- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 02 June 2017 10:56
- Hits: 3199
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้นกรอบแคบ รับอานิสงส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯทำนิวไฮหลังตัวเลขศก.แข็งแกร่ง
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นในกรอบแคบ ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวขึ้นกันเป็นส่วนใหญ่ โดยคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นทำจุดสุดสูงใหม่ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่ง ทั้งตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน และ ISM ที่ไม่ชะลอตัว อีกทั้งราคาน้ำมันก็รีบาวด์ขึ้นด้วย
อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์หน้ามีเรื่องสำคัญต้องติดตามคือ การเลือกตั้งของอังกฤษที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ และในวันเดียวกันทางนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่สภาคองเกรส เกี่ยวกับเรื่องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรัสเซีย ซึ่งก็ต้องรอดูว่าสภาคองเกรสจะพิจารณาออกมาอย่างไร อีกทั้งในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ก็จะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,558-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,568 ถัดไป 1,572-1,574 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 มิ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,144.18 จุด พุ่งขึ้น 135.53 จุด(+0.65%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,246.83 จุด เพิ่มขึ้น 48.31 จุด (+0.78%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,430.06 จุด เพิ่มขึ้น 18.26 จุด (+0.76%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 110.20 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 8.39 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 116.84 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 30.34 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 9.16 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.77 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.49 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 6.09 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 มิ.ย.60) 1,563.11 จุด เพิ่มขึ้น 1.45 จุด (+0.09%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,524.54 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 มิ.ย.60) ปิดที่ 48.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.09%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 มิ.ย.60) ที่ 6.28 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.14 แนวโน้มอ่อนค่า จากดอลล์แข็งหลังตัวเลขจ้างงานฯสหรัฐสูงเกินคาด
- ธปท.ลุยปฎิรูปกฎเกณฑ์ควบคุม แลกเปลี่ยนเงิน หวังเอื้อการทำธุรกิจที่ คล่องตัวมากขึ้น แถลง 5 มิ.ย.นี้ "วิรไท" แย้มมีทั้งฝั่งเงินไหล-ออก
- "บีเอสอาร์-รฟม." จ่อลงนามสัญญาก่อสร้าง เดินรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-สีชมพู มูลค่า 1 แสนล้านบาท 16 มิ.ย. นี้ ลงนามสัญญาเงินกู้ จัดซื้อขบวนรถและผู้รับเหมาให้ได้ในวันเดียวกัน เพื่อสร้างความมั่นใจ ระบุผลตอบแทนลงทุนไม่ต่ำกว่า 8% ทุ่ม 6 พันล้านบาท สร้างส่วนเชื่อม "อิมแพค-สายสีเขียว" คาดเปิดใช้พร้อม เส้นทางหลัก พร้อมลงทุนอีอีซี
- สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน พ.ค. 2560 อยู่ที่ 100.64 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 0.04% เป็นการกลับมาติดลบครั้งแรกในรอบ 14 เดือน นับจากเดือน มี.ค. 2559 ที่ติดลบ 0.46% เนื่องจากราคาในกลุ่มอาหารลดลง เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งคลี่คลาย โดยเฉพาะผักและผลไม้ แต่เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. 2560 พบว่า ค่าดัชนีเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.15% เนื่องจากค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ค่าการศึกษาเล่าเรียนและเนื้อสุกรเพิ่มสูงขึ้น
- ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอเผยขณะนี้อยู่ระหว่างเกาะติด 20 บริษัทที่มีผลประกอบการอ่อนแอ และมีแนวโน้มจะย่ำแย่ ยอมรับบริษัทขนาดเล็กเสียเปรียบด้านการบริหารจัดการต้นทุน หวังจะพลิกฟื้นได้ในอนาคต ขณะที่คาดการณ์มูลค่าการซื้อขายในตลาดเอ็มเอไอปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท/วัน มั่นใจมูลค่าระดมทุนไอพีโอเป็นไปตามเป้าหมาย
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า ไทยยังมีความยืดหยุ่นให้สามารถใช้นโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อได้อีก โดยเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวในระดับปานกลางจากความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกและความผันผวนทางการเงิน
*หุ้นเด่นวันนี้
- WAVE-W1 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บมจ.เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (WAVE) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 42,119,734 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 6.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากวันที่ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ (11 พฤษภาคม 2560) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 29 ธ.ค. 2560 วันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 8 พ.ค. 2563
- BCH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 16 บาท กำไรในช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มฟื้นขึ้นจาก 1Q60 ที่น่าผิดหวัง ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยเริ่มกลับมา และได้อานิสงส์จากฤดูฝนที่มาเร็วในปีนี้ การเติบโตของผู้ป่วยไทยของร.พ. WMC ดีขึ้น ชดเชยผู้ป่วยต่างชาติที่โตชะลอได้ ร.พ.ในเครือหลายแห่งที่ renovate ใกล้เสร็จและพร้อมรองรับผู้ป่วยได้มากขึ้น การให้สิทธิตรวจร่างกายฟรีตั้งแต่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมาทำให้คาด BCH มีรายได้เพิ่มราว 80 ล้านบาทต่อปี ส่วนเงินจากประกันสังคม ทุก 1% ของเงินที่เพิ่ม จะทำให้กำไรของ BCH เพิ่ม 2.2% โดยคงกำไรปีนี้ +15.6% Y-Y และมี upside มากสุดในกลุ่ม
- GUNKUL (ฟินันเซึย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 5.15 บาท รายการ big lot 12.81% (950 ล้านหุ้น) วานนี้ที่ราคาเฉลี่ย 4.10 บาท เป็นการขายของผู้ถือหุ้นเดิมให้สถาบันในประเทศ ไม่กระทบโครงสร้างบริหารและการดำเนินธุรกิจ แต่สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันที่มีต่อ GUNKUL มากกว่า โดยคาดกำไรปีนี้ +66% Y-Y ปีหน้า +57% Y-Y จากการทยอย COD โรงไฟฟ้า 3 แห่ง กำลังผลิตรวม 116MW
- AOT (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 47.5 บาท นักท่องเที่ยวเร่งตัว +7% y-y สูงสุดตั้งแต่ ต.ค.59 ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนที่ประมาณ 7-8 แสนคน/เดือน เพิ่มขึ้นจากช่วงจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญ 4-5 แสนคน/เดือน ราคาหุ้นทำ All time high แนวต้านระยะสั้นที 45-45.5 บาท
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐพุ่ง
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ขานรับดัชนีดาวโจนส์ S&P 500 และ Nasdaq ซึ่งปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืน หลังมีรายงานว่าการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,970.23 จุด เพิ่มขึ้น 110.20 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,094.23 จุด ลดลง 8.39 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,926.06 จุด เพิ่มขึ้น 116.84 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,117.76 จุด เพิ่มขึ้น 30.34 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,353.77 จุด เพิ่มขึ้น 9.16 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,242.73 จุด เพิ่มขึ้น 6.77 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,767.60 จุด เพิ่มขึ้น 4.49 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,921.40 จุด ลดลง 6.09 จุด
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 253,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 174,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ และครั้งที่ 6 ในรอบ 7 เดือนที่ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนพุ่งขึ้นเหนือระดับ 200,000 ตำแหน่ง ขณะที่ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนมีค่าเฉลี่ยต่อเดือนที่ระดับ 211,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ค.ซึ่งรัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยในวันนี้ โดยมีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 23.82 จุด จากอานิสงส์เงินปอนด์อ่อนค่า
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) หลังจากปิดในแดนลบติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ โดยตลาดได้ปัจจัยหนุนจากการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ สืบเนื่องจากโพลล์สำรวจล่าสุดในอังกฤษบ่งชี้ว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ มีคะแนนนำพรรคคู่แข่งน้อยลง ซึ่งส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนสูงในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 23.82 จุด หรือ +0.32% ปิดที่ 7,543.77 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้ปัจจัยบวกจากการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยค่าเงินปอนด์ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 1.2830 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2891 ดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนวันพุธ สืบเนื่องจากโพลล์สำรวจล่าสุดจาก YouGov แสดงให้เห็นว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกฯเมย์ มีคะแนนนำพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคคู่แข่งเหลือเพียง 3 จุด จากที่เคยนำโด่งถึง 20 จุดในการสำรวจเดือนเม.ย.
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ บริษัทไอเอชเอส มาร์กิต รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของอังกฤษ อยู่ที่ระดับ 56.7 ในเดือนพ.ค. ชะลอตัวลงจากระดับ 57.3 ในเดือนเม.ย.
หุ้นจดทะเบียนรายใหญ่ปรับตัวขึ้นจากอานิสงส์เงินปอนด์อ่อนค่า โดยหุ้นโรลส์-รอยซ์ บริษัทอุตสาหกรรมการบินยักษ์ใหญ่ พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นแอสตราเซเนกา ผู้ผลิตเวชภัณฑ์รายใหญ่ เพิ่มขึ้น 1.8% และหุ้นดิอาจีโอ ขยับขึ้น 0.7%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับ PMI การผลิตยูโรโซนขยายตัวแข็งแกร่ง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) หลังจากไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและรถยนต์
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 391.66 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,664.92 จุด เพิ่มขึ้น 49.86 จุด หรือ +0.40% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,318.67 จุด เพิ่มขึ้น 35.04 จุด หรือ +0.66% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,543.77 จุด เพิ่มขึ้น 23.82 จุด หรือ +0.32%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 57.0 ในเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นจาก 56.7 เมื่อเดือนเม.ย.
รายงานระบุว่า ภาคการผลิตมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากการผลิตและธุรกิจใหม่ ขณะที่ดัชนี PMI ของเยอรมนีเติบโตดีที่สุดในกลุ่มชาติยูโรโซน
นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตของเยอรมนีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.5 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 58.2 ในเดือนเม.ย. โดยดัชนี PMI เดือนพ.ค.ทำสถิติแข็งแกร่งที่สุดในรอบกว่า 6 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2554 เพราะได้ปัจจัยหนุนจากการผลิต คำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงานที่ปรับตัวสูงขึ้น
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น โดยหุ้น TechnipFMC พุ่งขึ้น 1.6% และหุ้น Eni SpA ปรับตัวขึ้น 1.2% แต่หุ้นโททาล อ่อนแรงลง 0.2% หลังจากนักลงทุนเทขายทำกำไรในการซื้อขายช่วงท้าย
นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษในวันที่ 8 มิ.ย.นี้อย่างใกล้ชิด หลังจากหนังสือพิมพ์เดอะไทม์ส รายงานผลสำรวจล่าสุดของ YouGov โดยระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกฯเทเรซา เมย์ อาจสูญเสียที่นั่งในรัฐสภาจำนวน 20 ที่นั่งในการเลือกตั้งวันที่ 8 มิ.ย.นี้ ซึ่งหมายความว่าพรรคการเมืองของนางเมย์จะไม่สามารถครองเสียงข้างมากในรัฐสภาได้อีกต่อไป และจะทำให้เกิดอุปสรรคในการกำหนดนโยบายและการเจรจาแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 135.53 จุด รับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐสูงเกินคาด
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) โดยดาวโจนส์ รวมทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) รายงานว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,144.18 จุด พุ่งขึ้น 135.53 จุด หรือ +0.65% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,430.06 จุด เพิ่มขึ้น 18.26 จุด หรือ +0.76% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,246.83 จุด เพิ่มขึ้น 48.31 จุด หรือ +0.78%
ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีของตลาดหุ้นนิวยอร์กทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 253,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 174,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ และครั้งที่ 6 ในรอบ 7 เดือนที่ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนพุ่งขึ้นเหนือระดับ 200,000 ตำแหน่ง ขณะที่ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนมีค่าเฉลี่ยต่อเดือนที่ระดับ 211,000 ตำแหน่ง
นักวิเคราะห์จากเฟิร์สท์ สแตนดาร์ดไฟแนนเชียลกล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการคาดการณ์นั้น สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนตลาดพุ่งขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ค.ซึ่งรัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยในวันนี้ โดยมีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน
ทางด้านซิตี้กรุ๊ปได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ สู่ระดับ 175,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. จากเดิมที่คาดการณ์ที่ระดับ 165,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะยังคงทรงตัวที่ระดับ 4.4% โดยการคาดการณ์ดังกล่าวของซิตี้กรุ๊ปมีขึ้นหลังจาก ADP เปิดเผยตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นเกินคาดเมื่อวานนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.9 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 54.8 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 54.5 โดยดัชนีภาคการผลิตขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 96
หุ้นเดียร์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านการเกษตรและการก่อสร้างรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.8% หลังจากประกาศเข้าซื้อกิจการบริษัทเวิร์ทเจน กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างถนนของเยอรมนี ในวงเงิน 5.2 พันล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มรถยนต์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ พุ่งขึ้น 2.6% ขณะที่หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ พุ่งขึ้น 1.5%
หุ้นพาโล อัลโต เน็ทเวิร์คส์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ทะยานขึ้น 17% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาสแรก
อย่างไรก็ตาม หุ้นฮิวเล็ต แพคการ์ด ร่วงลง 6.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอลงในไตรมาสแรก
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ค. และดุลการค้าเดือนเม.ย.
อินโฟเควสท์