- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 28 April 2017 10:46
- Hits: 6623
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ อิงซึมลงก่อนหยุดยาว ตลาดฯไร้ปัจจัยใหม่-รอคืบหน้าแผนปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ อิงไปในทางซึมลง ก่อนที่ตลาดฯจะปิดทำการ 3 วัน และยีงไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา รวมถึงแผนปฏิรูปภาษีของทรัมป์"ก็ยังไม่มีรายละเอียด ที่ประกาศออกมาเป็นเหมือนเมื่อครั้งหาเสียงเท่านั้น ดังนั้น นักลงทุนคงจะชะลอการลงทุนเพื่อรอความคืบหน้าเรื่องนี้
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันถ่วงตลาดฯจากเมื่อคืนที่ผ่านมาราคาปรับตัวลงต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน แม้งบไตรมาส 1/60 ของ PTTEP จะออกมาดี แต่ราคาน้ำมันไม่เอื้อตลาดจึงไม่ได้ให้น้ำหนักมาก
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ราว 0.1-0.2% พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570-1,572 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 เม.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,981.33 จุด เพิ่มขึ้น 6.24 จุด (+0.03%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,048.94 จุด เพิ่มขึ้น 23.71 จุด (+0.39%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,388.77 จุด เพิ่มขึ้น 1.32 จุด (+0.06%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 11.22 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 8.17 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 7.19 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 7.76 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.90 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.55 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.06 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 เม.ย.60) 1,566.77 จุด ลดลง 0.70 จุด (-0.04%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 617.03 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 เม.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 เม.ย.60) ปิดที่ 48.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 65 เซนต์ หรือ 1.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 เม.ย..60) ที่ 6.32 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.57 แนวโน้มอ่อนค่าหลังยังมีเงินไหลออก มองกรอบวันนี้ 34.50-34.70
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยภาวะเศรษฐกิจไทยยังเปราะบางและอาจฟื้นตัวไม่เต็มที่ รัฐบาลยังจำเป็นต้องใช้มาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ แม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีแต่ก็ยังไม่มากนัก จากการสำรวจสถานภาพแรงงานพบว่ายังมีหนี้ครัวเรือนในระดับที่สูงอยู่
- องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) สำนักงานเอเชียและแปซิฟิก เปิดเผยในงานสัมมนาของสภาการเดินทางท่องเที่ยวโลก (ดับเบิลยูทีทีซี) ว่า ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีนโยบายตลาดเดียว (ซิงเกิ้ล มาร์เก็ต) มาตั้งแต่ปี 2558 น่าจะทำให้การเดินทางเชื่อมต่อกันดีขึ้นเหมือนยุโรป แต่ก็ยังไม่เห็นผลการเปิดเสรีน่านฟ้าอย่างแท้จริง สายการบินยังขาดความสามารถบินเชื่อมฐานการบินหนึ่งที่ไม่ใช่ประเทศตัวเองไปอีกแห่ง เช่น แอร์เอเชีย ต้องร่วมมือพันธมิตรแต่ละประเทศจัดตั้งบริษัทร่วมเพื่อให้บริการ หากอาเซียนมีเสรีน่านฟ้าแท้จริงจะช่วยให้สายการบินผลักดันตัวเองสู่ระดับภูมิภาค แข่งกับคู่แข่งในยุโรป จีน และอินเดียได้
- สศค.คาดเศรษฐกิจไทยปี 2560 ขยายตัว 3.6% ตามแรงหนุนจากภาคส่งออกที่เร่งตัวขึ้น และการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการใช้จ่ายในภาครัฐ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ส่วนเงินเฟ้อปรับขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 1.4% ตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 39.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 9.2% ของจีดีพี ด้าน รมว. คลังสั่งปลัดคลังหามาตราการดันเศรษฐกิจโต 4%
- ตลาดหลักทรัพย์คาดกำไร บจ. ไตรมาสแรกเติบโตดี แม้เศรษฐกิจในประเทศโตช้า เพราะมีรายได้จากต่างประเทศหนุนถึง 46% ของรายได้รวม ชี้ตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่ง วอลุ่มซื้อขายสูงต่างชาติยังซื้อ เลือกตั้งฝรั่งเศส-ปมขัดแย้งระหว่างประเทศยังไม่กระทบ ด้านบล.บัวหลวงหวั่นวอลุ่มหด
*หุ้นเด่นวันนี้
- KCE (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 132 บาท (เดิม 140 บาท) ราคา copper foil ที่ปรับสูงขึ้น รวมไปถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่าที่คาด ส่งผลต่ออัตรากำไร และทำให้ปรับกำไรลง 6-8% ในปี 2560-2561 แต่ไม่ทำให้ outlook การเติบโตระยะยาวของบริษัทเปลี่ยนไป คาดกำไรยังเติบโตแกร่ง 18-30% ในปี 2560-2561
- AAV (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 7.10 บาท คาดกำไรปกติ 1Q60 กลับมาโตแข็งแกร่ง +283% Q-Q ตามฤดูกาลและการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน แต่ -30% Y-Y จากต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นและการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง โดยยังมองทิศทางผลประกอบการปีนี้เป็นบวก แม้ราคาน้ำมันจะปรับขึ้นแต่บริษัท hedge ไว้ 74% จนถึง 4Q60 แล้ว จึงยังคาดกำไรทั้งปี +17% Y-Y
- WORK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 62 บาท คาดกำไรสุทธิ 1Q60 ฟื้นแรงเป็น 74 ล้านบาท +159% Y-Y และฟื้นจากขาดทุนใน 4Q59 จากค่าโฆษณาที่ปรับขึ้นต่อเนื่องตามเรทติ้ง จากเฉลี่ย 46,000 บาท/นาทีใน 1Q59 เป็น 61,000 บาท/นาทีใน 1Q60 และการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีรายได้จัด Event และคอนเสิร์ตเพิ่มขึ้น แนวโน้มกำไร 2Q60 จะเร่งตัวขึ้นเพราะ High season
- SPALI (โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 27.40 บาท กำไร 1Q60 มีแนวโน้มลดลง YoY และ QoQ และเป็นต่ำสุดรายไดรมาสของปีนี้ เนื่องจากยอดโอนคาดจะอยู่ที่ระดับ 4 พันลบ.ต่ำกว่าฐานรายได้ใน 1Q59 และ 4Q59 ที่ระดับ 6 พันลบ.จากโอนคอนโดฯต่อเนื่องจากปลายปี 59 แต่แนวโน้ม 2Q60 น่าจะดีขึ้น QoQ แต่เป็นเรื่องท้าทายหากเปรียบเทียบกับ 2Q59 เนื่องจากสูงสุดรายไตรมาสของปี 59 ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากมาตรการลดหย่อนภาษีที่สิ้นสุดเม.ย.59 ส่วนผลการดำเนินงานทั้งปีคาดรายได้ราว 2.3 หมื่นลบ.มี backlog รองรับแล้ว 59% คาดการณ์กำไรปี 60 ราว 5,6 พันลบ.+12%
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 1/2560 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ไตรมาส 1/2560
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,240.65 จุด ลดลง 11.22 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,144.02 จุด ลดลง 8.17 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,691.29 จุด ลดลง 7.19 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,868.38 จุด เพิ่มขึ้น 7.76 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,214.36 จุด เพิ่มขึ้น 4.90 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,172.91 จุด เพิ่มขึ้น 1.55 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,767.98 จุด เพิ่มขึ้น 0.06 จุด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่สภาคองเกรสสหรัฐจะลงมติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่จะช่วยให้รัฐบาลหลีกเลี่ยงภาวะการขาดแคลนงบประมาณในการบริหารประเทศ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะต้องผ่านการลงมติในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาในวันนี้ และหากได้รับความเห็นชอบจากทั้ง 2 สภา ก็จะต้องส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อลงนามรับรองเป็นกฎหมายในวันเดียวกัน
ทั้งนี้ หากสภาคองเกรสไม่ให้การอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวภายในเส้นตายเวลาเที่ยงคืนของวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ก็จะส่งผลให้มีการปลดข้าราชการจำนวนหลายล้านคนเป็นการชั่วคราว และปิดหน่วยงานของรัฐบาลบางส่วน เนื่องจากขาดงบประมาณในการว่าจ้างพนักงาน
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 51.55 จุด เหตุปอนด์แข็งฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติ
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) จากปัจจัยการแข็งค่าขึ้นของเงินปอนด์ ซึ่งฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ลดช่วงลบในระหว่างวันจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ซึ่งช่วยหนุนหุ้นธนาคารพุ่งขึ้นเมื่อวานนี้
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ ได้รับปัจจัยลบจากการที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยดอลลาร์อ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับการที่รัฐบาลสหรัฐไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อเสนอการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
การแข็งค่าของเงินปอนด์ ได้ส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน และฉุดหุ้นบริษัทเหล่านั้นปรับตัวลงกันถ้วนหน้าเมื่อคืนนี้
หุ้นกลุ่มการเงินที่น่าจับตา หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.3% หลังธนาคารเผยกำไรสุทธิไตรมาส 1/2560 พุ่งขึ้นสู่ระดับ 405 ล้านปอนด์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สืบเนื่องจากจำนวนหนี้เสียลดน้อยลง
นักวิเคราะห์มองว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นลอนดอนมีปฏิกิริยาไม่มากต่อผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวานนี้ โดย ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% นอกจากนี้ยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
หุ้นแอสตราเซเนก้า ขยับขึ้น 0.3% หลังร่วงลงจากรายงานผลประกอบการของบริษัท โดยผู้ผลิตเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ดังกล่าวเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 1/2560 ลดลง 17% สู่ระดับ 537 ล้านดอลลาร์
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลัง ECB คงดอกเบี้ย,หุ้นดอยซ์แบงก์ร่วง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นดอยซ์แบงก์ หลังจากธนาคารเปิดเผยรายได้ลดลงในไตรมาส 1/2560
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.2% ปิดที่ 387.80 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 5,271.70 จุด ลดลง 16.18 จุด, -0.31% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,237.17 จุด ลดลง 51.55 จุด, -0.71% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 12,443.79 จุด ลดลง 29.01 จุด, -0.23%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจาก ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ นอจากนี้ ECB ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% และได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) สู่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน ตั้งแต่เดือนเม.ย.-ธ.ค. จากระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือนในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นไปตามที่ ECB ประกาศไว้ในการประชุมเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากหุ้นดอยซ์แบงก์ที่ร่วงลง 3.7% หลังจากดอยซ์แบงก์เปิดเผยกำไรสุทธิ 575 ล้านยูโรในไตรมาส 1/2560 เพิ่มขึ้นจากระดับ 236 ล้านยูโรในไตรมาส 1/2559 แต่รายได้ในไตรมาส 1/2560 อยู่ที่ 7.3 พันล้านยูโร ลดลง 9% จากไตรมาส 1/2559
หุ้นสายการบินลุฟท์ฮันซา ร่วงลง 6% แม้ทางสายการบินสามารถพลิกกลับมาทำกำไรในไตรมาส 1/2560 โดยกำไรก่อนหักภาษีและดอกเบี้ยอยู่ที่ 25 ล้านยูโร หรือ 27.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ขาดทุน 53 ล้านยูโรในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
หุ้นไบเออร์ บริษัทเภสัชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิพุ่งขึ้น 38% ระดับ 2.08 พันล้านยูโร (2.27 พันล้านดอลลาร์) ในไตรมาส 1/2560 ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.85 พันล้านยูโร ด้วยแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของหน่วยธุรกิจพลาสติก
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 6.24 จุด รับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงคอมแคสต์ และอเมซอน เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ ประกอบกับการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่สภาคองเกรสสหรัฐจะลงมติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์นั้น ได้สกัดแรงบวกในตลาดและส่งผลให้ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,981.33 จุด เพิ่มขึ้น 6.24 จุด หรือ +0.03% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,048.94 จุด เพิ่มขึ้น 23.71 จุด หรือ +0.39% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,388.77 จุด เพิ่มขึ้น 1.32 จุด หรือ +0.06%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทคอมแคสต์เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2560 อยู่ที่ 53 เซนต์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 44 เซนต์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ระดับ 2.046 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.012 หมื่นล้านดอลลาร์
ด้านบริษัทยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส (UPS) เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2560 อยู่ที่ 1.32 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.29 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ระดับ 1.532 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.517 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งช่วยหนุนหุ้นคอมแคสต์ปิดตลาดพุ่งขึ้น 2.1% ขณะที่หุ้น UPS ปรับตัวขึ้นกว่า 1%
หุ้นอเมซอนพุ่งขึ้นกว่า 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิพุ่งขึ้น 41% สู่ระดับ 724 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.48 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.12 ดอลลาร์ต่อหุ้น
หุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ สควิบบ์ พุ่งขึ้น 3.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 1/2560
หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาชั้นนำ ทะยานขึ้น 10% หลังจากทางบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด
หุ้น PayPal พุ่งขึ้น 6.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ และยังได้ประกาศแผนการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ขยับขึ้นเพียง 0.7% ในเดือนมี.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2%
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 14,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 257,000 ราย ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 245,000 ราย
ด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 0.8% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น และสต็อกบ้านในระดับต่ำ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่สภาคองเกรสสหรัฐจะลงมติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่จะช่วยให้รัฐบาลหลีกเลี่ยงภาวะการขาดแคลนงบประมาณในการบริหารประเทศ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะต้องผ่านการลงมติในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาในวันนี้ และหากได้รับความเห็นชอบจากทั้ง 2 สภา ก็จะต้องส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อลงนามรับรองเป็นกฎหมายในวันเดียวกัน
ทั้งนี้ หากสภาคองเกรสไม่ให้การอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวภายในเส้นตายเวลาเที่ยงคืนของวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ก็จะส่งผลให้มีการปลดข้าราชการจำนวนหลายล้านคนเป็นการชั่วคราว และปิดหน่วยงานของรัฐบาลบางส่วน เนื่องจากขาดงบประมาณในการว่าจ้างพนักงาน
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 1/2560 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ไตรมาส 1/2560