WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

3 6ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้นในกรอบจำกัด เล็งกลุ่ม ICT ช่วยหนุน-คาด MSCI จะปรับน้ำหนักตลาดหุ้นไทย

     นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้ในกรอบจำกัด จาก 2 ประเด็นเรื่องของกลุ่ม ICT ที่ทางบมจ.ทีโอที จะหาพันธมิตรคลื่น 2300 MHz และทาง MSCI คาดว่าจะปรับน้ำหนักตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ โดยคาดว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารที่น่าจะได้ปรับขึ้น

       พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ไม่ได้มีนัยยะแต่อย่างใด โดยให้แนวรับ 1,580-1,585 จุด ส่วนแนวต้าน 1,595-1,600 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 ก.พ.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่  20,054.34 จุด ลดลง 35.95 จุด (-0.18%),  ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,682.45 จุด เพิ่มขึ้น 8.23 จุด (+0.15%),  ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,294.67 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด (+0.07%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้  ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 65.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 2.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 48.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 12.27 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.07 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.61 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.63 จุด

      ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลไทปูซัม (Thaipusam)

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ก.พ.60)  1,589.29 จุด เพิ่มขึ้น 6.77 จุด (+0.43%)

      - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 545.27 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ก.พ.60

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 ก.พ.60) ปิดที่ 52.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้น 17 เซนต์ หรือ 0.3%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ก.พ.60) ที่ 6.59 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 35.00 แนวโน้มแกว่งแคบในกรอบ 34.95-35.05 ยังไร้ปัจจัยใหม่

     - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจ เมื่อวันที่ 8 ก.พ. โดยขอให้รัฐวิสาหกิจร่วมมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยการเร่งลงทุนและเร่งรัดการเบิกจ่าย แม้ขณะนี้เศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างชัดเจนแล้วก็ตาม แต่เศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวน และเชื่อว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวดีกว่า 3.2%

      - รมว.คลัง ย้ำตั้งกองทุนไทยแลนด์ฟันด์ยังเป็นไปตามแผน คาดกทพ. ได้ข้อสรุปตัวเลือก 2 ใน 3 โครงการที่ใช้ระดมทุนได้ วานนี้ (8 ก.พ.) เตรียมยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต.เดือน. มี.ค. พร้อมเริ่มระดมทุนภายในเดือน พ.ค.-มิ.ย.ส่วนผลตอบแทนการลงทุนเบื้องต้นอยู่ที่ 7-8% ผอ.สคร. เผย สัดส่วน กทพ. ถือหน่วยลงทุนในกองทุนฯ อยู่ระหว่างการหารือกับที่ปรึกษาทางการเงิน

       - กนง.เอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% พร้อมสั่งประเมินผลจากนโยบาย"ทรัมป์" เผื่อปรับจีดีพีรอบใหม่ของปี 60-61 นักวิชาการชี้เป็นเรื่องกดดันการค้าโลก หวั่นลุกลามเป็นสงครามการค้าโลก

        - บีโอไอออกมาตรการยกเว้นภาษี 13 ปี สำหรับนักลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือเอส-เคิร์ฟ พร้อมไฟเขียว 4 โครงการ เม็ดเงินลงทุน 2.5 หมื่นล้านบาท "สมคิด" ฟุ้งเศรษฐกิจไทยอยู่รอดเพราะรัฐวิสาหกิจ ขุนคลังช่วยสำทับ ดันลงทุนภาครัฐ-รสก.ขับเคลื่อนประเทศ

*หุ้นเด่นวันนี้

      - AOT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"แตกพาร์วันนี้ จาก 10 บาทเป็น 1 บาท ช่วยสภาพคล่องในการซื้อขายแต่ไม่กระทบพื้นฐานบริษัท โดยราคาพื้นฐาน 460 บาทกลายเป็น 46 บาท ซึ่งชอบ AOT ที่เติบโตตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่สดใส ในช่วง 2 ปีนี้ที่สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ยังไม่เสร็จ (ทยอยเปิดปี 2562) คาดกำไรยังโตได้ 8-10% ต่อปีตามการเติบโตของนักท่องเที่ยวและพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นหลังปรับปรุงอาคาร Terminal 2 เสร็จ

      - BCP (ฟินันเซีย ไซรัส) แนวโน้มกำไร 4Q59 สดใสเหมือนโรงกลั่นอื่นเพราะได้อานิสงส์จากค่าการกลั่นที่ฟื้นและกำไรจากสต็อกน้ำมัน โดยคาดกำไรสุทธิ 4Q59 +47% Q-Q และพลิกจากขาดทุนใน 4Q58 ทำให้กำไรทั้งปี 2559 +30% Y-Y แนวโน้มปี 2560 โตต่อ 14% Y-Y เป็น 1 ใน 2 โรงกลั่นที่กำไรโตได้ในปีนี้เพราะไม่มีหยุดซ่อมบำรุง BCP น่าสนใจที่ Valuation ไม่แพง PE เพียง 9 เท่าต่ำกว่าโรงกลั่นอื่นที่ 10 เท่า และมี Dividend yield 5% ต่อปีสูงกว่ากลุ่มที่อยู่ที่ 4%

        - IVL (ยูโอบี เคย์เฮียน) รายได้ 2/3 ของผลิตภัณฑ์ ค่อนข้างสอดคล้องกับเส้นใย น่าจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มอากาศเย็นกว่าปกติช่วงนี้ และจากผลทางฤดูกาล ซึ่งราคาฝ้ายช่วง 3 เดือนแรกของปีจะปรับขึ้น (4 ใน 6 ปี ที่ผ่านมา) ล่าสุดราคาฝ้ายปรับขึ้นทดสอบ 76.44 เหรียญ +2.00% เมื่อคืนนี้

       - AP (ไอร่า) เป้า 9 บาท ภายใต้ความโดดเด่นของกำไรใน 4Q/59 และต่อเนื่องไปปี 60 จากการส่งมอบ 5 โครงการแนวสูงร่วมทุน ซึ่งทยอยส่งมอบตั้งแต่ 4Q/59 คาดต่อเนื่องถึงปี 60 มูลค่ารวม 13,500 ล้านบาท คาดปี 60 บริษัทจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก JV ปีแรกที่ 700 ล้านบาท  (คิดเป็น 20% ของกำไรปี60) และโครงการคอนโดของ AP เองอีก 8 โครงการ มูลค่า 22,500 ล้านบาท มียอดขายรวมแล้ว 52%  ขณะที่ AP มี Backlog รอโอนรับรู้ที่ (Excl. JV) ประมาณ 9,676 ล้านบาท รองรับประมาณการคอนโดปี 60 แล้ว 30% คาดโครงการระดับหรูพร้อมโอน Vittorio (สุขุมวิท 39) มูลค่า 3,500 ล้านบาท ที่จะเปิดใน 1Q/60 ช่วยหนุนยอดโอนในปีนี้ จากทำเลที่ตั้งศักยภาพกลางใจเมืองติดรถไฟฟ้าและใกล้ห้างฯ

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ ขณะนักลงทุนยังวิตกการเมืองสหรัฐ

     ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในเช้าวันนี้ โดยตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวลงจากแรงเทขายหุ้นกลุ่มส่งออก ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งเมื่อคืนนี้

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,942.04 จุด ลดลง 65.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,164.69 จุด ลดลง 2.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,533.52 จุด เพิ่มขึ้น 48.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,555.52 จุด เพิ่มขึ้น 12.27 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,067.15 จุด เพิ่มขึ้น 2.07 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,067.14 จุด เพิ่มขึ้น 0.61 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,238.45 จุด เพิ่มขึ้น 3.63 จุด ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลไทปูซัม (Thaipusam)

        ทั้งนี้ นักลงทุนยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในด้านนโยบายเศรษฐกิจและการเมืองของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ

       ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดขยับขึ้น 2.60 จุด นักลงทุนจับตาสภาสามัญชนโหวตกม. Brexit

        ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่เงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูผลการลงมติในร่างกฎหมายว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในสภาสามัญชน (House of Commons) ซึ่งจัดขึ้นภายหลังจากที่ตลาดหุ้นปิดทำการ

       ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 2.60 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 7,188.82 จุด

       ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้เป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อจับตาดูการลงมติของสภาสามัญชนในร่างกฎหมาย Brexit ซึ่งจัดขึ้นในเวลาประมาณ 20.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น

       ทั้งนี้ สภาสามัญชนของอังกฤษ มีมติด้วยคะแนนเสียง 494 ต่อ 122 เห็นชอบต่อร่างกฎหมาย Brexit โดยไม่มีการแปรญัตติ โดยหลังจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปยังสภาขุนนาง (House of Lords) เพื่อให้การรับรองต่อไป ซึ่งหากร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านการลงมติจากรัฐสภาแล้ว ก็จะส่งผลให้นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อให้อังกฤษเริ่มต้นกระบวนการเจรจาเป็นเวลา 2 ปี สำหรับการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป

      หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลง โดยหุ้นริโอ ตินโต ร่วงลง 1.7% แม้บริษัทเผยว่ามีผลกำไรในปี 2559 และประกาศเงินปันผลตลอดปี อยู่ที่ 1.70 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าระดับคาดการณ์ก็ตาม

      หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วง 3.4% หลังมีรายงานว่า คนงานเหมืองของบริษัทไมนีรา เอสคอนดิดาในชิลี ซึ่งมีบริษัทบีเอชพีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เตรียมจะผละงานประท้วงในวันพฤหัสบดี

      หุ้นเกลนคอร์ ลดลง 1.8% และหุ้นแองโกล อเมริกัน ขยับลง 0.3%

       หุ้นกลุ่มพลังงานที่น่าจับตา หุ้นรอยัล ดัชท์ เชลล์ ร่วง 1.8% และหุ้นบีพี ขยับลง 0.3% แม้ว่าราคาน้ำมันจะดีดตัวขึ้นเมื่อวานนี้

        หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ หุ้นแกล็กโซสมิธไคลน์ ปิดทรงตัว หลังบริษัทเผยกำไรสุทธิหดตัวลง สืบเนื่องจากการปรับโครงสร้างต้นทุนอันเป็นผลจากข้อตกลงแลกเปลี่ยนสินทรัพย์มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่ทำกับบริษัทโนวาร์ตีส

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจยูโรโซน

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศยูโรโซน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากบริษัทรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่ ซึ่งรวมถึงบริษัท A.P. Moller-Maersk ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทน้ำมันและเดินเรือของเดนมาร์ก

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ดีดขึ้น 0.3% ปิดที่ 363.94 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,766.60 จุด เพิ่มขึ้น 12.13 จุด, +0.26% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 11,543.38 จุด ลดลง 6.06 จุด, -0.05% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,188.82 จุด เพิ่มขึ้น 2.60 จุด, +0.04%

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวก ขานรับความหวังในด้านบวกที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน โดยธนาคารกลางฝรั่งเศส คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัว 0.3% ในไตรมาสแรกของปีนี้ หลังจากที่ได้ขยายตัวขึ้นเล็กน้อยตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ผลสำรวจบ่งชี้ถึงการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นในเดือนก.พ.

      ด้านหอการค้าและอุตสาหกรรรมเยอรมนี (DIHK) ประกาศปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเยอรมนีสู่ระดับ 1.6% ในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง

        นอกจากนี้ DIHK ยังคาดการณ์ว่า การส่งออกของเยอรมนีจะเพิ่มขึ้น 3% ในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปี จากเดิมคาดการณ์ที่ 2%

     อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยหุ้น A.P. Moller-Maersk ร่วงลง 5% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 2.7 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 เมื่อเทียบกับที่ขาดทุน 2.5 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปี 2015

       ส่วนรายได้ในไตรมาส 4 อยู่ที่ระดับ 8.9 พันล้านดอลลาร์ โดยลดลงจาก 9.1 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปี 2015

      หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจแหล่งน้ำมันรายใหญ่ของอังกฤษ ดิ่งลง 5.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน และประกาศแผนการลดต้นทุนในปี 2560

        หุ้นคาล์สเบิร์ก ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ของเดนมาร์ก ร่วงลง 2.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่น้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์

       นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ด้านการเลือกตั้งในฝรั่งเศสอย่างใกล้ชิด หลังจากผลสำรวจล่าสุดระบุว่า นางมารีน เลอเปน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรค National Front (FN) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองชูนโยบายประชานิยมขวาจัด และหนุนให้ฝรั่งเศสแยกตัวจากสหภาพยุโรป จะพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก :  แรงขายหุ้นกลุ่มการเงิน ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 35.95 จุด

        ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มการเงิน หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ดีดตัวขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทไทม์ วอร์เนอร์

       ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,054.34 จุด ลดลง 35.95 จุด หรือ -0.18% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,682.45 จุด เพิ่มขึ้น 8.23 จุด หรือ +0.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,294.67 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด หรือ +0.07%

       ดัชนี ดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลงหลังจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มการเงิน โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชสแอนด์โค หุ้นโกลด์แมน แซคส์ และหุ้นวีซ่า ต่างก็ปรับตัวลงถ้วนหน้า

       ปัจจัยที่กดดันหุ้นกลุ่มการเงินนั้น มาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นผลมาจากการดีดตัวขึ้นของราคาพันธบัตร ขณะที่นักลงทุนจับตาการประมูลพันธบัตรอายุ 10 ปี วงเงิน 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันนี้ และการประมูลพันธบัตรอายุ 30 ปี วงเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้

       ทั้งนี้ ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงข้ามกัน

       นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนไม่มั่นใจว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ จะสามารถทำงานร่วมกับสภาคองเกรสได้อย่างราบรื่น แม้ว่าทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีให้ทำการทบทวนกฏหมายดอดด์-แฟรงค์ (Dodd-Frank Wall Street Reform and Consumer Protection Act) ซึ่งเป็นกฏหมายที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยใช้กู้วิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต

        อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อีกครั้ง โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้นเฟซบุ๊ก และแอปเปิล

       นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยบริษัทไทม์ วอร์เนอร์ อิงค์ เปิดเผยรายได้และกำไรในไตรมาส 4 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ เพราะได้รับปัจจัยบวกจากความสำเร็จของ Fantastic Beasts and Where to Find Them ซึ่งเป็นภาพยนต์ภาคแยกของตระกูล แฮร์รี่ พอตเตอร์

       ทั้งนี้ หุ้นไทม์ วอร์เนอร์ ปิดปรับตัวขึ้น 0.39% หลังจากบริษัทระบุว่ามีกำไร และรายได้ที่ระดับ 1.25 ดอลลาร์/หุ้น และ 7.89 พันล้านดอลลาร์ ตามลำดับในไตรมาส 4  ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ทางบริษัทมีกำไร และรายได้ที่ระดับ 1.19 ดอลลาร์/หุ้น และ 7.72 พันล้านดอลาร์

      ส่วนหุ้นวอลท์ดีสนีย์ ปิดขยับขึ้น 0.01% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

      หุ้นนอร์ดสตรอม ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ปิดพุ่งขึ้น 4.1% หลังจากที่นอร์ดสตรอมได้ประกาศยกเลิกการวางจำหน่ายเสื้อผ้าและเครื่องประดับแบรนด์ "Ivanka Trump" ซึ่งเป็นของบุตรสาวประธานาธิบดีทรัมป์ ขณะที่ข่าวดังกล่าวได้ส่งผลให้ทรัมป์ทวีตข้อความวิพากษ์วิจารณ์ห้างค้าปลีกรายนี้

   นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!