- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 07 March 2017 16:56
- Hits: 2426
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์หลังลงไปพอควรแล้ว แต่ยังห่วงเฟดขึ้นดอกเบี้ยกดดัน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ ภายหลังจากที่หุ้นไทยได้ปรับตัวลงมาพอควรแล้ว และก็ยังมีความกังวลเรื่องการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในกลางเดือน มี.ค.นี้ มีน้ำหนักมากขึ้น ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น กระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติขาย แต่ก็เชื่อว่าแรงขายเริ่มจำกัดแล้ว
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เริ่มเห็นการฟื้นตัวเฉลี่ย 0.1-0.2% คาดว่าเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น จากเงินดอลลาร์สหรัฐฯชะลอการแข็งค่าบ้าง แม้ว่าทิศทางโดยรวมก็ยังแข็งค่าอยู่
นอกจากนี้ หากดัชนีฯลงมาแถวแนวรับ 1,545-1,550 จุด ก็มีโอกาสที่จะเกิดการรีบาวด์สูง ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,560-1,562 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 มี.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,954.34 จุด ลดลง 51.37 จุด (-0.24%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,849.17 จุด ลดลง 21.58 จุด (-0.37%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,375.31 จุด ลดลง 7.81 จุด (-0.33%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 41.95 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.78 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 34.07 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 7.63 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.33 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.29 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 มี.ค.60) 1,553.61 จุด ลดลง 12.59 จุด (-0.80%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,204.68 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 มี.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 มี.ค.60) ปิดที่ 53.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 มี.ค.60) ที่ 4.94 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.07 อ่อนค่าตามภูมิภาค จากแรงซื้อดอลล์หลังตลาดเชื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยมี.ค.นี้
- รัฐบาลเร่งเครื่องออกกฎหมาย พ.ร.บ.ปิโตรเลียมและภาษีเงินได้ปิโตรเลียม "พล.อ.สกนธ์" ย้ำชง สนช.เดินหน้าทันที ไม่ขยายกรอบเวลาพิจารณาที่จะสิ้นสุด 20 มี.ค.นี้ "พลังงาน"หวังเปิดประมูลเอราวัณ-บงกชภายใน พ.ค.แย้มจีนอาจสนใจประมูล ด้าน"รสนา"ชี้รัฐจงใจเร่งรัด
- แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร โดยจะมีการพิจารณาแนวทางประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้จากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากกรณีการขายหุ้น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท อินทัช (INTUCH) ให้แก่บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ (พีทีอี) ผ่านบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ รวมเป็นเงินกว่า 7.3 หมื่นล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะมีมูลค่าภาษีราว 1.6 หมื่นล้านบาท ก่อนที่จะสิ้นสุดอายุความวันที่ 31 มี.ค. 60
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เผยบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ปี 59 มีกำไรสุทธิ 908,855 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.41% จากปีก่อน จากต้นทุนการผลิตลดลง และการฟื้นตัวของธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี
- นายมาซาคัตสึ ฟุคายะ เทรดเดอร์ฝ่ายประเทศตลาดเกิดใหม่ของธนาคาร มิซูโฮ เปิดเผยกับบลูมเบิร์ก ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจจำเป็นต้องออกมาส่งสัญญาณเพื่อบรรเทาความกังวลต่อเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างหนัก หลังจากมีทุนไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ราว 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 7.35 หมื่นล้านบาท) ในปีนี้ และทำให้ค่าเงินบาทมีผลประกอบการดีที่สุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาของเอเชีย
- "สมคิด" เตรียมคิกออฟกองทุนหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก 8 มี.ค.นี้ นำร่องผลักดันให้เกิดตลาดในชุมชนให้ได้ 1,500 แห่ง ชี้ส่งผลเงินหมุนเวียนกว่า 1 หมื่นล้านบาท พาณิชย์ยันร่าง พ.ร.บ.ยาสูบฯ ไม่กระทบโชห่วยไทย ตั้งเป้าปี 60 พัฒนาร้านค้าปลีกอีก 5,000 ราย
*หุ้นเด่นวันนี้
- KSL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 8.30 บาท ราคาน้ำตาลวานนี้ปรับลงต่ำกว่า 20 เซนต์/ปอนด์เชื่อเป็นระยะสั้น ภาวะ Supply shortage ทำให้ราคาน้ำตาลปีนี้ยังมีทิศทางขาขึ้น แต่กำไร Q1/60 (พ.ย.59-ม.ค.60) ยังไม่ดีเพราะราคาขายยังเป็นล๊อตเก่าราคาต่ำ กำไรสุทธิเทียบ Q-Q จะลดลงแรงเพราะ Q4/59 (ส.ค.-ต.ค.59) มีกำไรพิเศษกว่า 1 พันล้านบาท ทำให้รายงานกำไรสุทธิ 811 ล้านบาท แต่ผลการดำเนินงานหลักขาดทุน 20 ล้านบาท KSL จะประกาศงบ Q1/60 กลางเดือนนี้ คาดกำไรปกติทั้งปี +126% Y-Y
- BANPU (ยูโอบี เคย์เฮียน) รายงานกำไรไตรมาส 4/59 ที่ 1.5 พันล้าน ดีกว่าที่ตลาดคาด คาดกำไร 2560 เติบโตโดดเด่น อีกทั้งผลการดำเนินงานปัจจุบันผันผวนน้อยลงจากการมีธุรกิจไฟฟ้า (BPP)เป็นสัดส่วนถึง 35% ขณะที่ราคาถ่านหินจีนราคาเฉลี่ยทรงตัวในระดับสูงจากการลดกำลังการผลิตปีนี้อีก 150 ล้านตัน
- PSL (ไอร่า) "เก็งกำไร"เป้า 13.50 บาท คาดภาวะ Oversupply เริ่มเข้าสู่สมดุล และแนวโน้ม 2-3 ปีข้างหน้าดีขึ้นเป็นลำดับ พร้อมคาดผลงานปี 60 ขาดทุนลดลง 30% และเข้าใกล้จุดคุ้มทุนในปี 61 ขณะที่คาด Downside จากมูลค่าทรัพย์สินค่อนข้างจำกัด หลัง PSL ตัดด้อยค่าฯ และบันทึกขาดทุน จากการขายเรือประมาณ 2,000 ล้านบาทในช่วงปี 58-59
- FSMART (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 21.40 บาท มองอัตรากำไรขั้นต้นจะกลับมาอยู่ที่ระดับเดิมประมาณ 25.00-25.50% หลังโปรโมชั่นกับ AIS หมดลง คาดจำนวนการใช้งานยังคงเดิม พร้อมคาดปี 60 ยังเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าติดตั้งตู้เติมเงินเป็น 120,000 ตู้ คาดกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตประมาณ +27.5% YoY ส่วนความเสี่ยงเรื่องการรุกตลาดตู้เติมเงินของกลุ่ม TRUE ไม่รุนแรงเท่าที่ตลาดคาด ประเมินหาก TRUE ติดตั้งตู้สำเร็จตามแผน FSMART จะโดนผลกระทบประมาณ 30-40 ล้านบาทต่อปี
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ เหตุวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย-เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเวลาดังกล่าว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,337.19 จุด ลดลง 41.95 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,233.09 จุด ลดลง 0.78 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,630.35 จุด เพิ่มขึ้น 34.07 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,690.26 จุด เพิ่มขึ้น 7.63 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,080.77 จุด ลดลง 0.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,121.18 จุด ลดลง 0.33 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,727.65 จุด เพิ่มขึ้น 0.29 จุด
นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมือง หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธ 4 ลูกเมื่อวานนี้ ซึ่ง 3 ลูกตกลงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของญี่ปุ่น
นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ออกแถลงการณ์เพื่อประกาศความสำเร็จของเกาหลีเหนือในการยิงขีปนาวุธ โดยระบุว่าการยิงขีปนาวุธครั้งนี้พุ่งเป้าโจมตีฐานทัพทหารของสหรัฐในญี่ปุ่น
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงขายหุ้นเหมือง ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 24.14 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง หลังจากรัฐบาลจีนประกาศลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง หลังจากดอยซ์แบงก์ ธนาคารรายใหญ่สุดของเยอรมนี ประกาศแผนระดมทุนเพิ่ม
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,350.12 จุด ลดลง 24.14 จุด หรือ -0.33%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง หลังจากได้ปรับลดเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้สู่ระดับ 6.5% จากระดับ 6.7% ในปีที่แล้ว โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 2.7% หุ้นเฟรสนิลโล ร่วงลง 1.5% และหุ้นริโอทินโต ปรับตัวลง 2.1%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดิ่งลง 2.6% และหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ร่วงลง 1.9% โดยปัจจัยที่กดดันหุ้นกลุ่มธนาคารนั้น มาจากข่าวที่ว่า ดอยซ์แบงก์ประกาศออกหุ้นเพิ่มทุน 8 พันล้านยูโร (8.5 พันล้านดอลลาร์) ในวันที่ 21 มี.ค. โดยมีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุนของธนาคาร
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปรับตัวลง 0.2% หุ้นบีพีลดลง 0.3
อย่างไรก็ตาม หุ้นอเบอร์ดีน แอสเส็ท แมเนจเมนท์ ทะยานขึ้น 4.2% หลังจากอเบอร์ดีนตกลงควบรวมกิจการกับสแตนดาร์ด ไลฟ์ พีแอล คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.1 หมื่นล้านปอนด์ (1.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยการควบรวมกิจการครั้งนี้จะทำให้เกิดบริษัทจัดการกองทุนรายใหญ่สุดของอังกฤษ
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลังข่าวดอยซ์แบงก์เพิ่มทุนฉุดหุ้นธนาคารร่วง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากมีรายงานว่าธนาคารดอยซ์แบงก์ประกาศเพิ่มทุน 8 พันล้านยูโร นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในฝรั่งเศสยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 373.27 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,972.19 จุด ลดลง 22.94 จุด หรือ -0.46% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,958.40 จุด ลดลง 68.96 จุด หรือ -0.57% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,350.12 จุด ลดลง 24.14 จุด หรือ -0.33%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก หลังจากดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนีประกาศออกหุ้นเพิ่มทุน 8 พันล้านยูโร (8.5 พันล้านดอลลาร์) ในวันที่ 21 มี.ค. โดยมีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุนของธนาคาร ขณะที่ดอยซ์แบงก์ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปีหลังจากที่นายจอห์น ไครอัน เข้ามาทำหน้าที่ผู้บริหาร
ทั้งนี้ หุ้นดอยซ์แบงก์ ปรับตัวลง 1.2% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดิ่งลง 2.6% หุ้นเครดิต สวิส ร่วงลง 4.3% และหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ ปรับตัวลง 0.7%
นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนด้านการเมืองในฝรั่งเศสยังเป็นปัจจัยกดดันภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรป โดยนายอแลง จุปเป อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ประกาศยืนยันไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ทำให้โอกาสของพรรค Les Republicains ที่จะชนะการเลือกตั้งริบหรี่ลง หลังนายฟรองซัวส์ ฟิยง อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้สมัครของพรรค กำลังเผชิญมรสุมทางการเมืองที่อาจส่งผลให้เขาพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม หุ้นพีเอสเอ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ในฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากพีเอสเอ กรุ๊ป ตกลงซื้อธุรกิจรถยนต์โอเปิลในเยอรมนี และวอกซ์ฮอลในอังกฤษ จากบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ในข้อตกลงวงเงิน 2.2 พันล้านยูโร (2.33 พันล้านดอลลาร์)
ทั้งนี้ การซื้อกิจการรถยนต์โอเปิล และวอกซ์ฮอล จะทำให้พีเอสเอ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์เปอร์โยต์ และซีตรอง ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป รองจากโฟล์คสวาเกน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 51.37 จุด วิตกเฟดจ่อขึ้นดอกเบี้ยเดือนนี้
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองยังเป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศการซื้อขาย ซึ่งรวมถึงข่าวเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธตกลงในเขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่น และคณะทำงานของโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้สภาคองเกรสดำเนินการตรวจสอบข้อกล่าวหาที่ว่าอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา สั่งการให้ดักฟังโทรศัพท์ในอาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ในช่วงที่มีการเลือกตั้งในปีที่ผ่านมา
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,954.34 จุด ลดลง 51.37 จุด หรือ -0.24% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,849.17 จุด ลดลง 21.58 จุด หรือ -0.37% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,375.31 จุด ลดลง 7.81 จุด หรือ -0.33%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังจากนางเยลเลนได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ Executives Club of Chicago เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า "ในการประชุมครั้งต่อไปของเฟดซึ่งจะมีขึ้นในเดือนนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะประเมินว่า ตัวเลขการจ้างงานและเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของเราหรือไม่ ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ก็เป็นเรื่องที่เหมาะสม"
CME Group FedWatch ระบุว่า ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 84.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองยังส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา โดยเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธ 4 ลูกเมื่อวานนี้ ซึ่ง 3 ลูกตกลงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของญี่ปุ่น ขณะที่สื่อระบุว่า การยิงขีปนาวุธครั้งนี้เป็นการตอบโต้ปฏิบัติการซ้อมรบระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้
ส่วนสถานการณ์ด้านการเมืองในสหรัฐนั้น คณะทำงานของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสสืบสวนคดีการดักฟังโทรศัพท์ของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา โดยทรัมป์อ้างว่า โอบามาเป็นผู้สั่งการให้ดักฟังโทรศัพท์ภายในอาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ที่นครนิวยอร์ก ในช่วงก่อนการเลือกตั้งเดือนพ.ย. 2559
ทั้งนี้ ทรัมป์ได้เปรียบเทียบการดักฟังครั้งนี้ว่ามีความคล้ายคลึงกับคดีวอเตอร์เกทอันอื้อฉาว ซึ่งเป็นเหตุให้อดีตประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ต้องหลุดจากตำแหน่ง หลังจากมีการสืบสวนพบว่า เขาเป็นผู้สั่งการให้มีการสอดแนมพรรคเดโมแครตเมื่อปี 2513
หุ้นดอยซ์แบงก์ ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วงลง 3.8% หลังจากมีรายงานว่าดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี เตรียมออกหุ้นเพิ่มทุน 8 พันล้านยูโร (8.5 พันล้านดอลลาร์) ในวันที่ 21 มี.ค. โดยมีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุนของธนาคาร ขณะที่ดอยซ์แบงก์ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปีหลังจากที่นายจอห์น ไครอัน เข้ามาทำหน้าที่ผู้บริหาร
หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ปรับตัวลง 0.8% หลังจากบริษัทได้ตัดสินใจขายธุรกิจรถยนต์โอเปิลในเยอรมนี และวอกซ์ฮอลในอังกฤษ ให้แก่บริษัทพีเอสเอ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ในฝรั่งเศส ในข้อตกลงวงเงิน 2.2 พันล้านยูโร (2.33 พันล้านดอลลาร์) โดยการขายธุรกิจรถยนต์ทั้ง 2 แบรนด์ดังกล่าว ถือเป็นการถอนตัวจากตลาดยุโรป หลังจากที่ GM ประสบภาวะขาดทุนถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์นับตั้งแต่มีกำไรครั้งสุดท้ายในปี 2542
หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง หลังจากสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ส ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรและปรับเพิ่มคาดการณ์ต้นทุนการดำเนินงานในไตรมาสแรกปีนี้ โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ดิ่งลง 2.6% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส ร่วงลง 3.2% หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิ้งส์ ปรับลง 3.2% และหุ้นอลาสก้า แอร์ กรุ๊ป ร่วงลง 2.3%
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นข้อมูลที่เฟดจับตาและจะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้การตัดสินใจของคณะกรรมการเฟด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ที่ 10 มี.ค.นี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึง ยอดส่งออก นำเข้า และดุลการค้าเดือนม.ค., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.จาก ADP, ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 4/2559, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนม.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
อินโฟเควสท์