- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 07 February 2017 17:20
- Hits: 2297
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐานตามตลาดภูมิภาค เล็งกลุ่มพลังงานถ่วงหลังราคาน้ำมันร่วง
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับฐานในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวลงเกือบหมด ยกเว้นตลาดหุ้นสิงคโปร์ โดยคาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง 1.5% ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานอาจถ่วงตลาดฯได้
นอกจากนี้ นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ก็มีความไม่แน่นอน ประกอบการจะมีการเลือกตั้งในยุโรป อย่างการเลือกตั้งในฝรั่งเศส ซึ่งต่างก็วิตกว่าอาจจะมีการเสนอให้ออกจากสหภาพยุโรป (EU) มากขึ้น
ส่วนบ้านเราก็คงจะต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ดังนั้นสามารถเลือกเล่นเป็นรายตัวได้ พร้อมให้แนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,598-1,600 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 ก.พ.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,052.42 จุด ลดลง 19.04 จุด (-0.09%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,663.55 จุด ลดลง 3.22 จุด (-0.06%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,292.56 จุด ลดลง 4.86 จุด (-0.21%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 132.59 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 2.58 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 60.35 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 10.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.14 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 3.86 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 3.51 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ ลดลง 10.55 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ก.พ.60) 1,589.13 จุด เพิ่มขึ้น 6.18 จุด(+0.39%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,194.04 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ก.พ.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 ก.พ.60) ปิดที่ 53.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 82 เซนต์ หรือ 1.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ก.พ.60) ที่ 6.52 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.00/05 ทิศทางแข็งค่าต่อตามภูมิภาค คาดวันนี้มีโอกาสหลุด 35
- กบง.เคาะขึ้นราคาแอลพีจีเดือนก.พ.อีก 0.67 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายปลีกถัง 15 กิโลกรัมปรับเพิ่มอีกถังละ 10 บาท มีผลวันนี้ (7 ก.พ.) เผยเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 1 ปี หลังราคาตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังขึ้นน้อยกว่าความเป็นจริง โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันมาอุดหนุน "พาณิชย์"สั่งเบรกจานด่วนขึ้นราคา ชี้กระทบต้นทุนแค่จานละ 10 สตางค์ เล็งเปิดร้านหนูณิชย์เพิ่มอีก เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชน
- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือน ก.พ. 2560 ว่า ภาพรวมดัชนีความเชื่อมั่นผู้ลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวเพิ่มสู่ระดับร้อนแรงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน อยู่ที่ 120.59 จุด เพิ่มขึ้น 17.09% จากเดือนก่อนที่ 102.99 จุด
- รมว.คลัง เผยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างศึกษาการจัดเก็บภาษีสรรพาสามิตน้ำหวาน เพื่อทำให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้น แต่ต้องหารือผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ตั้งแต่ผู้ปลูกอ้อย โรงงานผลิตน้ำตาล รวมไปถึงผู้ผลิตเครื่องดื่มที่ใช้น้ำตาลทั้งหมด ซึ่งต้องมีการคุยให้ได้ข้อยุติและให้เกิดความสมดุล
- รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 ก.พ. กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียมเสนอขยายมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมตรวจลงตรา (วีซ่า) ผ่านช่องตรวจคนเข้าเมืองใน 21 ประเทศ เช่น จีน อินเดีย ต่อไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่ 1 มี.ค.-31 ส.ค. ต่อจากมาตรการเดิมจะครบกำหนดในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาผ่านความเห็นชอบตามลำดับ
- รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อผู้ประกอบอาชีพ (นาโนไฟแนนซ์) ว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการเปิดให้บริการแล้ว 23 ราย มีสาขารวมกว่า 1,700 สาขา ยอดปล่อยกู้รวมกว่า 2,300 ล้านบาท มีผู้ที่ได้รับสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์แล้ว 1 แสนราย ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ราว 20 ล้านบาท สัดส่วนไม่ถึง 1% ของยอดสินเชื่อรวม
*หุ้นเด่นวันนี้
- DRT (ยูโอบี เคย์เฮียน) "ซื้อ"เป้า 7.50 บาท บริษัทได้มีแผนเริ่มธุรกิจบ้านกึ่งสำเร็จรูปภายในปีนี้ โดยจากประมาณการธุรกิจบ้านกึ่งสำเร็จรูปจะเพิ่มมูลค่าพื้นฐานให้ DRT หุ้นละ 1.50 บาท ในส่วนของธุรกิจเดิมนั้น บริษัทได้มีนโยบายที่จะเพิ่มยอดขายของชนิดสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ได้แก่ ฝ้าเพดาน และ ไม้ฝาสำหรับการตกแต่ง รวมถึงนโยบายที่จะเพิ่มสัดส่วนของยอดขายในช่องทางการส่งออกจาก 17% เป็น 20% และ โมเดิร์นเทรดจาก 13% เป็น 15% ใน 3 ปีข้างหน้า นอกจากนั้นกำลังซื้อในต่างจังหวัดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นส่งผลบวกโดยตรงกับยอดขายของบริษัท
- MTLS (ฟินันเซีย ไซรัส) "เก็งกำไร" เป้า 28.80 บาท คาดกำไรสุทธิ 4Q59 ทำ new high ต่อเนื่องที่ 422 ล้านบาท +5% Q-Q, +76% Y-Y ตามฤดูกาลการปล่อยสินเชื่อ และยังรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยได้ที่ 20% แม้ต้นทุนการเงินจะเริ่มเพิ่มขึ้นบ้างแล้ว โดยคาดกำไรปี 2559 +70% Y-Y ส่วนปีนี้ +36% Y-Y แต่มีแนวโน้มปรับกำไรและราคาพื้นฐานขึ้นหลังการอุปโภคบริโภคเริ่มเร่งตัว
- ANAN (โกลเบล็ก) มองกำไร Q4 มีแนวโน้มดีที่สุดรายไตรมาสของปี 59 จากการโอนได้ตามแผนราว 7.5 พันล้านบาท +158%qoq เทียบกับรายได้ไตรมาสละ 2 พันล้านบาท เศษใน Q1-Q3/59 ส่วนยอดขาย presale ทั้งปี 59 ทำได้ดีกว่าเป้า 22,500 ล้านบาท แม้เลื่อนเปิดขาย 3 โครงการหนุน backlog แข็งแกร่ง และในปี 60 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้จากการโอนราว 2.5 หมื่นล้านบาท +66%yoy มี backlog รองรับแล้ว 71% เป้ายอดขาย presale ราว 2.9 – 3.1 หมื่นล้านบาท +35%yoy โดยมีแผนเปิดขายโครงการใหม่รวม 17 โครงการมูลค่ารวม 3.6 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการร่วมทุน 7 โครงการ
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงราว 1.5% ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,844.12 จุด ลดลง 132.59 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,154.40 จุด ลดลง 2.58 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,287.89 จุด ลดลง 60.35 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,527.42 จุด ลดลง 10.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,077.80 จุด เพิ่มขึ้น 0.14 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,053.05 จุด ลดลง 3.86 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,687.73 จุด ลดลง 3.51 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,283.85 จุด ลดลง 10.55 จุด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่กีดกันพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมไม่ให้เดินทางเข้าสหรัฐ โดยนโยบายดังกล่าวได้นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างคณะบริหารของทรัมป์และฝ่ายตุลาการ
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : แรงเทขายหุ้นบลูชิพฉุดฟุตซี่ปิดลบ 16.15 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (6 ก.พ.) จากแรงเทขายทำกำไรหลังจากดัชนี FTSE 100 ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดในรอบสองสัปดาห์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนบางส่วนจากหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอส หลังจากบริษัทผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ดังกล่าวเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 16.15 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 7,172.15 จุด
หุ้นบลูชิพปรับตัวลงจากแรงเทขายทำกำไร ซึ่งฉุดดัชนี FTSE 100 ปิดขยับลงเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอส ที่พุ่งขึ้น 4.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4 พุ่งขึ้น 76% สู่ระดับ 78.5 ล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่อื่นๆ ปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า โดยหุ้นเฟรสนิลโล ผู้ผลิตแร่มีค่า เพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นเกลนคอร์ เพิ่มขึ้น 0.4% และหุ้นอันโตฟากาสต้า เพิ่มขึ้น 0.6%
หุ้นกลุ่มอื่นๆที่น่าจับตา หุ้นเนชันแนล กริด เพิ่มขึ้น 0.6% หลังบริษัทเปิดเผยแผนการที่จะซื้อหุ้นกลับคืนจำนวนถึง 3.5 ล้านหุ้น
ส่วนหุ้นที่ปรับตัวลง ประกอบด้วย หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ลดลง 1.5% และหุ้นเทย์เลอร์ วิมปีย์ บริษัทสร้างบ้านรายใหญ่ ลดลง 1.6%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกการเมืองยุโรป,ข่าวโฟล์คสวาเกนถูกฟ้องรอบใหม่
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (6 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทโฟล์คสวาเกน ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของเยอรมนี หลังจากมีรายงานว่าโฟล์คสวาเกนถูกฟ้องร้องรอบใหม่ ในคดีโกงการตรวจจับไอเสีย นอกจากนี้ การเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมนีที่มีกำหนดในปีนี้ ได้สร้างความกังวลต่อนักลงทุนเช่นกัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.7% ปิดที่ 361.60 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,778.08 จุด ลดลง 47.34 จุด หรือ -0.98% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,509.84 จุด ลดลง 141.65 จุด, -1.22% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,172.15 จุด ลดลง 16.15 จุด, -0.22%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า บริษัท Deutsche See GmbH ซึ่งเป็นบริษัทค้าส่งปลาของเยอรมนี ได้ยื่นฟ้องบริษัทโฟล์คสวาเกนในข้อหาขายรถยนต์ดีเซลที่โกงการตรวจจับไอเสีย
ทั้งนี้ Deutsche See ระบุว่า ทางบริษัทต้องการให้โฟล์คสวาเกนจ่ายเงินคืน 11.9 ล้านยูโร (12.8 ล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมการเช่ารถยนต์ดีเซลจำนวน 500 คัน นับตั้งแต่ปี 2009 โดย Deutsche See นับเป็นลูกค้าขนาดใหญ่รายแรกของโฟล์คสวาเกนที่ยื่นฟ้องบริษัทในข้อหาดังกล่าว
Deutsche See เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นฟ้องโฟล์คสวาเกนที่ศาลเมือง Braunschweig ของเยอรมนีในข้อหาหลอกลวงลูกค้า หลังจากที่บริษัททั้งสองไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจานอกศาล
นอกจากนี้ การเลือกตั้งในเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมนีที่มีกำหนดในปีนี้ ได้สร้างความกังวลต่อนักลงทุนเช่นกัน
สำหรับ สถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศสนั้น ล่าสุดนางมารีน เลอแปง ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสจากพรรคเนชั่นแนล ฟรอนท์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัด ประกาศกร้าวว่าเธอจะนำฝรั่งเศสถอนตัวออกจากยูโรโซนหากชนะการเลือกตั้ง พร้อมกันนี้เธอยังกล่าวตำหนิกระบวนการโลกาภิวัตน์อีกด้วย
ทั้งนี้ ความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้สกัดปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมายืนยันความพร้อมในการเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ถ้าหากแนวโน้มเงินเฟ้อของยูโรโซนยังคงซบเซา
ส่วนข้อมูลอื่นๆในด้านบวกนั้น กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนี รายงานว่า ยอดคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.2% เทียบรายเดือน ทำสถิติเดือนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปี และยังเหนือกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.5%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 19.04 จุด เหตุราคาน้ำมันร่วง,วิตกนโยบาย ทรัมป์
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ก.พ.) หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงราว 1.5% ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะนโยบายห้ามพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐ
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,052.42 จุด ลดลง 19.04 จุด หรือ -0.09% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,663.55 จุด ลดลง 3.22 จุด หรือ -0.06% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,292.56 จุด ลดลง 4.86 จุด หรือ -0.21%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่กีดกันพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมไม่ให้เดินทางเข้าสหรัฐ โดยนโยบายดังกล่าวได้นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างคณะบริหารของทรัมป์และฝ่ายตุลาการ
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์สหรัฐได้ปฏิเสธคำร้องขอของรัฐบาลที่ต้องการให้ศาลยกเลิกคำสั่งให้ระงับมาตรการห้ามผู้ลี้ภัยและประชาชนจาก 7 ประเทศมุสลิมเดินทางเข้าประเทศ
ทางด้านนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์จะใช้ข้อกฎหมายในทุกๆด้าน เพื่อพลิกคำตัดสินของศาลที่ได้ระงับคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ ในการห้ามประชาชนจาก 7 ชาติมุสลิมเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งได้แก่อิรัก ซีเรีย อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน และเยเมน
ข้อพิพาทเกี่ยวกับการใช้นโยบายกีดกันพลเมืองมุสลิมได้ลุกลามออกไปเป็นวงกว้าง โดยบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เกือบ 100 แห่งทั่วสหรัฐ ซึ่งรวมถึงแอปเปิล อัลฟาเบท เฟซบุ๊ก และไมโครซอฟท์ ได้รวมตัวกันเพื่อใช้ข้อกฎหมายคัดค้านคำสั่งดังกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยระบุว่าเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า นอกจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายของทรัมป์แล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นเกือบ 200 จุดและทำสถิติปิดเหนือ 20,000 จุดอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ ภายหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 227,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 175,000 ตำแหน่ง
ดัชนี หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงราว 1.5% เมื่อคืนนี้
หุ้นทิฟฟานี แอนด์ โค ดิ่งลง 2.5% หลังจากนายเฟดเดอริค คูเมนัล ผู้บริหารของบริษัทได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ร่วงลง 2.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลการค้าเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
อินโฟเควสท์