- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 08 August 2014 11:46
- Hits: 2868
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งลง กังวลรัสเซีย-ชาติตะวันตกขัดแย้ง/จับตาประชุมสนช.
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวลง ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบราว 0.3-0.7% เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกที่มีมากขึ้น หลังจากที่รัสเซียได้สั่งห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์และผลผลิตทางการเกษตรของหลายประเทศที่คว่ำบาตรรัสเซีย
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยุโรปด้วย จากที่เศรษฐกิจในอิตาลี และเยอรมันอยู่ในทิศทางที่อ่อนแอลง
สำหรับปัจจัยในประเทศวันนี้ก็ให้ติดตามการประชุมนัดแรกของสนช.ในการเลือกประธาน และรองประธาน เพื่อที่นำไปสู่การเลือกคณะรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีต่อไป
พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,510 จุด ส่วนแนวต้าน 1,525-1,530 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(7 ส.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,368.27 จุด ลดลง 75.07 จุด (-0.46%),ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,909.57 จุด ลดลง 10.67 จุด (-0.56%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,334.97 จุด ลดลง 20.08 จุด (-0.46%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 168.64 จุด(-1.11%), ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 5.00 จุด(-0.24%), ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ ไม่เปลี่ยนแปลง, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.04 จุด(+0.05%), ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 11.24 จุด(-0.12%), ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 11.16 จุด(-0.34%), ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 2.64 จุด(-0.14%) และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 80.46 จุด(-0.33%)
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(7 ส.ค.)1,522.27 จุด ลดลง 0.14 จุด(-0.01%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,033.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ส.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(7 ส.ค.)ที่ 97.34 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 42 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(7 ส.ค.)ที่ 2.79 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเช้าอ่อนค่ามาที่ 32.32 เคลื่อนไหวตามภูมิภาค กังวลสถานการณ์ตอ.กลาง
- สคร.เปิดร่างกฎหมายลูก พ.ร.บ. ร่วมลงทุน 8 ฉบับ เร่งประกาศใช้ รองรับประมูลโครงสร้างพื้นฐานปีหน้า มั่นใจทำให้กฎหมายร่วมทุนมีผลบังคับใช้สมบูรณ์ เหตุตีกรอบตั้งแต่สาระสำคัญของสัญญา ตีราคาโครงการ จนถึงการทำสัญญามาตรฐาน
- คมนาคมกางแผนโครงสร้างพื้นฐานผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษ 6 แห่งใน 2 ปี เดินหน้าพัฒนาแม่สอดเต็มที่ ทั้ง"ขยายสนามบิน-ถนน-สร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2" พร้อม"ถนน-ทางคู่"เชื่อมทุกภาค ขณะเจบิค พร้อมร่วมลงทุน-สนับสนุนทางการเงิน
- รายงานข่าวจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่าในวันที่ 8 ส.ค.นี้ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์เลขาธิการ กสทช. จะเข้าชี้แจงกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในประเด็นราคาคูปองเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านการรับชมทีวีดิจิทัลที่ได้ข้อสรุป 690 บาท แต่ได้รับการคัดค้านจากสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุ โทรทัศน์ เพราะเห็นว่าเสียงจากการรับฟังความเห็นประชาชนอยู่ที่ 1,000 บาท
- สมาคมค้าทองคำ คาดราคาทองคำอยู่ในขาลงระยะยาว มีโอกาสลดลงเหลือ 1.5 หมื่นบาทต่อบาททอง หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวและค่าเงินบาทแข็งค่า แต่ในช่วงที่เหลือของปีผันผวนในขาขึ้น จากปัญหาความขัดแย้งในต่างประเทศ เตรียมหาแนวแก้ปัญหาตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สซบเซา ขณะที่ต่างชาติเทขายหุ้นไทย 1,000 ล้านบาท เหตุกังวลสถานการณ์ในยูเครน รัสเซียกดหุ้นไทยลดลง 0.01%
- นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ประเทศรัสเซียหันมาใช้เงินเหรียญฮ่องกงและมาค้าขายกับประเทศจีนมากขึ้น หลังสหรัฐจับมือกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่นร่วมกันคว่ำบาตร ว่าการเปลี่ยนโครงสร้างการใช้สกุลเงินในการชำระเงินระหว่างประเทศคงเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่ควรมีการติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นพัฒนาการของโลกที่ควรต้องติดตามอยู่แล้ว เนื่องจากค่าเงินบาทเคลื่อนไหวตามปัจจัยหลายด้านทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ แต่ยังเร็วไปที่จะประเมินผลกระทบต่อค่าเงินบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- SAMTEL(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 20.20 บาท รายงานกำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 186 ล้านบาท เติบโต +6.1% yoy ดีกว่าคาดการณ์ พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผล 1H57 หุ้นละ 0.25 บาท ขึ้น XD 18 ส.ค. คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.5% ประเมินว่าหุ้น SAMTEL จะ Outperform ตลาดใน 2H57 เนื่องจากมี Catalyst รออยู่ คือโอกาสของการชนะงานประมูลขนาดใหญ่ เช่น Smart Classroom มูลค่า 2,900 ล้านบาท, งานตรวจผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) มูลค่า 3,400 ล้านบาท และโครงการ CUTE มูลค่า 2,500 ล้านบาท โดยกำไร 1H57 คิดเป็น 44.2% ของประมาณการกำไรปี 2557 ที่ 893 ล้านบาท (+4.3% yoy) และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโต +12.4% yoy เป็น 1,004 ล้านบาท
- AIT(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 48 บาท รายงานกำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 285 ล้านบาท +89% yoy และ 43% qoq ทำระดับสูงสุดใหม่ และดีกว่าคาดการณ์ของ Consensus เนื่องจากมีการรับรู้รายได้งานโครงการเป็นจำนวนมากใน 2Q57 โดยกำไร 1H57 คิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรปี 2557 ส่งผลให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2557 และ 2558 ขึ้น ดังนั้น คาดว่ากำไรสุทธิปี 2557 จะเติบโต +22.8% yoy เป็น 697 ล้านบาท และ +18.4% yoy เป็น 825 ล้านบาท และ ประกาศจ่ายเงินปันผล 1H57 หุ้นละ 0.90 บาท ขึ้น XD 15 ส.ค. คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 2.9%
- CPF(ธนชาต)"ซื้อ"เป้า 39 บาท คาดกำไร 2Q14 ออกมาดี จากธุรกิจในต่างประเทศที่ดีกว่าคาด
- WORK(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 33.60 บาท คาดผลประกอบการ 2Q57 จะพลิกกลับมามีกำไรราว 5 ล้านบาทจากปัจจัยฤดูกาลของธุรกิจสื่อและคาด 2H57 จะฟื้นตัวต่อเนื่องจากรายการใหม่ในช่องทีวีดิจิตอลและ Seasonal Program ในฟรีทีวี และคาดกำไรปี 2557-60 เติบโตก้าวกระโดดเฉลี่ย 37% ต่อปี ตามการปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาที่มีโอกาสเพิ่มอีกหลายเท่าตัว รวมถึงโอกาสเติบโตจากธุรกิจทีวีดิจิตอล
- AOT (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้าเชิงกลยุทธ์ 231 บาท จะได้ประโยชน์มากที่สุด หากมีการยกเลิกกฏอัยการศึกหลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่จะส่งผลบวกต่อการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการใช้สนามบิน และจะส่งผลต่อโอกาสปรับประมาณการปี 58 เพิ่ม ขณะที่แผนขยายสนามบินดอนเมือง ภูเก็ต และสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับการขยายตัวของสายการบินต้นทุนต่ำจะสนับสนุนการเติบโตต่อเนื่องของผลประกอบการใน 3 ปีข้างหน้า และหากมีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมผู้โดยสารได้ทันภายในปลายปี 58 มูลค่าเหมาะสมจะปรับขึ้นเป็น 275 บาท
ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ หลัง โอบามา ไฟเขียวการโจมตีทางอากาศในอิรัก
ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงในช่วงเช้าวันนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ได้อนุมัติการโจมตีทางอากาศในอิรัก เพื่อปกป้องบุคลากรสหรัฐ รวมถึงการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยชนทางอากาศ ให้แก่ชนกลุ่มน้อยที่ถูกปิดล้อมโดยกลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย (ISIS)
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ปรับตัวลง 0.5% แตะที่ 145.35 จุด เมื่อเวลา 9:30 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,063.73 จุด ลดลง 168.64 จุด, -1.11% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,049.51 จุด ลดลง 5.00 จุด, -0.24% ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,509.00 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,188.71 จุด เพิ่มขึ้น 1.04 จุด, +0.05%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,120.20 จุด ลดลง 11.24 จุด, -0.12% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,303.06 จุด ลดลง 11.16 จุด, -0.34% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,864.68 จุด ลดลง 2.64 จุด, -0.14% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,307.10 จุด ลดลง 80.46 จุด, -0.33%
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ได้อนุมัติการโจมตีทางอากาศในอิรัก เพื่อปกป้องบุคลากรสหรัฐ รวมถึงการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยชนทางอากาศ ให้แก่ชนกลุ่มน้อยที่ถูกปิดล้อมโดยกลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย (ISIS)
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ส.ค.ของสหรัฐ ลดลง 14,000 ราย แตะระดับ 289,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 304,000 ราย
หุ้นมิตซูบิชิ ร่วงลง 2.7% ขณะที่หุ้นนิคอน ดิ่งลง 7.6% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรตลอดปี 2557
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 38.79 จุด เหตุกังวลวิกฤตยูเครน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) จากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% ตามคาด
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 38.79 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 6,597.37 จุด
นักลงทุนในตลาดมีความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดในยูเครน หลังจากนายดมิทรี เมดเดเวฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซียเปิดเผยว่า รัสเซียได้สั่งห้ามการนำเข้าอาหารจากสหภาพยุโรปและสหรัฐแล้ว เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของประเทศดังกล่าว
รัฐบาลรัสเซียได้สั่งห้ามนำเข้าเนื้อวัว เนื้อสุกร สัตว์ปีก ปลา ชีส ผลไม้ ผัก และผลิตภัณฑ์นมจากประเทศออสเตรเลีย แคนาดา สหภาพยุโรป สหรัฐ และนอร์เวย์ เป็นเวลา 1 ปี
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ได้ลงนามในกฤษฎีกาสั่งห้ามหรือจำกัดการนำเข้าผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรจากประเทศที่ใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% และคงวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์ไว้ที่ 3.75 แสนล้านปอนด์ หรือ 6.32 แสนล้านดอลลาร์ ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ในตลาด
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษได้หารือกันอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ภายหลังจากที่เศรษฐกิจของอังกฤษมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
หุ้นโอลด์ มิวชวลร่วง 1.7% หลังบริษัทรายงานผลประกอบการที่ลดลงในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่หุ้นแรนด์โกลด์ก็ปรับตัวลง 1.7% เนื่องจากรายได้สุทธิในช่วงไตรมาส 2 ของบริษัทออกมาต่ำกว่าคาดการณ์
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลังอีซีบีเตือนวิกฤตยูเครนกระทบศก.ยูโรโซน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือนในระหว่างวัน หลังจากนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เตือนว่า ความเสี่ยงทางการเมืองระหว่างประเทศ รวมถึงวิกฤตการณ์ยูเครน อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของยูโรโซน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.7% ปิดที่ 326.96 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,149.83 จุด ลดลง 57.31 จุด หรือ -1.36% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,038.97 จุด ลดลง 91.07 จุด หรือ -1.00% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,597.37 จุด ลดลง 38.79 จุด หรือ -0.58%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงหลังจากนายดรากิได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยูโรโซนยังฟื้นตัวไม่สม่ำเสมอ พร้อมกับส่งสัญญาณว่า อีซีบีจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป นอกจากนี้ นายดรากิระบุว่า วิกฤตการณ์ในยูเครนถือเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจยูโรโซน แม้ว่าผลกระทบที่เกิดจากการที่ยุโรปได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียนั้น ยังไม่แน่นอนก็ตาม
"อีซีบีจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป เนื่องจากเศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง ซึ่งหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวนั้นคือสถานการณ์ความไม่สงบในต่างประเทศ รวมถึงวิกฤตการณ์ยูเครน แม้ว่าในขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการยุโรปประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียก็ตาม" นายดรากิกล่าว
ส่วนในการประชุมเมื่อวานนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของอีซีบีมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.15% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ระดับติดลบ 0.10%
หุ้นมิวนิค รี ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยต่อรายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 2.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิไตรมาส 2 ที่ระดับ 765 ล้านยูโร ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 798 ล้านยูโร
หุ้นดอยช์ เทเลคอม ดิ่งลง 2.06% ขณะที่หุ้น ThyssenKrupp ซึ่งเป็นผู้ผลิตสาธารณูปโภคไฟฟ้า และหุ้น E.ON ร่วงลงเช่นกัน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของยุโรปในวันนี้ รวมถึงข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของเยอรมนีเดือนมิ.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสเดือนมิ.ย. และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของอังกฤษเดือนมิ.ย.
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 75.07 จุด วิตกสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนจะทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากรัสเซียตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและยุโรปด้วยการประกาศห้ามนำเข้าอาหารจากประเทศเหล่านี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,368.27 จุด ลดลง 75.07 จุด หรือ -0.46% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,334.97 จุด ลดลง 20.08 จุด หรือ -0.46% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,909.57 จุด ลดลง 10.67 จุด หรือ -0.56%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดดีดตัวขึ้น ขานรับรายงานที่ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ส.ค.ของสหรัฐ ลดลง 14,000 ราย แตะระดับ 289,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 304,000 ราย โดยการที่ภาคเอกชนชะลอการเลย์ออฟพนักงาน และยังคงมีการจ้างงานอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดแรงงานของสหรัฐแข็งแกร่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายอันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากรัฐบาลรัสเซียได้สั่งห้ามการนำเข้าอาหารจากสหภาพยุโรปและสหรัฐ เพื่อตอบโต้ประเทศเหล่านี้ที่ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย
มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ลงนามกฤษฎีกาสั่งห้ามหรือจำกัดการนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากบรรดาประเทศที่ใช้มาตรการคว่ำบาตรกับรัสเซีย โดยมีผลบังคับใช้ทันที และอาจมีการทบทวนในอนาคต
หุ้นไทสัน ฟู๊ดส์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเนื้อรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2% หลังจากมีรายงานว่าส่วนแบ่งตลาดส่งออกของไทสัน ฟู๊ดส์ ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 7% จากระดับ 40%
หุ้นทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ พุ่งขึ้น 5% เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัท ส่วนหุ้นเอทนา ซึ่งเป็นบริษัทเฮลแคร์ ร่วงลง 4% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงรายงานประสิทธิภาพการผลิต-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้นไตรมาส 2/2557 และรายงานสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนมิ.ย.
อินโฟเควสท์