WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

17ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัว เล็งเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์หุ้น PTT-PTTEP หลังปรับตัวลงมากเกินไปวานนี้

      นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะปรับตัวได้ดีขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ ที่โดนหุ้น บมจ.ปตท.(PTT) และบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ถ่วงตลาดฯ โดยมองว่าวันนี้น่าจะเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ เนื่องจากราคาหุ้นทั้งสองตัวปรับตัวลงมากเกินไป แม้ว่าจะได้รับกระทบจากการหยุดผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ ส.ป.ก.ของโครงการ S1  ทั้งนี้ ประเมินว่าหาก PTTEP ต้องหยุดผลิตในพื้นที่ดังกล่าวจนถึงครึ่งแรกปีหน้าก็น่าจะกระทบต่อราคาหุ้นของทั้ง PTT และ PTTEP ราว 4 บาท/หุ้นหากพิจารณาจากกระแสเงินสดที่มีอยู่ แต่ราคาหุ้น PTT วานนี้ปรับตัวลงไปถึง 8 บาท จึงมองว่าเป็นการปรับตัวลงมากไป

        ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ติดลบเล็กน้อย โดยต่างรอดูการเลือกตั้งในอังกฤษที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นวันเดียวกัน

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,565-1,573 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

         - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 มิ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,184.04 จุด ลดลง 22.25 จุด (-0.10%),  ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,295.68 จุด ลดลง 10.11 จุด (-0.16%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,436.10 จุด ลดลง 2.97 จุด (-0.12%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 48.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 43.46 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 13.67 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.80 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.46 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 17.82 จุด

ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวัน Memorial Day

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 มิ.ย.60)  1,566.85 จุด ลดลง 0.75 จุด (-0.05%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 493.68 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 มิ.ย.60) ปิดที่ 47.40 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 26 เซนต์ หรือ 0.6%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 มิ.ย.60) ที่ 6.35 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 34.01/03 แนวโน้มแข็งค่า มองกรอบ 33.95-34.04 ตลาดรอผลประชุม FOMC กลางเดือนนี้

                - "แบงก์ชาติ" รื้อกฎระเบียบคุมแลกเปลี่ยนเงินตรา เอื้อภาคเอกชนทำธุรกิจคล่องตัวขึ้น เน้น 4 เรื่องหลัก ทั้งลดขั้นตอนเอกสาร ผ่อนคลายหลักเกณฑ์บริหารเสี่ยง เพิ่มทางเลือกการทำธุรกรรม หนุนใช้เงินสกุลท้องถิ่น เชื่อลดต้นทุนเอกชนได้กว่า 1 พันล้านต่อปี ขณะเงินบาทแข็งค่าสวนทันที ด้าน ผู้บริหาร ธปท.ย้ำการเคลื่อนไหวสอดคล้องภูมิภาค

                - "บีโอไอ"เดินสายค่ายรถยนต์ในประเทศ ต่างประเทศ ดึงผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย คาดในปีนี้ค่ายรถจะเร่งเข้ามาขอส่งเสริมผลิตรถยนต์ไฮบริด ส่วนปี 2561 จึงจะเข้ามาขอผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ขณะภาคเอกชนเรียกร้องรัฐอุดหนุนงบ หวังดึงราคาต่ำล้านบาทสร้างตลาดในประเทศ จับตาคู่แข่งสำคัญ"จีน-มาเลเซีย"อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเริ่มขยับ หลังจากรัฐบาลประกาศมาตรการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าครั้งใหญ่ โดยยอดขอส่งเสริมการลงทุนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

                - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การหารือประเด็นการค้าการลงทุนระหว่างวันที่ 5-8 มิ.ย.ทางญี่ปุ่นได้ยื่นข้อเสนอให้ไทยศึกษาขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจากโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยองให้ไปสิ้นสุดถึงสถานีพระนครศรีอยุธยาจากเดิมโครงการเชื่อมเพียงสนามบินอู่ตะเภา-สนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินดอนเมือง และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)

                - คณะกรรมการบริหารกิจการ รฟท.เตรียมพิจารณาขยายระยะเวลาการก่อสร้างระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 พร้อมจ่ายเงินชดเชยแก่ผู้รับเหมาอีก 800-900 ล้านบาท เนื่องจากปัญหาการส่งมอบพื้นที่ล่าช้า

                - สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า สศก.คาดว่าในปี 2560 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตรหรือจีดีพีภาคเกษตร จะขยายตัวได้ถึง 3% จากช่วงต้นปีที่คาดว่าจะขยายตัว 2.5-3% ทั้งนี้ เนื่องจากดัชนีราคาผลผลิตทางการเกษตรดีขึ้นเกือบ ทุกตัว โดยช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) สินค้ามีมูลค่า 5.9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 มีมูลค่า 5.58 แสนล้านบาท

                - แหล่งข่าวจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากที่กระทรวงมหาดไทยออกประกาศ 2 ฉบับเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคลสามารถโอนอสังหาฯ หรือห้องชุดเพื่อชำระค่าหุ้นให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายมีผลตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค. 2559-31 ธ.ค. 2560 มองกันว่าเป็นการเปิดช่องเลี่ยงภาษีเนื่องจากเสียค่าโอนเพียง 0.01% เท่านั้น

*หุ้นเด่นวันนี้

                - BCH (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 14.8 บาท แม้มีมุมมองเป็น "ลบ" ต่อกลุ่มโรงพยาบาล แต่ BCH ทำได้ดีกว่ากลุ่มจาก 1) ผลดีจากโครงการตรวจสุขภาพประกันสังคม 2) WMC มีผลการดำเนินงานดีขึ้น และ 3) โรงพยาบาล 4 แห่งจะปรับปรุงเสร็จใน 3Q60 หนุนกำไร 2H60

                - SAPPE (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 28 บาท แนวโน้มผลประกอบการจะค่อย ๆ ฟื้นตัวใน Q2/60 หลังเปลี่ยน Distributor ในประเทศแล้วเสร็จ ส่วนตลาดต่างประเทศ ลูกค้าอินโดนีเซียกลับมา Stock สินค้าหลังผ่านช่วงน้ำท่วม และในช่วง H2/60 จะมีสินค้าใหม่ออกมาต่อเนื่อง แต่จากผลกำไรที่อ่อนแอใน Q1/60 โดยได้ปรับลดกำไรสุทธิปี 60 ลง 15% เป็น -9.5% Y-Y (เดิมคาด +6.3% Y-Y) หากไม่รวมกำไรพิเศษขายเงินลงทุนในปีก่อน คาดกำไรปกติปีนี้ -1.6% Y-Y (เดิมคาด +15.6% Y-Y) แต่มี upside ที่มากกว่า 10%

                - PTTEP (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 95 บาท คาดผลการดำเนินงานปกติมีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่อง จากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น จากการลดปริมาณการผลิตของประเทศในกลุ่มโอเปกและนอกโอเปก ในขณะที่การขายน้ำมันในปี 60 ไม่น่าเป็นห่วงเนื่องจากได้ทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงไว้แล้วประมาณ 30% ของการผลิตน้ำมันทั้งหมด ส่วนการแจ้งหยุดผลิตแหล่งปิโตรเลียม S1 เฉพาะส่วนที่อยู่ในพื้นที่ สปก.ตามคำสั่งของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจากคำสั่งศาลปกครองสูงสุดให้เพิกถอนระเบียบเรื่องการให้ความยินยอมนำทรัพยากรธรรมชาติในเขต สปก. ไปใช้ตามกฎหมายอื่น ส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตของ PTTEP ประมาณ 18,000 บาร์เรลต่อวันคิดเป็น 5.9% ของการผลิตทั้งหมด

                - NDR (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 5.15 บาท มองบวกต่อการเติบโดยมีปัจจัยหนุน ดังนี้ 1) อุปสงค์รถจักรยานยนต์ใหม่หนุนคำสั่งซื้อทั้งยางนอกและยางในเพิ่มขึ้น 2) คำสั่งซื้อสินค้านวัตกรรมใหม่เพื่อลดอุบัติเหตุจากลมยางรั่ว ทั้งสินค้ายางนอกชนิดที่ไม่ต้องใช้ยางใน (Tubeless) และสินค้าแผ่นซีล (Air Lock) 3) แผนแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกลุ่มลูกค้ายางอะไหล่ (ตลาด REM) ด้วยกลยุทธ์ Fighting Brand และ 4) แนวโน้มสดใสของลูกค้า OEM ที่อินเดีย ด้วยการเพิ่มจำนวนสินค้าปีนี้เป็น 3 Model จากปี 59 ที่มีเพียง 1 Model ส่งผลให้เรายังคงประมาณการเดิม โดยคาดปี 60 NDR จะมีกำไรสุทธิ 63.0 ล้านบาท เติบโต 11.7%YoY และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ 2.3%

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ นลท.วิตกสถานการณ์การเมืองต่างประเทศ

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์โจมตีกรุงลอนดอน และข่าวชาติอาหรับได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,122.26 จุด ลดลง 48.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,084.54 จุด ลดลง 7.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,819.53 จุด ลดลง 43.46 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,213.17 จุด ลดลง 13.67 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,237.51 จุด ลดลง 0.80 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,787.49 จุด ลดลง 0.46 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,019.20 จุด เพิ่มขึ้น 17.82 จุด ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวัน Memorial Day

                ทั้งนี้ เหตุก่อการร้ายโจมตีกรุงลอนดอนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 คนและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่การเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 8 มิ.ย.นี้

                เหตุการณ์โจมตีกรุงลอนดอนครั้งล่าสุดนี้ได้ฉุดคะแนนนิยมพรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ถดถอยลงอีก และยังส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนการเมืองของอังกฤษ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ คะแนนนิยมของนางเทเรซา เมย์ ไดรับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในเมืองแมนเชสเตอร์ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา

                ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ประเทศอาหรับหลายประเทศ ซึ่งรวมถึง บาห์เรน ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ เยเมน ลิเบีย และมัลดีฟส์ ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูดกับกาตาร์ โดยอ้างเหตุผลว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย และบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 21.87 จุด เหตุปอนด์แข็งค่า

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) ด้วยแรงกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของเงินปอนด์ หลังโพลล์สำรวจล่าสุดจากการ์เดียน/ไอซีเอ็มของอังกฤษ ระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ มีคะแนนนำห่างพรรคการเมืองคู่แข่งด้วยตัวเลขสองหลัก ซึ่งช่วยลดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้

                ดัชนี FTSE 100 ลดลง 21.87 จุด หรือ -0.29% แตะที่ 7,525.76 จุด

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้รับปัจจัยลบจากการที่สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังโพลล์สำรวจล่าสุดจากการ์เดียน/ไอซีเอ็ม แสดงให้เห็นว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกฯเมย์ มีคะแนนนำห่างพรรคแรงงาน 11 จุด ซึ่งหนุนค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น +0.0310% สู่ระดับ 1.2930 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2891 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กในคืนวันศุกร์

                นักวิเคราะห์ตลาดจากลอนดอน แคปิตอล กรุ๊ป กล่าวว่า "คะแนนจากผลสำรวจล่าสุดนับเป็นช่องว่างที่ห่างกันมากที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการสำรวจในช่วงหลัง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างปฏิกิริยาต่อตลาดในวันจันทร์"

                อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์ ระบุว่า "สกุลเงินปอนด์จะเคลื่อนไหวผันผวนตลอดทั้งสัปดาห์นี้ สืบเนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับเหตุโจมตีใจกลางกรุงลอนดอนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา"

                หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงจากเหตุการณ์โจมตีในกรุงลอนดอน โดยหุ้นคอนโซลิเดท แอร์ไลน์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ร่วงลง 2.4% และหุ้นอีซีเจ็ท ดิ่งลงเกือบ 3%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกการเมืองอังกฤษ ขณะนลท.จับตาประชุม ECB

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า เหตุก่อการร้ายล่าสุดที่เกิดขึ้นในกรุงลอนดอนนั้น อาจจะสร้างความผันผวนให้กับสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ ขณะเดียวกันนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่การประชุมนโยบายการของธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.1% ปิดที่ 392.04 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,307.89 จุด ลดลง 35.52 จุด หรือ -0.66% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,525.76 จุด ลดลง 21.87 จุด, -0.29%

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ หลังจากเกิดเหตุก่อการร้ายที่บริเวณสะพานลอนดอนบริดจ์และตลาดโบโรห์ในกรุงลอนดอนเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ และพรรคแรงงาน ได้ตัดสินใจระงับการหาเสียง แม้ว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้

                ทั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเพียง 2 สัปดาห์ที่พรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคแรงงานได้ระงับการหาเสียง หลังเกิดเหตุระเบิดโจมตีแมนเชสเตอร์ อารีนา ที่เมืองแมนเชสเตอร์เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา

                ตลาดได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของประเทศอังกฤษ โดยผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 56.8 ในเดือนพ.ค. โดยทรงตัวจากระดับในเดือนเม.ย. และไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขเบื้องต้น

                ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของอังกฤษ ร่วงลงสู่ระดับ 53.8 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน หลังแตะ 55.8 ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของ ECB จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักลงทุนรอดูว่า ECB จะส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่

                หุ้นกลุ่มสายการบินของอังกฤษร่วงลง หลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีในกรุงลอนดอน โดยหุ้นคอนโซลิเดท แอร์ไลน์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ร่วงลง 2.4% และหุ้นอีซีเจ็ท ดิ่งลงเกือบ 3%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 22.25 จุด วิตกการเมืองตปท.,ข้อมูลศก.สหรัฐซบเซา

            ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์โจมตีกรุงลอนดอนก่อนที่การเลือกตั้งของอังกฤษจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ และข่าวชาติอาหรับได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นแอปเปิล และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ

                ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,184.04 จุด ลดลง 22.25 จุด หรือ -0.10% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,436.10 จุด ลดลง 2.97 จุด, -0.12% ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,295.68 จุด ลดลง 10.11 จุด, -0.16%

                ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในต่างประเทศ รวมถึงเหตุก่อการร้ายโจมตีกรุงลอนดอนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่การเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 8 มิ.ย.นี้

                เหตุการณ์โจมตีกรุงลอนดอนครั้งล่าสุดนี้ได้ฉุดคะแนนนิยมพรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ถดถอยลงอีก และยังส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนการเมืองของอังกฤษ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ คะแนนนิยมของนางเทเรซา เมย์ ไดรับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในเมืองแมนเชสเตอร์ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา

                ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ประเทศอาหรับหลายประเทศ ซึ่งรวมถึง บาห์เรน ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ เยเมน ลิเบีย และมัลดีฟส์ ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูดกับกาตาร์ โดยอ้างเหตุผลว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย และบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่นายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ(FBI) จะแถลงต่อวุฒิสภาสหรัฐในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และรัสเซีย

                ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM ขยายตัวที่ระดับ 56.9 ในเดือนพ.ค. ซึ่งลดลงจากจากระดับ 57.5 ในเดือนเม.ย. และอยู่ในระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 57.0

                ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนมี.ค.

                หุ้นแอปเปิล ร่วงลงกว่า 1% และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันตลาด หลังจากบริษัทแปซิฟิก เครส ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นแอปเปิลสู่ 'weight' จาก 'overweight' ก่อนหน้านี้

                หุ้นทีจี เธราพูติกส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 6.1% ขณะที่หุ้นเฮอร์บอลไลฟ์ ดิ่งลง 6.7% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายในปีนี้

                นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย.

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อดูว่า ECB จะส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่

     อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!