WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

43ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดตปท.หลังคลายกังวล 3 ปัจจัยจากนอกปท.

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกกัน ตามตลาดสหรัฐฯ และตลาดในยุโรปที่ปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า เนื่องจากคลายความกังวลเกี่ยวกับ 3 ปัจจัยที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้

      ปัจจัยแรกผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกมาให้คงอัตราดอกเบี้ย และคงวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แต่ได้ส่งสัญญาณอาจจะขยายวงเงินเพิ่มได้ถ้าจำเป็น

       เรื่องที่สองการเลือกตั้งในอังกฤษ ผลออกมาพรรคของนางเทเรซา เมย์ ได้กวาดที่นั่งมากสุด แต่โพลชี้ว่าคะแนนที่ได้ไม่เกินกึ่งหนึ่งในสภา ทำให้เช้านี้เงินปอนด์อ่อนค่าลง 2% ซึ่งตรงนี้มองว่าผลกระทบน่าจะจำกัด

       ส่วนเรื่องการให้ข้อมูลของนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ต่อวุฒิสภาในประเด็นรัสเซียนั้น ก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ ทำให้ไม่มีผลกระทบต่อตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ

พร้อมให้แนวรับ 1,563-1,564 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,580 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 มิ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,182.53 จุด เพิ่มขึ้น 8.84 จุด (+0.04%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,321.76 จุด เพิ่มขึ้น 24.38 จุด (+0.39%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,433.79 จุด เพิ่มขึ้น 0.65 จุด (+0.03%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 2.83 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 2.83 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.88 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 27.27 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.98 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 12.77 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.71 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 มิ.ย.60)  1,570.28 จุด เพิ่มขึ้น 3.70 จุด (+0.24%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 210.27 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 มิ.ย.60) ปิดที่ 45.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 มิ.ย.60) ที่ 6.37 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 34.04/06 รอผลเลือกตั้งอังกฤษอย่างเป็นทางการ-การประชุมเฟดสัปดาห์หน้า

                - อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ได้ลงนามในประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 5) ซึ่งได้แก้ไขหลักเกณฑ์การยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์ กรณีการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการของบุคคลให้แก่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียน ระหว่างวันที่ 10 ส.ค.2559-31 ธ.ค.2560

                - มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจประชาชนทั่วประเทศ 2,251 ตัวอย่าง ต่อความเห็นเศรษฐกิจไทยประจำเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน หรือตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2559

                - ผลการเยือนญี่ปุ่นของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-ญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 4-8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จด้วยดี โดยญี่ปุ่นตกลงจะร่วมมือในทุกด้านตามที่ได้หารือกัน ทั้งโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี) การลงทุนรถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง ที่นักลงทุนญี่ปุ่นจะเข้าร่วมประมูลด้วย

                - ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สศอ.ร่วมกับศูนย์การศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ศึกษานโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา จากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ออกคำสั่งพิเศษ (เอ็กเซ็กคูทีฟ ออเดอร์) เพื่อตรวจสอบและเพ่งเล็งดุลการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ 16 ประเทศที่สหรัฐขาดดุลการค้า รวมประเทศไทยด้วย ผลปรากฏว่าอุตสาหกรรมไทยได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย เนื่องจากสินค้าส่งออกของไทยส่วนมากเป็นสินค้าที่สหรัฐมีการผลิตในประเทศน้อย จึงต้องพึ่งพาการนำเข้าจากไทยอยู่

                - รมว.พลังงาน สั่งการในที่ประชุมกบง.เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ให้ พพ.และสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เร่งสรุปผลศึกษาข้อดีข้อเสียโครงการนำร่องการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอย่างเสรี (โซลาร์รูฟท็อปเสรี) ให้เสร็จภายในเดือน สิงหาคมนี้ และคาดว่าจะประกาศให้ประชาชนทั่วไปขอติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปได้ภายในสิ้นปีนี้ แต่ต้องพิจารณาความพร้อมของสายส่งที่ 3 การไฟฟ้า คือ กฟผ.,กฟน. และกฟภ. เป็นผู้ดูแล

*หุ้นเด่นวันนี้

                - EFORL-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.อี ฟอร์ แอล เอม (EFORL) ครั้งที่ 3)เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 1,377,429,167 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 0.60 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปีนับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วันที่ 2 มิถุนายน 2560) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 22 ธ.ค. 2560 วันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 1 มิ.ย. 2563

                - EFORL-W4 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ. อี ฟอร์ แอล เอม (EFORL) ครั้งที่ 4) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 772,508,987 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 0.50 บาทต่อหุ้น

                อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปีนับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วันที่ 2 มิถุนายน 2560) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 22 ธ.ค. 2560 วันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 1 มิ.ย. 2563

                - AIT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 31 บาท ผู้บริหารมั่นใจรายได้ปีนี้ทำได้ตามเป้า 5 พันล้านบาท จาก Backlog ที่มีอยู่สูง 3.27 พันล้านบาท และอยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อและรอประมูลอีกกว่า 1 พันล้านบาท งานส่วนใหญ่ 70% เป็นงานภาครัฐ แม้จะให้อัตรากำไรต่ำกว่างานภาคเอกชนแต่มีความเสี่ยงต่ำกว่ามาก โดยยังมั่นใจกับคาดการณ์กำไรปีนี้เติบโต +30% Y-Y ฟื้นตัวเป็นปีแรกในรอบ 3 ปี จุดเด่นคือ Dividend yield ที่คาด 7% ต่อปี จ่ายปีละ 2 ครั้ง

                - PSL (ไอร่า) เป้า 13.50 บาท คาดภาพรวมอุตสาหกรรมเรือเทกอง ในระยะยาวมีแนวโน้มฟื้นตัว คาด BDI จะดีขึ้นได้ในช่วง 2H/60 ภายใต้การปลดระวางเรือมีแนวโน้มเร่งตัวในระยะกลาง หลังข้อตกลงการจัดการน้ำถ่วงเรือ เริ่มใช้ในเดือน ก.ย.  คาด Supply กองเรือในปีนี้จะเพิ่มในอัตราต่ำราว 1 - 2% ขณะที่ปี 61 คาด Supply อาจจะคงที่หรือลดลงเล็กน้อย ขณะที่คาดภาวะ Oversupply ดีขึ้นเป็นลำดับ ล่าสุด Order-book เรือใหม่อยู่ที่ราว 8% ของกองเรือปัจจุบัน ซึ่งต่ำสุดในรอบ 15 ปี และด้วยบริบทปัจจุบัน อาจลดลงเหลือเพียงราว 5% ในช่วงสิ้นปี พร้อมคาด PSL เข้าใกล้จุดคุ้มทุน หลัง 1Q/60 ขาดทุนลดลงเหลือเพียง 59 ล้านบาท

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ หลังเอ็กซิทโพลล์ชี้อังกฤษอาจเผชิญภาวะ hung parliament

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผันผวนในช่วงเช้านี้ หลังจากเอ็กซิทโพลล์โดย BBC, ITV และ Sky บ่งชี้ว่าพรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ อาจจะไม่ได้ครองเสียงข้างมากในรัฐสภาอังกฤษ และอาจทำให้การเมืองอังกฤษเผชิญกับภาวะ hung parliament หรือภาวะที่รัฐบาลมีเสียงข้างน้อยในสภา

                ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,961.46 จุด เพิ่มขึ้น 2.83 จุด, +0.04% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,961.46 จุด เพิ่มขึ้น 2.83 จุด, +0.04% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,147.45 จุด ลดลง 2.88 จุด, -0.09% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,063.06 จุด ลดลง 27.27 จุด, -0.10%

                ส่วนดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,243.03 จุด เพิ่มขึ้น 5.98 จุด, +0.18% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,238.55 จุด เพิ่มขึ้น 12.77 จุด, +0.12% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,782.86 จุด ลดลง 2.71 จุด, -0.15%

                เงินปอนด์ร่วงลงทันทีหลังจากเอ็กซิทโพลล์ระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมอาจจะได้ที่นั่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 314 ที่นั่ง พรรคแรงงาน 266 ที่นั่ง ขณะที่พรรคชาตินิยมสกอตแลนด์ (SNP) จะได้ 34 ที่นั่ง และพรรคเสรีประชาธิปไตย (Lib Dems) 14 ที่นั่ง

                ทั้งนี้ ตามกฎหมายการเลือกตั้งของอังกฤษนั้น พรรคการเมืองจะต้องได้ที่นั่งอย่างน้อย 326 ที่นั่งจากทั้งหมด 650 ที่นั่งในสภาสามัญชน จึงจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 28.64 จุด ขณะนลท.จับตาผลเลือกตั้งอังกฤษ

            ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบติดต่อกัน 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนจับตาดูผลการเลือกตั้งทั่วไปในอังกฤษเมื่อวานนี้ โดยผลเอ็กซิทโพลล์ระบุว่า แม้พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีแนวโน้มที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่พรรคของเธอจะไม่ได้ที่นั่งส.ส.เกินครึ่งหนึ่งในสภาสามัญชนอังกฤษ

                ดัชนี FTSE 100 ลดลง 28.64 จุด หรือ -0.38% ปิดที่ 7,449.98 จุด

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามการคาดการณ์ ขณะเดียวกัน ECB ยังได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการขยายเวลาในการใช้มาตรการ QE เกินกว่าเดือนธ.ค.ปีนี้ หากมีความจำเป็น และได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน

                อย่างไรก็ตาม นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรปกล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อในยูโรโซนยังไม่ได้แสดงสัญญาณการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ดังนั้นจึงปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนสู่ระดับ 1.5% ในปีนี้ จากเดิมที่ระดับ 1.7% ส่วนในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.3% จากเดิมที่ระดับ 1.6%

                นอกจากการประชุม ECB แล้ว นักลงทุนยังติดตามผลการเลือกตั้งในสหราชอาณาจักร ซึ่งปิดคูหาเมื่อเวลา 22.00 น.เมื่อคืนนี้ตามเวลาท้องถิ่น (04.00 น.เช้านี้ตามเวลาไทย) โดยเอ็กซิทโพลล์จาก BBC, ITV และ Sky บ่งชี้ว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ อาจจะได้ที่นั่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 314 ที่นั่ง ขณะที่พรรคแรงงานได้ 266 ที่นั่ง ส่วนพรรคชาตินิยมสกอตแลนด์ (SNP) จะได้ 34 ที่นั่ง และพรรค Lib Dems 14 ที่นั่ง

                ทั้งนี้ เอ็กซิทโพลล์บ่งชี้ว่า อังกฤษมีแนวโน้มสูงที่จะเข้าสู่ภาวะที่รัฐบาลมีเสียงข้างน้อยในสภา (hung parliament) อีกครั้ง โดยพรรคการเมืองจะต้องได้ที่นั่งอย่างน้อย 326 ที่นั่งจากทั้งหมด 650 ที่นั่งในสภาสามัญชน จึงจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้

                หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ด้วยแรงหนุนจากตัวเลขการส่งออกของจีนเดือนพ.ค.ที่พุ่งขึ้น 8.7% จากปีก่อนหน้า โดยหุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 1.8% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 1.1% หุ้นเกลนคอร์ พุ่งขึ้น 2.1% อย่างไรก็ตาม หุ้นแรนด์โกลด์ ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ร่วงลง 1.9% จากแรงกดดันของราคาทองคำที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ ตลาดซึมซับผลประชุม ECB ขณะจับตาเลือกตั้งอังกฤษ

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) จากการที่นักลงทุนซึมซับผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยและส่งสัญญาณขยายเวลาใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.09% ปิดที่ 389.15 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,264.24 จุด ลดลง 1.29 จุด หรือ -0.02% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,449.98 จุด ลดลง 28.64 จุด หรือ -0.38% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,713.58 จุด เพิ่มขึ้น 41.09 จุด หรือ +0.32%

                นักลงทุนซึมซับผลการประชุมของ ECB เมื่อวานนี้ โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าอาจจะขยายเวลาในการใช้มาตรการ QE เกินกว่าเดือนธ.ค.ปีนี้ หากมีความจำเป็น โดย ECB จะใช้มาตรการ QE ไปจนกระทั่งทิศทางของเงินเฟ้อมีความยั่งยืน

                นอกจากนี้ ECB ยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของยูโรโซน โดยอยู่ที่ระดับ 1.9% ในปีนี้, 1.8% ในปีหน้า และ 1.7% ในปี 2019 เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค.

                หุ้นออโต้ เทรดเดอร์ กรุ๊ป ผู้ให้บริการเว็บไซต์ซื้อขายรถยนต์ ร้วงลง 4.8% หลังจากบริษัทได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกำไรและยอดขายในปีนี้

                หุ้นปิโตรแฟค ดีดตัวขึ้น 4.1% หลังจากบริษัทได้สัญญาอายุ 10 ปี จากการปิโตรเลียมโอมาน เพื่อให้บริการด้านโครงการน้ำมันและก๊าซ

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ โดยมีการคาดการณ์ว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง แม้ผลสำรวจของหลายสำนักบ่งชี้ว่าคะแนนนิยมของทางพรรคที่มีเหนือคู่แข่งได้ลดลงอย่างมากในช่วงก่อนวันเลือกตั้ง และจะส่งผลให้พรรคอนุรักษ์นิยมไม่สามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาอังกฤษ

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 8.84 จุด หลังนลท.มองคำให้การโคมีย์ไม่กระทบทรัมป์

            ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนมองว่า คำให้การของนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ และจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในวันข้างหน้า อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง ก่อนที่นักลงทุนจะทราบผลการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ

                ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,182.53 จุด เพิ่มขึ้น 8.84 จุด หรือ +0.04% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,321.76 จุด เพิ่มขึ้น 24.38 จุด หรือ +0.39% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,433.79 จุด เพิ่มขึ้น 0.65 จุด หรือ +0.03%

                ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น หลังจากนายโคมีย์เสร็จสิ้นการเข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยนายโคมีย์กล่าวว่า เขาไม่มีข้อสงสัยกรณีที่รัฐบาลรัสเซียได้เข้าแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว หรือกรณีที่ว่ารัสเซียได้ลักลอบเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของคณะกรรมการแห่งชาติของพรรคเดโมแครต

                นายโคมีย์ยังกล่าวด้วยว่า ปธน.ทรัมป์ไม่ได้สั่งให้เขายุติการสอบสวนประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ กับรัฐบาลรัสเซีย โดยคำพูดของปธน.ทรัมป์เป็นในลักษณะ "ร้องขอ" เท่านั้น ซึ่งทำให้เขาเข้าใจว่า คำร้องขอดังกล่าว เป็นคำสั่ง

                ก่อนหน้านี้ นักลงทุนกังวลว่า หากคำให้การของนายโคมีย์บ่งชี้ว่าปธน.ทรัมป์ได้ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ก็จะส่งผลให้มีการดำเนินการถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

                ขณะเดียวกันตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการขยายเวลาในการใช้มาตรการ QE เกินกว่าเดือนธ.ค.ปีนี้ หากมีความจำเป็น โดย ECB จะใช้มาตรการ QE ไปจนกระทั่งทิศทางของเงินเฟ้อจะมีความยั่งยืน

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 245,000 ราย โดยตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 118 ติดต่อกัน

                หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 1.2% และหุ้นเรเจียนส์ ไฟแนนเชียล พุ่งขึ้น 3.2%

                หุ้นยาฮู พุ่งขึ้น 10.2% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทเวอไรซอน คอมมิวนิเคชั่นส์ อิงค์ จะปลดพนักงานราว 2,000 คน หลังเสร็จสิ้นการซื้อสินทรัพย์หลักของบริษัทยาฮู อิงค์ วงเงิน 4.48 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์หน้า

                ทั้งนี้ คาดว่าการปลดพนักงานจะเกิดขึ้นในบริษัท AOL ของเวอไรซอน และยาฮู โดยมีสัดส่วนราว 15% ของพนักงานจากทั้งสองบริษัท ซึ่งพนักงานที่จะถูกปลดออกส่วนใหญ่อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และจากนอกสหรัฐ

                หุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป ทะยานขึ้น 13% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า รายได้ในปี 2561 จะพุ่งขึ้นราว 45%-49%

                หุ้นนอร์ดสตรอม พุ่งขึ้น 10.3% ขานรับข่าวการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นอร์ดสตรอมได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการที่ปธ.ทรัมป์ได้ออกมาวิจารณ์ห้างนอร์ดสตรอม ที่ได้ตัดสินใจยุติการจัดจำหน่ายแบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องประดับของอิวานกา ทรัมป์ บุตรสาวคนโต

                อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ โดยมีการคาดการณ์ว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง แม้ผลสำรวจของหลายสำนักบ่งชี้ว่าคะแนนนิยมของทางพรรคที่มีเหนือคู่แข่งได้ลดลงอย่างมากในช่วงก่อนวันเลือกตั้ง และจะส่งผลให้พรรคอนุรักษ์นิยมไม่สามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาอังกฤษ

                        อินโฟเควสท์

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!