WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET29ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวด์ ตามตปท.ขานรับเฟดคงดบ.-น้ำมันดิบฟื้น,ไร้นโยบายทรัมป์กดดัน

       นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดจะรีบาวด์ตามทิศทางตลาดต่างประเทศที่ปรับขึ้น ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.50-0.75% และมีแนวทางปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯหลาย ๆ ตัวออกมาดีกว่าคาด ทำให้ตลาดหุ้นฝั่งตะวันตกปรับขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันดิบรีบาวด์หนุนสินค้าโภคภัณฑ์ปรับขึ้น อีกทั้ง SET Index ปรับลงมา 4 วันติดต่อกัน ก็ลดความร้อนแรงของตลาดลงไปก่อนแล้ว ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ยังไม่มีนโยบายใหม่ออกมากดดันบรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้

       พร้อมให้แนวต้าน 1,590 จุด แนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,570 จุด สำหรับคำแนะนำวันนี้ ทยอยซื้อสะสม เพราะมอง SET Index มีแนวโน้มปรับขึ้นในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า น่าจะแตะ 1,600 จุดอีกครั้ง โดยให้ทยอยสะสมหุ้นที่คาดผลประกอบการจะออกมาดีและมีเงินปันผล

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ก.พ.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,890.94 จุด เพิ่มขึ้น 26.85 จุด (+0.14%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,642.65 จุด เพิ่มขึ้น 27.86 จุด (+0.50%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,279.55 จุด เพิ่มขึ้น 0.68 จุด (+0.03%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.71 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 8.93 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 0.25 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 3.54 จุด,ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 54.30 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.14 จุด

        สำหรับตลาดหุ้นจีนยังคงปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 ก.พ.60) 1,576.32 จุด ลดลง 0.99 จุด (-0.06%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,142.50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ก.พ.60

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ก.พ.60) ปิดที่ 53.88 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 2%

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ก.พ.60) ที่ 7.05 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเปิด 35.09 แข็งค่าจากวานนี้ขานรับเฟดคงดอกเบี้ย-รอความชัดเจนนโยบาย"ทรัมป์"

     - เอเชียหวังอานิสงส์ด้านการท่องเที่ยว-การศึกษา หลังสหรัฐระงับออกวีซ่า 7 ชาติมุสลิม ด้านที่ปรึกษาการค้า"ทรัมป์" กล่าวหาเยอรมนีเอาเปรียบคู่ค้า หลังยูโร อ่อนค่า ขณะคลังสมองสหรัฐอ้างขาด ดุลการค้าจีน ทำสหรัฐสูญงาน 3.4 ล้านตำแหน่งรมต.คลังฝรั่งเศสวิจารณ์รัฐบาลใหม่ สหรัฐทำระเบียบการค้าโลกเสี่ยง

       - เงินเฟ้อเดือนม.ค.เพิ่ม 1.55% สูงสุดในรอบ 28 เดือน เหตุราคาน้ำมัน-สินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น พาณิชย์ชี้สัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว ประเมิน ทั้งปีอยู่ในกรอบ 1.5-2.0% ขณะนักเศรษฐศาสตร์ระบุ สูงกว่าคาดการณ์ คาดเร่งตัว ช่วงสั้น แม้ประเมินอยู่ในช่วงขาขึ้น

      - นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ผลของคำสั่งศาลปกครองสูงสุดให้ยกเลิกโครงการกังหันลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า (วินด์ ฟาร์ม) ของบริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม ในพื้นที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จ.ชัยภูมิ จะส่งผลกระทบต่อนโยบายด้านพลังงานลมแน่นอน

                - ทัวร์จีนเดือนม.ค.ดีดตัว อานิสงส์ตรุษจีนดันยอดติดลบชะลอ "แอตต้า" เผยบริษัททัวร์เลิกเกียร์ว่าง เร่งโกยตลาดช่วงเทศกาล โดยเฉพาะสงกรานต์ รับยังห่วงเป้าหมายเพิ่มรายได้ต่อหัว ขณะการใช้รถบัสผู้ประกอบการเริ่มฟื้นตัว โรงแรมยังคงประคองตัว'เกาหลี'สนไฮสปีดเทรน ชงกก.อนุมัติหาผู้ร่วมทุนก.พ.นี้ สายกรุงเทพ-ระยอง1.52 แสนล้านบาท

                - "อาคม" เผยก.พ.ชงคณะกก.PPP อนุมัติรถไฟความเร็วสูง (กรุงเทพฯ-ระยอง) มูลค่า 1.52 แสนล้านบาท เร่งตั้งกรรมการมาตรา 35 ในมี.ค.เปิดประมูลคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ขณะที่มีเอกชนเกาหลี สนใจร่วมประมูลทั้งรถไฟความเร็วสูงและรถไฟทางคู่ เผยหารือทูตเกาหลีผ่อนปรนเพิ่มเที่ยวบิน รองรับนักท่องเที่ยว ยันเข้มออกใบรับรองสายการบินของไทย เร่งปลดธงแดง ICAO

*หุ้นเด่นวันนี้

                - VNG(ไอร่า)"ซื้อ"เป้า 18.00 บาท คาดผลการดำเนินงานในปี 60 ยังคงเติบโตดีต่อเนื่อง และมีโอกาสทำ New High ภายใต้การปรับปรุงประสิทธิภาพสายการผลิตในช่วงที่ผ่านมา คาดช่วยลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลง รวมถึงขยายกำลังการผลิตไปยัง Finished Product คาดรายได้ขาย 12,583 ล้านบาท +14% และคาดกำไรสุทธิ ประมาณ 1,884 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% หรือ 1.20 บาท/หุ้น พร้อมคาดเงินปันผล อยู่ที่ 0.49 บาท/หุ้น

                ในปี 59 คาดเติบโตได้ในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม หลังยอดส่งออก MDF และ PB ในปี 59 อยู่ที่ 2.64 ล้านลบ.ม.และ 2.27 ล้านลบ.ม.เพิ่มขึ้น 9% และ 21% ตามลำดับ และเป็นปริมาณส่งออกที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่ง VNG เป็น 1 ในผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง MDF และ PB คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 37–38% ของกำลังการผลิตรวมทั้งประเทศ และส่วนใหญ่ส่งออก สัดส่วนประมาณ 85% และ 55% ตามลำดับ คาดในปี 59 มีรายได้ 11,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.49% (ส่วนหนึ่งจากการปรับสายการผลิต PB บางส่วนไปเป็น MDF) และคาดกำไรสุทธิ 1,525 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% คาดเงินปันผล 0.40 บาท/หุ้น (คาดคงเหลือจ่าย 2H/59 ประมาณ 0.20 บาท)

                - BEM (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 10.50 บาท แนวโน้มกำไรปกติ 4Q59 ไม่น่าตื่นเต้น คาด -1.2% Q-Q จากดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการออกหุ้นกู้ 8,000 ล้านบาท ไม่สามารถชดเชยรายได้ที่โตได้ แต่ +59.7% Y-Y จากการเปิดทางด่วนศรีรัชรอบนอกตั้งแต่ ส.ค.และคาดกำไรทั้งปี 2559  +108% Y-Y ปรับราคาพื้นฐานลงเป็น 10.50 บาท จาก 12 บาทจากการปรับลดจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายลงเพราะเห็นผู้โดยสารสายสีม่วงต่ำกว่าคาดมาก และปรับลดปริมาณการจราจรทางด่วนศรีรัชรอบนอกลง

                - BEAUTY( กสิกรไทย)"ซื้อ"เป้า 12.20 บาท ยังชอบภาพการเติบโตในระยะยาวของหุ้นจากคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2560-61 ที่ 41%/31% สูงกว่าการเติบโตของกลุ่มที่ 20%/12% ตัว Product champion ที่เน้นกลุ่มสกินแคร์ซึ่งมีวงจรอายุสินค้าที่ยาวกว่ากลุ่มเครื่องสำอาง การมีช่องทางร้านค้าเป็นของตนเอง ความสามารถในการทำกำไรที่ดีที่สุดเทียบกับคู่แข่ง การมุ่งเน้นกลยุทธ์การตลาด Below-theline และภาพลักษณ์แบรนด์ที่ดีต่อนักท่องเที่ยว

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ย

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืน ขานรับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและแสดงมุมมองในด้านบวกต่อเศรษฐกิจ

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,152.79 จุด เพิ่มขึ้น 4.71 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,309.46 จุด ลดลง 8.93 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,502.25 จุด เพิ่มขึ้น 54.30 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,080.23 จุด ลดลง 0.25 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,063.95 จุด ลดลง 3.54 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,670.40 จุด ลดลง 1.14 จุด สำหรับตลาดหุ้นจีนยังคงปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน

                ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ มีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.50-0.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่เฟดต้องการรอความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

                ในการประชุมครั้งนี้ เฟดได้แสดงมุมมองในด้านบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน โดยระบุว่า ตลาดแรงงานจะยังคงมีความแข็งแกร่ง อัตราการว่างงานยังคงปรับตัวในระดับต่ำ โดยขณะนี้อยู่ที่ 4.7% ซึ่งใกล้กับระดับที่เฟดมองว่าเป็นระดับการจ้างงานเต็มศักยภาพ ขณะที่เงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นในระยะกลางใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด และเศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับปานกลาง

                นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จนกว่าจะรับรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายของปธน.ทรัมป์ รวมทั้งประเด็นที่ว่าการยกเลิกหรือการทำข้อตกลงการค้านั้น จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวหรือความเชื่อมั่นของนักลงทุนหรือไม่

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : แรงซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองหนุนฟุตซี่ปิดดีดขึ้น 8.50 จุด

        ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ซึ่งได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขการขยายตัวของภาคการผลิตในจีน ซึ่งเป็นตลาดสำคัญสำหรับประเทศผู้ผลิตแร่โลหะทั่วโลก

         ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 8.50 จุด หรือ +0.12% ปิดที่ 7,107.65 จุด

       หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตในเดือนม.ค. ขยายตัวที่ระดับ 51.3 ซึ่งแม้จะชะลอลงจากระดับของเดือนธ.ค.ที่ 51.4 แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ 51.2

      ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนยังคงอยู่ในภาวะขยายตัว โดยจีนเป็นประเทศผู้ซื้อรายใหญ่ในตลาดแร่โลหะอุตสาหกรรมและโลหะมีค่าของโลก

    หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 0.4% หุ้นริโอ ตินโต เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 1%

      อย่างไรก็ตาม หุ้นแรนด์โกล์ รีซอส ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ ร่วงลง 2.1%

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคอุตสาหกรรมในประเทศที่เป็นบวก โดยไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของอังกฤษในเดือนม.ค. อยู่ที่ระดับ 55.9 ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 โดยรายงานระบุว่า ยอดสั่งซื้อใหม่มีการขยายตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทวอลโว่ และซีเมนส์ เอสอี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของกลุ่มยูโรโซน

    ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.9% ปิดที่ 363.20 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,794.58 จุด เพิ่มขึ้น 45.68 จุด หรือ +0.96% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,659.50 จุด พุ่งขึ้น 124.19 จุด หรือ +1.08% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,107.65 จุด เพิ่มขึ้น 8.50 จุด หรือ +0.12%

     ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทวอลโว่เปิดเผยกำไรสุทธิประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2559 พุ่งขึ้น 86% แตะ 4.82 พันล้านโครนสวีเดน (551 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 2.59 พันล้านโครนสวีเดน โดยกำไรของวอลโว่สูงกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้นั้น ได้แรงหนุนจากการปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับยอดขายที่แข็งแกร่ง

      ทั้งนี้ หุ้นวอลโว่ปิดตลาดพุ่งขึ้น 4.7% นอกจากนี้ วอลโว่ ยังได้ประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็น 3.25 โครนสวีเดนต่อหุ้น จาก 3.00 โครนสวีเดนต่อหุ้น ในปี 2558

     หุ้นซีเมนส์ เอสอี ซึ่งเป็นบริษัทด้านวิศวกรรมของเยอรมนี ทะยานขึ้น 5.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรในปีงบการเงิน 2560

     หุ้นกลุ่มบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ของแอปเปิล อิงค์ ต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากแอปเปิลเปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.835 หมื่นล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดือนต.ค.-ธ.ค. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 7.730 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายไอโฟนที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 78.29 ล้านเครื่อง จาก 74.78 ล้านเครื่องในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 77.42 ล้านเครื่อง และสูงกว่ายอดขายสมาร์ทโฟนของซัมซุง อิเล็คโทรนิคส์ที่ 77.5 ล้านเครื่อง

      ทั้งนี้ หุ้นไดอะล็อก เซมิคอนดัคเตอร์ พุ่งขึ้น 4.2% หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวขึ้นกว่า 3% และหุ้นอินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ ขยับขึ้น 0.9%

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงหนุนหลังจากบริษัทไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.2 ในเดือนม.ค. จากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 54.9 โดยดัชนี PMI เดือนม.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 69 เดือน และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 55.1

     ขณะเดียวกัน มาร์กิตยังเปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของเยอรมนีอยู่ที่ระดับ 56.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 36 เดือน, ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสเปนอยู่ที่ระดับ 55.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือน, ดัชนี PMI ภาคการผลิตของฝรั่งเศสอยู่ที่ระดับ 53.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 68 เดือน และดัชนี PMI ภาคการผลิตของออสเตรียอยู่ที่ระดับ 57.3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 70 เดือน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 26.85 จุด รับผลประชุมเฟด,ผลประกอบการแอปเปิล

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) ขานรับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและแสดงมุมมองในด้านบวกต่อเศรษฐกิจ ในการประชุมซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทแอปเปิล อิงค์ และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.ของสหรัฐที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 7 เดือน

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,890.94 จุด เพิ่มขึ้น 26.85 จุด หรือ +0.14% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,642.65 จุด เพิ่มขึ้น 27.86 จุด หรือ +0.50% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,279.55 จุด เพิ่มขึ้น 0.68 จุด หรือ +0.03%

     ดัชนี ดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นสู่แดนบวก หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.50-0.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่เฟดต้องการรอความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

       ในการประชุมครั้งนี้ เฟดได้แสดงมุมมองในด้านบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน โดยระบุว่า ตลาดแรงงานจะยังคงมีความแข็งแกร่ง อัตราการว่างงานยังคงปรับตัวในระดับต่ำ โดยขณะนี้อยู่ที่ 4.7% ซึ่งใกล้กับระดับที่เฟดมองว่าเป็นระดับการจ้างงานเต็มศักยภาพ ขณะที่เงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นในระยะกลางใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด และเศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับปานกลาง

                นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จนกว่าจะรับรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายของปธน.ทรัมป์ รวมทั้งประเด็นที่ว่าการยกเลิกหรือการทำข้อตกลงการค้านั้น จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวหรือความเชื่อมั่นของนักลงทุนหรือไม่

        นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐและผลประกอบการของบริษัทแอปเปิล อิงค์ โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 246,000 ตำแหน่ง จากเดือนธ.ค.ที่ระดับ 151,000 ตำแหน่ง โดยตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.พิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 165,000 ตำแหน่ง

      ขณะที่แอปเปิล อิงค์เปิดเผยว่า บริษัทรายได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.835 หมื่นล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดือนต.ค.-ธ.ค. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 7.730 หมื่นล้านดอลลาร์

      ส่วนยอดขายไอโฟนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 78.29 ล้านเครื่อง จาก 74.78 ล้านเครื่องในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 77.42 ล้านเครื่อง และสูงกว่ายอดขายสมาร์ทโฟนของซัมซุง อิเล็คโทรนิคส์ที่ 77.5 ล้านเครื่อง

       ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของแอปเปิลช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 6.1%  หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.2% หุ้น Nvidia ทะยานขึ้น 4.4% แต่หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ขยับลง 0.1%

       หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปรับตัวลง 0.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่อ่อนแอลงในเดือนม.ค. ขณะที่หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ ร่วงลง 1.3%

       สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่เป็นปัจจัยหนุนตลาดนั้น ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ปรับตัวขึ้น 1.5% สู่ระดับ 56.0 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2014 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 55.0

      ทางด้านผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิต ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ขยายตัวสู่ระดับ 55.0 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2015 จากระดับ 54.3 ในเดือนธ.ค.

      นักลงทุนรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ด้านนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นราว 165,000 - 170,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่า 5%

      สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 4/2559

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!