WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET23ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ อิงแดนบวก ลุ้น GDP งวด Q4/59 ของไทยออกมาดีกว่าคาด,ต่างชาติซื้อหนุนตลาด

    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีเช้านี้จะแกว่ง Sideway up ขณะที่ตลาดติดตามการแถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) งวดไตรมาส 4/59  ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ในเช้าวันนี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์จะเติบโต 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ในส่วนทิสโก้ คาดว่าตัวเลขจีดีพี ในไตรมาส 4/59 จะเติบโต 3.5% จากงวดปีก่อน ซึ่งเป็นปัจจัยให้ราคาหุ้นตอบรับในทางบวกได้

  นอกจากนี้ การประกาศผลประกอบการของบจ.ขนาดใหญ่ที่ออกมาดีกว่าคาด โดยเฉพาะ PTT ที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์ และล่าสุด IVL และ AMATA ที่ประกาศผลประกอบการออกมาก็ดีกว่าตลาดคาดการณ์ น่าจะมีส่วนช่วยบรรยากาศการลงทุนโดยรวม นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์เริ่มกลับมาอ่อนค่า และเงินบาททรงตัวได้ ขณะที่เริ่มเห็นการเข้ามาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในช่วง 2 วันติดต่อกันนั้น นับเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดหุ้นไทยด้วย

   อย่างไรก็ตาม ยังมองว่า การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยจะไม่มากนัก เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐ จะปิดทำการในวันนี้ (20 ก.พ.) เนื่องในวันประธานาธิบดี ทำให้ขาดตัวเลขบ่งชี้ถึงทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐในระยะต่อไป รวมถึงตลาดยังรอติดตามนโยบายจากทางสหรัฐด้วย ส่วนการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มสหภาพยุโรป หรือ ยูโรกรุ๊ปในวันนี้ เพื่อหารือในประเด็นกว้าง ๆ ซึ่งรวมถึงการทบทวนการปรับนโยบายเศรษฐกิจรอบที่สองของกรีซ จะยังไม่มีน้ำหนักต่อตลาดในช่วงนี้

พร้อมให้แนวรับ 1,575 จุด และแนวต้าน 1,585 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

            - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 ก.พ.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,624.05 จุด เพิ่มขึ้น 4.28 จุด (+0.02%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,838.58 จุด เพิ่มขึ้น 23.68 จุด (+0.41%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,351.16 จุด เพิ่มขึ้น 3.94 จุด (+0.17%)

            - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 73.29 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.12 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 32.26 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 15.89 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.58 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.84 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.51 จุด

            - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ก.พ.60) 1,577.84 จุด เพิ่มขึ้น 1.79 จุด (+0.11%)

            - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,912.89 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ก.พ.60

            - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 ก.พ.60) ปิดที่ 53.40 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.09%

            - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ก.พ.60) ที่ 6.35 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

            - เงินบาทเปิด 34.98 ตลาดรอดูตัวเลข GDP ไตรมาส 4/59 ของไทย มองกรอบวันนี้ 34.95-35.05

            - "สมคิด"เผยตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปี 59 ไม่สดใส จากปัจจัยภายในประเทศ ประเมิน ลงทุนภาครัฐ-ท่องเที่ยว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีนี้ เร่งผลักดันศูนย์กลางการบินอู่ตะเภารับอีอีซี ด้านป.ย.ป.ถกวันนี้ หาทางแก้ความโปร่งใส จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ขณะ"ทีดีอาร์ไอ"ชี้จีดีพีโต ได้ 3.3-3.7%  จับตาปัจจัยเสี่ยง"นโยบายทรัมป์- เลือกตั้งยุโรป"

            - กรมสรรพากรหนุนนโยบายเพิ่มจำนวนประชากรของรัฐบาล-ลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน เพิ่มค่าลดหย่อนบุตรตามสายเลือดโดยไม่จำกัดจำนวนหัวรวมกันไม่เกิน 30,000 บาท เพิ่มอัตราหักค่าใช้จ่ายและลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาไม่เกิน 50% ของรายได้พึงประเมินแต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท

            - พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยระหว่างเข้าชี้แจงกับผู้ชุมนุมกลุ่มเครือข่ายต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า นายกรัฐมนตรีสั่งให้กระทรวงพลังงานแจ้งไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้เริ่มต้นกระบวนการศึกษารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และรายงานผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (อีเอชไอเอ) ดังกล่าวใหม่ โดยปรับปรุงเน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วม และไม่ว่าผลการศึกษาจะออกมาอย่างไร ก็ยืนยันว่าทุกฝ่ายพร้อมจะยอมรับ

            - แหล่งข่าวจากระดับสูงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีหนังสือมายังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2560 เพื่อขอตรวจสอบการทำงานของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กรณีอนุญาตให้ 18 บริษัทผลิตไฟฟ้าพลังงานลม หรือ วินด์ฟาร์ม ภายหลังที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้ บริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม มีความผิดตามกฎหมายที่ดิน ส.ป.ก. โดยขอให้ตรวจสอบภายใน 60 วันนับตั้งแต่ สตง.ส่งหนังสือไปยังกระทรวง

*หุ้นเด่นวันนี้

            - PSH (ทรีนีตี้)แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 28.50 บาท ปัจจัยสนับสนุนจาก ระยะเวลาการก่อสร้างเร็วขึ้น ส่งผลให้การรับรู้รายได้เร็วขึ้นเช่นกัน, การปรับมาเน้นโครงการระดับบนมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงจาก Rejection rate ,มี Dividend payout ratio สูงถึง 50% และการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาลจะมาช่วยสนับสนุนรายได้ในอนาคต แม้ว่าจะยังไม่เห็นผลในระยะอันใกล้

            - BCP (แอพเพิล เวลธ์) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 40 บาท มองแนวโน้มผลงาน Q1/60 คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวเทียบทั้ง QoQ และ YoY ด้วยแรงหนุนการใช้กำลังการกลั่นอย่างเต็มที่เนื่องจากไม่มีการปิดซ่อมบำรุงเหมือนปีก่อน, แนวโน้มค่าการกลั่นยังทรงตัวสูง ภาพรวมปี 60 คาดกำไรโต 8% YoY อยู่ที่ 5,155 ล้านบาท หลักๆ จากอัตราการใช้กำลังการผลิตโรงกลั่นสูงราว 1.11 แสนบาร์เรล/วัน ขณะที่ Market GRM ยังได้ประโยชน์จาก Crude Premium (Dated Brent) ที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ยังมีแรงผลักดันจากธุรกิจค้าปลีกน้ำมันที่ปริมาณขายและค่าการตลาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับปกติ โดยที่อัตราการทำกำไรมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องจากแผนการขยายจำนวนสถานีบริการและธุรกิจ Non-Oil ผ่านร้านค้าปลีก SPAR ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้า จะเริ่มรับรู้กำไรส่วนเพิ่มจากโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ 12 MW ขณะที่โครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่นคาดว่าจะทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้อีก 10.5 MW ใน Q1/60 และอีก 20 MW ปลายปีนี้จนถึงปีหน้า ทำให้ EBITDA ธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากฐานปี 59 ราว 20%YoY

            - ROBINS (เออีซี) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 74 บาท โดยคาดว่าปีนี้กำไรปกติ 2,907 ล้านบาท เติบโต 12.8% YoY ด้วยแรงหนุนทั้งยอดขายสาขาเดิมโต 1% YoY หลังกำลังซื้อดีขึ้นจากปลดล็อกรถคันแรกและการเร่งรัดใช้จ่ายโครงการลงทุนภาครัฐคาดหนุนให้เกิดการจ้างงาน บวกกับยังรับรู้ยอดขายสาขาใหม่ที่เปิดต่อเนื่อง โดยปีนี้มีแผนเปิดสาขาใหม่ 3 แห่ง เป็นรูปแบบ Lifestyle 2 แห่ง ได้แก่ เพชรบุรี (1H60) และ กำแพงเพชร (2H60) และรูปแบบปกติ 1 แห่งที่มหาชัย(2H60) นอกจากนี้การปรับกลยุทธ์เน้นเพิ่มสินค้า Signature categories, International และ Private Brand มาร์จิ้นสูง คาดช่วยเพิ่มศักยภาพทำกำไรให้มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 25.4% จากมูลค่าพื้นฐานปี 60

ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ เหตุวิตกการเมืองสหรัฐ

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเมืองสหรัฐ ขณะเดียวกันเงินเยนที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐได้ส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา

   ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,161.33 จุด ลดลง 73.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,066.00 จุด เพิ่มขึ้น 32.26 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,795.81 จุด เพิ่มขึ้น 15.89 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,084.16 จุด เพิ่มขึ้น 3.58 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,106.81 จุด ลดลง 0.84 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,706.17 จุด ลดลง 1.51 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 22.04 จุด รับหุ้น ยูนิลีเวอร์ พุ่ง,เงินปอนด์อ่อนค่า

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ก.พ.) โดยตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นยูนิลีเวอร์ หลังจากมีรายงานว่ายูนิลีเวอร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอควบรวมกิจการกับบริษัทคร๊าฟท์ ไฮน์ซ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์ยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเช่นกัน

   ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,299.96 จุด เพิ่มขึ้น 22.04 จุด หรือ +0.30%

    ตลาดหุ้นลอนดอนได้แรงหนุนจากหุ้นยูนิลีเวอร์ที่ปิดตลาดพุ่งขึ้น 13% หลังจากยูนิลีเวอร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอควบรวมกิจการกับบริษัทคร๊าฟท์ ไฮน์ซ

   ทั้งนี้ บริษัทยูนิลีเวอร์ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า บริษัทคร๊าฟท์ ไฮน์ซ ได้เสนอที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือหุ้นของยูนิลีเวอร์ในราคาหุ้นละ 50 ดอลลาร์ ซึ่งจะรวมถึงเงินสดและหลักทรัพย์ โดยข้อเสนอดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่าราคาหุ้นยูนิลีเวอร์ขณะปิดตลาดในวันที่ 16 ก.พ.ราว 18%

   อย่างไรก็ดี ยูนิลีเวอร์ระบุว่า ข้อเสนอของคร๊าฟท์ ไฮน์ซ มีมูลค่าต่ำเกินไป และยูนิลีเวอร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ไม่ว่าจะพิจารณาทางด้านการเงิน หรือในด้านยุทธศาสตร์ และบริษัทไม่เห็นเหตุผลที่จะมีการเจรจาต่อไป

    นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ โดยนักลงทุนมองว่าการอ่อนค่าของเงินปอนด์จะช่วยกระตุ้นผลกำไรของบริษัทอังกฤษที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ ทั้งนี้ เงินปอนด์อ่อนค่าลงจากรายงานที่ว่า ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ของอังกฤษลดลง 0.3% สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น

    หุ้นโคคา-โคลา เอชบีซี พุ่งขึ้น 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรที่สูงขึ้นในปี 2559 ขณะที่หุ้นแอสทราเซเนกา ดีดตัวขึ้น 1.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลการทดสอบยา Lynparza ซึ่งใช้รักษามะเร็งเต้านม โดยผลการทดสอบออกมาเป็นบวก

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก หลังหุ้น ยูนิลีเวอร์ พุ่งแรง

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นยูนิลีเวอร์ หลังจากมีรายงานว่า ยูนิลีเวอร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอควบรวมกิจการกับบริษัทคร๊าฟท์ ไฮน์ซ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า การผลิตในภาคการก่อสร้างของยูโรโซนชะลอตัวลง

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.09% ปิดที่ 370.22 จุด

   ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,299.96 จุด เพิ่มขึ้น 22.04 จุด หรือ +0.30% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,867.58 จุด ลดลง 31.88 จุด หรือ -0.65% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,757.02 จุด ลดลง 0.22 จุด หรือ 0.00%

    หุ้นยูนิลีเวอร์พุ่งขึ้น 13% หลังจากยูนิลีเวอร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอควบรวมกิจการกับบริษัทคร๊าฟท์ ไฮน์ซ

    ทั้งนี้ บริษัทยูนิลีเวอร์ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า บริษัทคร๊าฟท์ ไฮน์ซ ได้เสนอที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือหุ้นของยูนิลีเวอร์ในราคาหุ้นละ 50 ดอลลาร์ ซึ่งจะรวมถึงเงินสดและหลักทรัพย์ โดยข้อเสนอดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่าราคาหุ้นยูนิลีเวอร์ขณะปิดตลาดในวันที่ 16 ก.พ.ราว 18%

   อย่างไรก็ดี ยูนิลีเวอร์ระบุว่า ข้อเสนอของคร๊าฟท์ ไฮน์ซ มีมูลค่าต่ำเกินไป และยูนิลีเวอร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ไม่ว่าจะพิจารณาทางด้านการเงิน หรือในด้านยุทธศาสตร์ และบริษัทไม่เห็นเหตุผลที่จะมีการเจรจาต่อไป

    หุ้นเอสเซนทรา ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติคและไฟเบอร์รายใหญ่ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 15% เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อหุ้นดังกล่าว แม้ทางบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนก่อนหักภาษีในปี 2559

     อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า การผลิตในภาคการก่อสร้างของยูโรโซนลดลง 0.2% ในเดือนธ.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างอาคารที่ลดลง 0.5%

   ทั้งนี้ ภาคการก่อสร้างร่วงลงมากที่สุดในโรมาเนีย, สโลวาเกีย และบัลกาเรีย ขณะที่ขยายตัวมากที่สุดในสวีเดน, โปแลนด์, สาธารณรัฐเชค และอังกฤษ

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 4.28 จุด รับข้อมูลศก.,ผลประกอบการสดใส

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อวันศุกร์ (17 ก.พ.) โดยดาวโจนส์ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 7 ขณะที่ดัชนี S&P500 และ NASDAQ ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก ขานรับความแข็งแกร่งของข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะถึงช่วงวันหยุดยาวในสหรัฐ โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 20 ก.พ. เนื่องในวันประธานาธิบดี

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,624.05 จุด เพิ่มขึ้น 4.28 จุด หรือ +0.02% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,838.58 จุด เพิ่มขึ้น 23.68 จุด หรือ +0.41% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,351.16 จุด เพิ่มขึ้น 3.94 จุด หรือ +0.17%

     ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.7% ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 1.5% และดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้น 1.8%

     ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดในแดนบวก ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดย Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ประจำเดือนม.ค.ปรับตัวขึ้น 0.6% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5%

     ทั้งนี้ ดัชนี LEI คำนวณจากตัวเลขเศรษฐกิจ 10 ประเภท ซึ่งรวมถึง คำสั่งซื้อใหม่ของภาคการผลิต, ราคาหุ้น และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง รวมทั้งการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นยูนิลีเวอร์ โดยหุ้นยูนิลีเวอร์ ทะยานขึ้น 14% ขณะที่หุ้นคร๊าฟท์ ไฮน์ซ พุ่งขึ้น 10.7% หลังจากยูนิลีเวอร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอควบรวมกิจการกับบริษัทคร๊าฟท์ ไฮน์ซ

    ทั้งนี้ บริษัทยูนิลีเวอร์ออกแถลงการณ์ว่า บริษัทคร๊าฟท์ ไฮน์ซ ได้เสนอที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือหุ้นของยูนิลีเวอร์ในราคาหุ้นละ 50 ดอลลาร์ ซึ่งจะรวมถึงเงินสดและหลักทรัพย์ โดยข้อเสนอดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่าราคาหุ้นยูนิลีเวอร์ขณะปิดตลาดในวันที่ 16 ก.พ.ราว 18%

     อย่างไรก็ดี ยูนิลีเวอร์ระบุว่า ข้อเสนอของคร๊าฟท์ ไฮน์ซ มีมูลค่าต่ำเกินไป และยูนิลีเวอร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ไม่ว่าจะพิจารณาทางด้านการเงิน หรือในด้านยุทธศาสตร์ และบริษัทไม่เห็นเหตุผลที่จะมีการเจรจาต่อไป

    ทางด้านคร๊าฟท์ ไฮน์ซระบุว่า ทางบริษัทจะใช้ความพยายามต่อไปเพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าคร๊าฟท์ ไฮน์ซอาจยื่นข้อเสนอใหม่ที่ให้ราคาที่สูงขึ้นแก่ยูนิลีเวอร์

    หุ้นเดียร์ แอนด์ โค ผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการก่อสร้างรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่แข็งแกร่ง และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ด้วย

    หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.1% หลังจากมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เดินทางไปยังรัฐเซาธ์ แคโรไลนา เพื่อพบปะผู้บริหารของบริษัทโบอิ้ง และหารือเกี่ยวกับการจ้างงาน

    อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะถึงช่วงวันหยุดยาวในสหรัฐ โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 20 ก.พ. เนื่องในวันประธานาธิบดี

     อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!