- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 07 August 2014 11:49
- Hits: 2757
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าผันผวน-แกว่ง Sideway Down จากแรงขายทำกำไรช่วงสั้น
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวน ในลักษณะแกว่ง Sideway Down มากกว่า จากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น หลังจากที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ได้ออกมาแล้วว่าคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิม ซึ่งตลาดฯก็เล่นเก็งเรื่องนี้ไปกันแล้ว ขณะเดียวกันตลาดก็ขาดปัจจัยหนุนด้วย
อย่างไรก็ตาม ให้จับตาการประชุม ECB ในวันนี้ ว่าจะมีอะไรออกมาบ้าง ซึ่งมองว่าตลาดบ้านเราอยู่ในลักษณะของการปรับฐานมากกว่า แต่ก็คงจะยังมีการเล่นเก็งกำไรในหุ้นที่มีผลประกอบการงวดไตรมาส 2 ออกมาดี หรือคาดการณ์ว่าจะออกมาดี
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบเกือบทุกตลาด หลังจากที่ได้มีการเก็งการฟื้นตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว และตลาดสหรัฐฯและตลาดในยุโรปได้ปรับฐานแรงในช่วงที่ผ่านมา จากที่ผลประกอบการของภาคเอกชนออกมาน่าผิดหวัง และยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครน และตะวันออกกลาง
พร้อมให้แนวรับ 1,520-1,513 จุด ส่วนแนวต้าน 1,532 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(6 ส.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,443.34 จุด เพิ่มขึ้น 13.87 จุด(+0.08%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,920.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.03 จุด (+0.00%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,355.05 จุด เพิ่มขึ้น 2.21 จุด(+0.05%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 21.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 0.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 85.30 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 18.68 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.51 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 3.88 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.12 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(6 ส.ค.)1,522.41 จุด ลดลง 6.57 จุด(-0.43%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,057.48 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ส.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(6 ส.ค.)ที่ 96.92 ดอลลาร์/บาร์เรลลดลง 46 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(6 ส.ค.)ที่ 2.90 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.16/18 แข็งค่าจากแรงเทขายดอลล์ หลังราคาทองปรับขึ้น
- กนง.มติเอกฉันท์คงดอกเบี้ย 2% ชี้เป็นระดับผ่อนคลาย เอื้อการฟื้นตัวเศรษฐกิจและการปฏิรูปของรัฐบาล มั่นใจไม่มีผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย ยอมรับไตรมาส 2 "ส่งออก-ใช้จ่ายรัฐ" ฟื้นตัวช้ากว่าคาด ด้าน นักเศรษฐศาสตร์ ประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยอาจขยับขึ้นไตรมาส 4 ขณะแอสแคป ระบุประเทศในเอเชียเสี่ยง หลังเฟดยุติคิวอี-ขึ้นดอกเบี้ยปีหน้า
- "ไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน"ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หนี้ครัวเรือนไตรมาส 4 ปี 2556 อยู่ที่ระดับ 82.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) แต่ในไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นมาเป็น 82.7% ของจีดีพี เป็นผลทางเทคนิคที่การขยายตัวของสินเชื่อสูงกว่าการขยายตัวของจีดีพี ขณะที่ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการก่อหนี้เพิ่ม เห็นได้จากสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง
- นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า จะเสนอแนวทางการกระจายโควตาสลากที่หมดอายุ จำนวน 43 ล้านฉบับ ให้กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณาใน 1-2 สัปดาห์นี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปทันภายในงวดวันที่ 16 ก.ย. 2557 โดยเบื้องต้นจะพิจารณามาตรการแบบชั่วคราวออกมาใช้ก่อน และหลังจากนั้นจะเร่งดำเนินการออกมาตรการถาวรออกมารองรับ
- ครึ่งปีแรก'57อุตฯโฆษณาโตติดลบเกือบ 10% ผลพวงปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ คาดทั้งปีแค่เสมอตัว นายกอุตฯโฆษณาเผยทีวีดิจิตอลฟันส่วนแบ่งค่าโฆษณาแค่ 5% หรือเกือบ 5 พันล้านบาท เหตุผู้บริโภคยังเข้าไม่ถึงเล็งหาวิธีวัดกระแสตอบรับ
*หุ้นเด่นวันนี้
- RICHY(บมจ.ริชี่เพลซ 2002)เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)สังกัดหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีราคาขาย IPO ที่ 3.30 บาท/หุ้น บริษัทประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งประเภทคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์/ทาวโฮมส์ เน้นให้ความสำคัญถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย การแข่งขัน สภาวะตลาด ทำเลที่ตั้ง โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม บริษัทจะเน้นพัฒนาโครงการซึ่งมีทำเลที่ตั้งใกล้เคียงกับสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภายใต้ชื่อ "เลอริช" ซึ่งจะเป็นอาคารประเภท Low rise ซึ่งสูงไม่เกิน 8 ชั้น และ "ริชพาร์ค" ซึ่งเป็นอาคารที่สูงเกินกว่า 8 ชั้น ในขณะที่บ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์/ทาวโฮมส์ จะเน้นทำเลเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรอบนอก ซึ่งสามารถเชื่อมต่อด้วยระบบคมนาคมเข้าสู่ใจกลางเมืองได้สะดวก ภายใต้ชื่อ "เดอะ ริช" ซึ่งเป็นโครงการประเภททาวเฮ้าส์/ทาวโฮมส์และ "ริชี่ วิลล์" ซึ่งเป็นโครงการประเภทหมู่บ้านเดี่ยวจัดสรร
- PTTEP(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 194 บาท โครงการซอติก้าเดินหน้าตามแผน ลดความกังวลต่อเป้าหมายยอดขายของบริษัทในปี 57 เชื่อว่าจะเห็นยอดขาย 2H57 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 3.3 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 10%HoH ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์คาดว่าปรับเพิ่มเล็กน้อย หลังโครงการมอนทารามีกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เป็นปัจจัยหนุนกำไรสุทธิ 2H57 คาดกำไรสุทธิปี 57-58 เติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี ราคาหุ้น(PE ปี 57 ที่ 10.30 เท่า) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม E&P ในภูมิภาค(13 เท่า)
- SAMART(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 26.90 บาท คาดกำไรสุทธิ 2Q57 เติบโต 2%QoQ และ 15%YoY จากการฟื้นตัวจากบริษัทย่อย SIM และบริษัทที่เข้าไปลงทุน ขณะที่การเพิ่มสัดส่วนลงทุนใน SIM จาก 57% เป็น 74% ในเดือนส.ค.นี้จะรับรู้กำไรจาก SIM เพิ่มจากเดิม คาดผลประกอบการปี 57-58 เติบโตเฉลี่ย 20%ต่อปี โดดเด่นสุดในกลุ่มสื่อสารขนาดใหญ่ ราคาหุ้น (PE ปี 57 ที่ 13 เท่า)ถู กกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 23 เท่า ให้ผลตอบแทนปันผลปี 57 ราว 4%
- PTTGC(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปี 2015 ที่ 75 บาท หากไม่รวมการตั้งด้อยค่าของสินทรัพย์ในบริษัทย่อย กำไรปกติใน 2Q14 เพิ่ม 19% Q-Q และ 12% Y-Y ต่ำกว่าคาดเพียงเล็กน้อย ธุรกิจที่กำไรดีขึ้นคือโอเลฟินส์จากการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจโรงกลั่นดีขึ้นจากกำไรจากสต็อก แต่ค่าการกลั่นลดลง สำหรับธุรกิจอะโรเมติกส์ยังขาดทุนเพิ่มขึ้น เพราะ Spread ลดลง โดยยังคงคาดกำไรสุทธิปี 2014-15 โต 1% และ 2% ตามลำดับ และยังคงเป็น Top pick ของกลุ่มปิโตรเคมี
- CPALL(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 56 บาท ประกาศผลการดำเนินงานต่ำกว่าคาด มอง 2Q57 เป็นจุดต่ำสุด
ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับยอดขาดดุลการค้าสหรัฐลดลง
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานที่ระบุว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐปรับตัวลดลงในเดือนมิ.ย.
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) ขยับขึ้น 0.1% สู่ระดับ 146.36 จุด เมื่อเวลา 9.27 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,138.72 จุด ลดลง 21.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,216.66 จุด ลดลง 0.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,498.83 จุด ลดลง 85.30 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,162.65 จุด เพิ่มขึ้น 18.68 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,062.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.51 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,316.35 จุด ลดลง 3.88 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,870.04 จุด เพิ่มขึ้น 0.12 จุด
หุ้นเมจิ โฮลดิงส์ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ของญี่ปุ่น ทะยาน 6.8% ด้านหุ้นนิปปอน เทเลกราฟ แอนด์ เทเลโฟน คอร์ป เพิ่มขึ้น 3.1%
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐหดตัวลง 7% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 4.154 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. หลังจากที่ยอดนำเข้าลดลง 1.2% แตะ 2.3740 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดส่งออกขยับขึ้น 0.1% แตะ 1.9586 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 46.32 จุด เหตุวิตกรัสเซียบุกยูเครน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือนเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับวิกฤตในยูเครน หลังจากรัสเซียได้เสริมกำลังทหารตามแนวชายแดน
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 46.32 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 6,636.16 จุด
ตลาดได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่ารัสเซียได้ระดมกำลังทหารราว 20,000 นายในบริเวณพรมแดนด้านตะวันออกของยูเครนในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งจุดปะทุกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการบุกโจมตียูเครนเพื่อจัดการกับกลุ่มหัวรุนแรง
ทางด้านโฆษกของกระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุว่า กองกำลังทหารของรัสเซียได้เคลื่อนประชิดแนวพรมแดนดังกล่าวมากกว่าในช่วงก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ นายราโดสลอว์ ซิกอร์สกี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของโปแลนด์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว TVN24 BiS เมื่อวานนี้ว่า การที่รัสเซียเพิ่มกำลังทหารในบริเวณชายแดนยูเครนนั้น เท่ากับเป็นการยกระดับความเป็นไปได้ที่ว่า รัสเซียอาจจะบุกยูเครน
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุวิตกสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือนในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวรัสเซียเพิ่มกำลังทหารที่บริเวณชายแดนที่ติดกับยูเครน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่ายอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนีปรับตัวลงในเดือนมิ.ย. อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบในยูเครน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.9% ปิดที่ 329.21 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,207.14 จุด ลดลง 25.74 จุด หรือ -0.61% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,130.04 จุด ลดลง 59.70 จุด หรือ -0.65% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,636.16 จุด ลดลง 46.32 จุด หรือ -0.69%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากรัสเซียได้เพิ่มกำลังทหารในบริเวณชายแดนยูเครน ก่อให้เกิดความกังวลว่ารัสเซียอาจบุกเข้ายูเครน นอกจากนี้มีรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ได้ลงในกฎหมายการสั่งห้าม หรือ จำกัด การนำเข้าสินค้าทางการเกษตรจากประเทศต่างๆที่คว่ำบาตรรัสเซีย
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากกระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนีในเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง 3.2% จากเดือนพ.ค. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้น 0.8% และเป็นตัวเลขที่ร่วงลงหนักสุดในรอบเกือบ 3 ปี
ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนีลดลงในเดือนมิ.ย. เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคต่างๆรวมทั้งยูเครนที่ทำให้ภาคโรงงานชะลอคำสั่งซื้อ
หุ้นอิเลียด เอสเอ ร่วงลง 5.7% หลังจากมีข่าวว่า ที-โมบาย ยูเอส อิงค์ อาจจะปฏิเสธข้อเสนอการซื้อกิจการของอิเลียด มูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนหุ้นดอยช์ เทเลคอม ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของที-โมบายนั้น ร่วงลง 2.8%
หุ้นสวิส รี ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยต่อรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ร่วงลง 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิรายไตรมาสอยู่ที่ 802 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 898 ล้านดอลลาร์
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 13.87 จุด รับยอดขาดดุลการค้าสหรัฐลดลง
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานที่ระบุว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐปรับตัวลดลงในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายยังคงซบเซาเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,443.34 จุด เพิ่มขึ้น 13.87 จุด หรือ +0.08% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,355.05 จุด เพิ่มขึ้น 2.21 จุด หรือ +0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,920.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.03 จุด หรือ +0.00%
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากที่มีรายงานว่ารัสเซียได้เพิ่มกำลังทหารในบริเวณชายแดนยูเครน ก่อให้เกิดความกังวลว่ารัสเซียอาจบุกเข้ายูเครน ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ได้ลงในกฎหมายการสั่งห้าม หรือ จำกัด การนำเข้าสินค้าทางการเกษตรจากประเทศต่างๆที่คว่ำบาตรรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ตลาดดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาและเคลื่อนไหวในแดนบวกจนกระทั่งปิดตลาด เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง 7% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 4.154 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. หลังจากที่ยอดนำเข้าลดลง 1.2% แตะ 2.3740 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดส่งออกขยับขึ้น 0.1% แตะ 1.9586 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นสปรินท์ ร่วงลง 19% ขณะที่หุ้นที-โมบาย ดิ่งลง 8.4% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทสปรินท์ คอร์ป ได้ยุติการเสนอซื้อกิจการที-โมบาย ยูเอส อิงค์ เนื่องจากสปรินท์ประสบปัญหาในการขออนุมัติจากเจ้าหน้าที่กำกับดูแลของสหรัฐ
หุ้นไทม์ วอร์เนอร์ ร่วงลง 13% หลังจากมีรายงานว่าบริษัททเวนตี้ เซนจูรี ฟ็อกซ์ ได้ถอนตัวออกจากการเทคโอเวอร์กิจการไทม์ วอร์เนอร์ อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นฟ็อกซ์พุ่งขึ้น 3.3%
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 1.3% หลังจากธนาคารได้เพิ่มการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสเป็น 5 เซนต์ต่อหุ้น และยังได้ประกาศแผนการซื้อคืนหุ้น หลังจากที่ได้รับอนุมัติแผนการจัดการเงินทุนประจำปี 2557 จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ ส่วนในวันพรุ่งนี้สหรัฐจะเปิดเผยรายงานประสิทธิภาพการผลิต-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้นไตรมาส 2/2557 และรายงานสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนมิ.ย.
อินโฟเควสท์