WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET18ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามภูมิภาค เล็งกลุ่มพลังงานหนุนหลังราคาน้ำมันขึ้น,จับตาผู้นำจีน-สหรัฐฯหารือ

     นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกกันเกือบทั้งหมด เนื่องจากราคาน้ำมันได้ดีดตัวขึ้นทำให้เป็น Sentiment ที่ดีต่อตลาดฯ โดยคาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาที่หุ้นในกลุ่มพลังงาน

        อย่างไรก็ดี ยังไว้วางใจไม่ได้มากนัก เนื่องจากจะต้องรอดูการหารือของผู้นำจีนและสหรัฐฯในวันที่ 6-7 เม.ย.นี้ก่อน โดยจะมีการหารือในเรื่องเศรษฐกิจและการค้า เท่าที่ดูน่าจะประนีประนอมกันได้ ซึ่งตลาดฯก็มีความคาดหวังว่าจะหารือกันได้ทำให้ตลาดฯรีบาวด์ในระยะสั้น

      ส่วนบ้านเราวันนี้ก็มีหุ้น ADVANC ขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายปันผล ซึ่งก็จะมีผลต่อดัชนีฯเล็กน้อย แต่เชื่อว่าวอลุ่มเทรดของตลาดฯคงจะบางเนื่องจากใกล้จะหยุดยาวช่วงเทศกาล แต่พอหลังสงกรานต์ก็จะมีการประกาศงบฯของกลุ่มแบงก์ ซึ่งก็น่าจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาบ้าง

     พร้อมให้แนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 เม.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,689.24 จุด เพิ่มขึ้น 39.03 จุด (+0.19%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,898.61 จุด เพิ่มขึ้น 3.93 จุด (+0.07%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,360.16 จุด เพิ่มขึ้น 1.32 จุด (+0.06%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 90.45 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 13.15 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 109.47 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 44.92 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.80 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง -2.15 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง -1.56 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 เม.ย.60) 1,583.82 จุด เพิ่มขึ้น 2.96 จุด (+0.19%)

     - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 91.23 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 เม.ย.60

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 เม.ย.60) ปิดที่ 51.03 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 1.6%

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 เม.ย.60) ที่ 6.78 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 34.49 อ่อนค่าต่อเนื่อง จับตาธปท.ดูแลค่าเงินบาท-ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ

    - การรถไฟฯรอบอร์ดอีอีซีวันนี้เคาะยุบรวม "รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์"  คาดเปิดให้เอกชนเดินรถทั้งหมด

    - ครม.ถกปมสหรัฐขึ้นบัญชีไทยเป็น 1 ใน 16 ประเทศ ได้ดุลการค้า ระบุ 3 ปมหลักต้องระวัง "ทรัพย์สินทางปัญญา-จัดซื้ออาวุธ-แทรกแซงค่าเงิน" ด้านนายกฯเตือนอย่าตื่นตระหนก เตรียมการรับสถานการณ์ไว้แล้ว ขณะพาณิชย์เผยผลหารือตัวแทนสหรัฐ ห่วงประเด็นละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นประเด็นใหญ่

                - "อาคม" ระบุ มิ.ย.นี้ เสนอครม.ขออนุมัติรถไฟฟ้าอีก 3 สาย "สีม่วงใต้-น้ำเงินต่อขยาย-สีส้มตะวันตก"วงเงินลงทุนรวมกว่า 2.71 แสนล้าน ขณะที่ครม.รับทราบผลงานรฟม.ในปี 59 เป็นไปตามเป้า รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล มีผู้โดยสารรวมถึง 98.6 ล้านเที่ยวคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.8% และเปิดเดินรถสายสีม่วง ได้ตามแผน

                - ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในวันที่ 6 เม.ย.นี้ จะมีความชัดเจนเรื่องโรดแมปของรัฐบาลว่าจะมีการเลือกตั้ง และได้รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของไทย และจะยิ่งช่วยเสริมความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งภายในและจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น

                - ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่า ดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือน (KR-ECI) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 45.0 ในเดือน มี.ค.60 จากเดิมที่ระดับ 45.3 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากความกังวลต่อประเด็นรายได้และภาวะการมีงานทำ เรื่องเงินออม รวมถึงราคาสินค้า

                - ตลท.ชี้ต่างชาติหวนซื้อหุ้นไทย เพราะมั่นใจสถานการณ์ในประเทศ ปลื้ม บจ. แห่ระดมทุน มั่นใจสิ้นปีมาร์เก็ตแคปเข้าเป้า 2.8 แสนล้านบาท GGC จ่อขายไอพีโอ 246 ล้านหุ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

                - TPIPP (บมจ. ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค โดยราคาขาย IPO 7.00 บาท/หุ้น ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินมูลค่าเหมาะสมปีนี้ 8.00 บาท (SOTP)

                บริษัทฯทำธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานขยะและความร้อนทิ้ง และสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ ปัจจุบันโรงไฟฟ้ามีกำลังการผลิตติดตั้ง 150MW จะเพิ่มเป็น 440MW ในปี 2560 ซึ่งทำให้กำไรใน 3 ปีข้างหน้า (2017-19) โตก้าวกระโดด โดยคาด +50.4% CAGR จุดเด่นของโรงไฟฟ้าขยะของ TPIPP คือมีกำลังการผลิตสูงสุดในประเทศ มีที่ตั้งอยู่ใกล้โรงปูนซีเมนต์ของ TPIPL ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ทำให้ TPIPP สามารถนำความร้อนที่ถูกปล่อยทิ้งจากกระบวนการผลิตปูนฯมาผลิตไฟฟ้าได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำ

                - FN (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10.20 บาท คาดกำไรสุทธิ 1Q60 โตดี 30% Y-Y เป็น 43 ล้านบาท (21% ของประมาณการทั้งปี) แต่ -8% Q-Q ตามฤดูกาล แม้ SSSG น่าจะติดลบต่อเนื่อง แต่ชดเชยได้จากสาขาอยุธยาที่ทำรายได้ได้โดดเด่น แนวโน้มกำไรจะโตต่อเนื่องใน 2Q60 เพราะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว และเปิดสาขาใหม่ที่ 9 ที่หาดใหญ่ 6 เม.ย.นี้ ส่วนสาขาที่ 10 ที่จะเปิดใน 4Q60 อาจเปิดได้เร็วกว่าเป้า และทำให้กำไร 4Q60 เติบโตทำจุดสูงสุดของปี โดยคาดกำไรทั้งปี +43% Y-Y

                - AOT (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 46 บาท คาดกำไรสุทธิ 1Q60 ปรับตัวขึ้นทั้ง qoq และ yoy จากจำนวนผู้โดยสาร(Passenger volume) ปรับตัวขึ้น 8%yoy ขณะที่จำนวนเที่ยวบิน และรายได้ค่าสัมปทาน ปรับตัวขึ้นจากการรับรู้รายได้จากเปิดใช้ Terminal ใหม่ของสนามบิน ดอนเมืองและภูเก็ต

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงซื้อหุ้นเหมืองแร่หนุนฟุตซี่ปิดบวก 39.13 จุด

                ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวสู่แดนบวกครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) ด้วยแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ สืบเนื่องจากราคาแร่ทองคำและเงินได้ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

                ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 39.13 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 7,321.82 จุด

                ภาวะตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ ได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ตามทิศทางของราคาแร่ทองคำและเงินที่ปรับตัวขึ้น 0.3% และ 0.6% ตามลำดับเมื่อคืนนี้ โดยนักวิเคราะห์มองว่า นักลงทุนได้แห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยก่อนหน้าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐจะพบปะหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในสุดสัปดาห์นี้

                "ความซับซ้อนและความตึงเครียดใดๆจากการประชุมระดับผู้นำครั้งนี้ อาจทำให้เกิดความเสี่ยงขึ้น ดังนั้นจึงสร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ได้กระตุ้นความความตื่นตัวของนักลงทุนให้หันไปซื้อทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยกันมากขึ้น" ลุคแมน โอตูนูกา นักวิเคราะห์จาก FXTM กล่าว

                หุ้นเฟรสนิลโล พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส เพิ่มขึ้น 1.6%

                หุ้นบรรษัทข้ามชาติรายใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโรลส์-รอยซ์ โฮลดิงส์ ผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินรายใหญ่ พุ่งขึ้น 2.1% ขณะที่หุ้นแอสตราเซเนก้า ขยับขึ้น 0.9%

                หุ้นกลุ่มที่มีการดำเนินงานในแอฟริกาใต้ปรับตัวลงในช่วงแรก หลังเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ ได้หั่นอันดับความน่าเชื่อถือของแอฟริกาใต้สู่ระดับขยะเมื่อวันจันทร์ สืบเนื่องจากประธานาธิบดีจาคอบ ซูมา ของแอฟริกาใต้ได้ทำการปลดนายปราวิน กอร์ดแฮน รัฐมนตรีคลังออกจากตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยหุ้นอินเวสเทค ปิดขยับขึ้น 0.6% หลังจากร่วงลงอย่างหนักในระหว่างวัน

                สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ บริษัทไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการก่อสร้างของอังกฤษ ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.2 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 52.5 ในเดือนก.พ.

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นพลังงานพุ่ง หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จะมีขึ้นในพฤหัสบดีและศุกร์นี้ และก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ในวันศุกร์นี้

       ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 380.03 จุด

      ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,321.82 จุด เพิ่มขึ้น 39.13 จุด หรือ +0.54% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,282.34 จุด เพิ่มขึ้น 25.14 จุด หรือ +0.21% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,101.13 จุด เพิ่มขึ้น 15.22 จุด หรือ +0.30%

       หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้นกว่า 1% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโททาล พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นบีพี ปรับขึ้น 1.7% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดีดขึ้น 1% ส่วนหุ้นบีพี ปรับตัวขึ้นเช่นกัน หลังจากนักวิเคราะห์ของดอยซ์แบงก์ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นบีพี

      หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเฟรสนิลโล พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส เพิ่มขึ้น 1.6%

       อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐและจีนจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ โดยคาดว่าผู้นำทั้งสองจะหารือกันในประเด็นการค้าและเกาหลีเหนือ

     นอกจากนี้ นักลงทุนได้ชะลอการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค. ในวันศุกร์นี้ ขณะที่โพลล์สำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนมี.ค.จะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ.

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 39.03 จุด รับข้อมูลศก.สดใส,หุ้นพลังงานฟื้น

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดขาดดุลการค้าที่ลดลงอย่างมากในเดือนก.พ. อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนการประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จะมีขึ้นในพฤหัสบดีและศุกร์นี้

       ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,689.24 จุด เพิ่มขึ้น 39.03 จุด หรือ +0.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,360.16 จุด เพิ่มขึ้น 1.32 จุด หรือ +0.06% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,898.61 จุด เพิ่มขึ้น 3.93 จุด หรือ +0.07%

       ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าลดลง 9.6% ในเดือนก.พ. สู่ระดับ 4.36 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะมีตัวเลขขาดดุลการค้าลดลงสู่ระดับ 4.48 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.

       นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังระบุว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนก.พ. ซึ่งปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนม.ค. โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของอุปสงค์เครื่องจักร และอุปกรณ์ไฟฟ้า

       หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นราว 0.4% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นกว่า 1% เมื่อคืนนี้ จากความคาดหวังที่ว่าการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะช่วยแก้ปัญหาปริมาณน้ำมันล้นตลาด

       หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2% หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว

      หุ้นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าแบรนด์ดัง ปรับตัวลดลง โดยหุ้นราล์ฟ ลอเรน หุ้นโคล์ท คอร์ป และหุ้นแอล แบรนด์ ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 4% โดยหุ้นราล์ฟ ลอเรน ได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า ทางบริษัทจะปิดร้านที่ Fifth Avenue ในแมนฮัทตัน และลดจำนวนพนักงาน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุน

       นักวิเคราะห์กล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐและจีนจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ โดยคาดว่าผู้นำทั้งสองจะหารือกันในประเด็นการค้าและเกาหลีเหนือ

      นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับปัจจัยลบจากข่าวที่ว่า นายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ โดยระบุว่าคำสนทนาของเขาต่อนักวิเคราะห์รายหนึ่งของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในปี 2012 อาจเป็นการเปิดเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับทางเลือกในการใช้นโยบายของเฟด

     ทั้งนี้ นายแลคเกอร์กล่าวว่า เขาอาจกระทำการที่ขัดต่อนโยบายการสื่อสารต่อบุคคลภายนอกของเฟด ซึ่งห้ามการให้ข้อมูลแก่บุคคลหรือองค์กรที่แสวงหากำไร เพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

       นอกจากนี้ นักลงทุนได้ชะลอการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค. ในวันศุกร์นี้ ขณะที่โพลล์สำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนมี.ค.จะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ.

     ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึง ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) , รายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 14-15 มี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ.

      อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!