเครดิต ปรับตัวขึ้น 2.9% หุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดีดขึ้น 1.6% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง พุ่งขึ้น 1.5%
นักลงทุนจับตาการประชุม G20 ที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี โดยการประชุมจะเริ่มขึ้นในวันนี้และเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ทางการเยอรมนีตรึงกำลังตำรวจ 20,000 นายเข้ารักษาความสงบในเมืองฮัมบูร์ก ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ให้คำมั่นที่จะทำการประท้วงต่อผู้นำ 3 คน ซึ่งได้แก่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน แห่งตุรกี
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 158.13 จุด หลังหุ้นเทคโนฯดิ่ง,จ้างงานภาคเอกชนสหรัฐซบเซา
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ หลังจากเกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จในการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,320.04 จุด ร่วงลง 158.13 จุด หรือ -0.74% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,409.75 จุด ลดลง 22.79 จุด หรือ -0.94% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,089.46 จุด ลดลง 61.39 จุด หรือ -1.00%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 158,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 230,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 4,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 248,000 ราย สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 243,000 ราย
ข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดแรงงงานของสหรัฐ นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังมีขึ้นหลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กรรมการเฟดบางคนมีมุมมองที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อเป้าหมายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงด้วย โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.5% หุ้นอินเทล ดิ่งลง 2.1% หุ้นซีเกท เทคโนโลยี ร่วงลง 4.4%
ขณะที่บริษัทไมโครซอฟต์ได้ประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ซึ่งจะรวมถึงการปลดพนักงาน 3,000 คนทั่วโลก โดยเป็นการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อพุ่งความสนใจไปในผลิตภัณฑ์ Azure ซึ่งอยู่ในธุรกิจ cloud ทั้งนี้ ไมโครซอฟต์ระบุว่า พนักงานที่จะถูกปลดออกมีจำนวนไม่ถึง 10% ของพนักงานในฝ่ายขาย และราว 75% ของการปลดออกจะเกิดขึ้นนอกสหรัฐ
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่เกาหลีเหนือได้ออกมาประกาศความสำเร็จในการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและหันไปซื้อพันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) ร่วงลง 3.8% หลังจากหน่วยงานต่อต้านการทุ่มตลาดของสหภาพยุโรประบุว่า GE อาจให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในช่วงที่เจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรปดำเนินการทบทวนข้อตกลงมูลค่า 1.65 พันล้านดอลลาร์ระหว่าง GE กับบริษัทแอลเอ็ม วินด์ เพาเวอร์
หุ้นเทสลา ดิ่งลง 5.6% หลังจากรถยนต์รุ่น Model S ของเทสลาไม่ได้รับใบรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุดจากสถาบันประกันภัยบนทางหลวงของสหรัฐ
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นราว 174,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียง 138,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่า อัตราว่างงานเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.3%
อินโฟเควสท์