WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET27ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้น รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดตปท.ขึ้นทั่วหน้า

     นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องจากวานนี้ โดยมองว่าน่าจะได้รับ Sentiment เชิงบวก จากตลาดต่างประเทศที่ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า ทั้งตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ตลาดสหรัฐฯ และตลาดในยุโรป ยกเว้นตลาดหุ้นจีนที่ติดลบเล็กน้อย

      ทั้งนี้ เป็นผลจากคลายความกังวลนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ยังไม่มีความชัดเจน และเรื่องการที่อังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ทางศาลฏีกาก็บอกว่าอังกฤษจะออกจากยูโร โซน จะต้องรออนุมัติจากรัฐสภาก่อน ทำให้กรณี Brexit ของอังกฤษอาจยังต้องใช้ระยะเวลา และการที่อังกฤษยังไม่ออกจากยูโร โซน ก็ทำให้ยังไม่มีผลกระทบต่อยุโรป

     ส่วนบ้านเราก็คงจะมีการเล่นเก็งกำไรตามผลประกอบการปี 59 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งก็เริ่มจะมีการเก็ง Real Sector กัน โดยวันนี้จะมีการประกาศผลประกอบการของบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) และในวันพรุ่งนี้ก็ประกาศผลประกอบการ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP)

พร้อมให้แนวรับ 1,566-1,573 จุด ส่วนแนวต้าน 1,583-1,590 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 ม.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,912.71 จุด พุ่งขึ้น 112.86 จุด (+0.57%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,600.96 จุด เพิ่มขึ้น 48.02 จุด (+0.86%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,280.07 จุด เพิ่มขึ้น 14.87 จุด (+0.66%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 303.24 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 4.90 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 116.54 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 9.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 16.03 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.77 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.03 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 ม.ค.60)  1,578.82 จุด เพิ่มขึ้น 8.03 จุด (+0.51%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 851.52 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ม.ค.60

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 ม.ค.60) ปิดที่ 53.18 ดอลลาร์/บาร์เรล .เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.8%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ม.ค.60) ที่ 6.55 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 35.23/26 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบเหตุตลาดนิ่งช่วงใกล้วันตรุษจีน-ไร้ปัจจัยใหม่

                - ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยปี 2559 มีมูลค่า 2.15 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.45% เทียบกับปี 2558 ซึ่งเป็นการกลับมาขยายตัวเป็นบวกในรอบ 4 ปี หลังจากที่การส่งออกติดลบต่อเนื่อง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2556 โดยเดือน ธ.ค. 2559 มียอดส่งออก 1.81 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.23%

                - ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้ขยายเวลามาตรการภาษี เพื่อส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศ ออกไปอีกเป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 2560 จากเดิมที่ได้สิ้นสุดไปเมื่อสิ้นปี 2559

                - ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.อยู่ระหว่างติดตามนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ โดยต้องดูรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน เนื่องจากแต่ละวิธีให้ผลที่แตกต่างกัน ขณะที่ความไม่แน่นอนเหล่านี้ทำให้ความผันผวนขึ้นในตลาดเงินยังคงอยู่และมีแนวโน้มสูงขึ้น ตามภาวะที่มีความไม่แน่นอนในเชิงนโยบาย การติดตามข่าวสาร และการบริหารความเสี่ยงจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากขึ้นสำหรับผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ

                - ก.ล.ต.ตีกรอบคนซื้อตั๋ว B/E เตรียมระดมความเห็นทุกฝ่ายภายใน 2 สัปดาห์ เล็งกำหนดให้ขายกับนักลงทุนเฉพาะกลุ่มที่รู้จักบริษัทดี และต้องออกตราสารหนี้ที่เป็นหุ้นกู้เท่านั้น โดยยังประเมินไม่ได้ว่าจะมีบริษัทผิดนัดชำระอีกเท่าไหร่

*หุ้นเด่นวันนี้

                - FSMART (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 22 บาท ราคาหุ้นวานนี้ปรับลงแรงเพราะกังวลข่าว TRUE มีแผนติดตั้งตู้เติมเงินที่ร้าน 7-11 ให้เติมได้เฉพาะระบบ Truemove โดยคิดว่าการจะติดตั้งให้ได้ 8,000 ตู้เท่า FSMART ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้เร็วและต้องใช้ทรัพยากรในการบริหารจัดการระบบ โดยยังคงคาดกำไร 4Q59 ของ FSMART ทำ new high ทั้งปี 2559 เพิ่มขึ้น 50% คาดปี 2560 เพิ่มขึ้น 39% การอ่อนตัวเป็นโอกาสซื้อ แนะนำซื้อต่ำกว่า 20 บาท

                - TPCH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 23 บาท น้ำท่วมภาคใต้กระทบจำกัดมากเพราะโรงไฟฟ้า 2 แห่งที่จ.นครศรีธรรมราช อยู่ห่างจากพื้นที่น้ำท่วม ส่วนโรงไฟฟ้าที่กำลังสร้างอาจ COD ล่าช้าเล็กน้อย โดยยังคงคาดกำไรปี 2560 +88% Y-Y จากโรงไฟฟ้าที่เข้ามาเพิ่ม 2 โรง จากปี 2559 ที่มี 4 โรงซึ่งคาดกำไรทั้งปี +295% Y-Y สำหรับกำไรใน 4Q59 คาด +21% Q-Q, +73% Y-Y ทำ new high ต่อเนื่องและสูงสุดในรอบ 5 ปีตั้งแต่เริ่มกิจการ

                - GIFT (เคจีไอฯ) "เก็งกำไร" ประเมินการบริโภคในประเทศที่คาดจะฟื้นตัวในปีนี้จะหนุนแนวโน้มยอดขายผลิตภัณฑ์ประเภท Consumer product (ธุรกิจหลัก GIFT คือ ตัวแทนขายผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ สำหรับนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ สบู่ แชมพู น้ำยาล้างห้องน้ำ ฯลฯ เป็นต้น) โดยคาดอัตรากำไรปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้น จากการเริ่มรุกเข้าสู่การเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ฯ ในรูปแบบ OEM จากปัจจุบันงบ 9M59 อัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 22.4% นอกจากนี้ Valuation ไม่แพงด้วย Trailing PE 14 เท่า

                -  AP (ไอร่า) เป้า 9 บาท มีความน่าสนใจสุดในกลุ่มจากผลประกอบการที่เติบโตชัดเจน คาด 4Q/59 เติบโตสุดในรอบปี และต่อเนื่องแข็งแกร่งไปในปี 60 เติบโต 27% จากแผนส่งมอบ 5 โครงการแนวสูงร่วมทุน ซึ่งทยอยส่งมอบตั้งแต่ปลายปี 59 มูลค่ารวม 13,500 ล้านบาท ทำให้คาดปี 60 เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก JV ครั้งแรก ที่ 700 ล้านบาท  (คิดเป็น 20% ของกำไรปี’60) และแผนส่งมอบโครงการคอนโดของ AP เองอีก 8 โครงการ มูลค่า 22,500 ล้านบาท ขณะที่มี Backlog รอโอนรับรู้รายได้ (Excl. JV) 9,676 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 30%ประมาณการรายได้ปี 60 นอกจากนี้ยังมีโครงการระดับหรูพร้อมโอน Vittorio (สุขุมวิท39) มูลค่า 3,500 ล้านบาท เปิดตัว Q1/60 คาดรับรู้ในปี 60 ประมาณ 1,000 ล้านบาท

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืน ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,091.23 จุด เพิ่มขึ้น 303.24 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,137.65 จุด ลดลง 4.90 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,066.40 จุด เพิ่มขึ้น 116.54 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,075.33 จุด เพิ่มขึ้น 9.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,057.98 จุด เพิ่มขึ้น 16.03 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,683.46 จุด เพิ่มขึ้น 2.77 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,383.68 จุด เพิ่มขึ้น 13.03 จุด

                ทั้งนี้ บริษัท ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.1 จากระดับของเดือนธ.ค.ที่ 54.3

                ด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ตลอดปี 2559 ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.45 ล้านยูนิต จากระดับ 5.25 ล้านยูนิตในปี 2558

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 0.84 จุด หลังหุ้นบีทีร่วงหนัก

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นบีที บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับปัจจัยหนุนหลังจากศาลฎีกาอังกฤษที่วินิจฉัยว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนที่จะขอความเห็นชอบจากรัฐสภา

                ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,150.34 จุด ลดลง 0.84 จุด หรือ -0.01%

                หุ้นบีทีทรุดฮวบลง 21% หลังจากบริษัทปรับลดแนวโน้มผลประกอบการ จากอุปสงค์ที่อ่อนแอในตลาดโลก และเพิ่มตัวเลขความเสียหายจากเหตุอื้อฉาวของบริษัทในเครือในอิตาลีที่ได้ตกแต่งตัวเลขผลประกอบการ

                บีทีเคยระบุในเดือนต.ค.ปีที่แล้วว่า ทางบริษัทกำลังสอบสวนการดำเนินธุรกิจของบริษัทบีที อิตาเลีย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือในอิตาลี ขณะที่บริษัทได้กันสำรองความเสียหายจำนวน 145 ล้านปอนด์ แต่เมื่อวานนี้ บีทีระบุว่า ทางบริษัทได้กันสำรองเพิ่มเป็น 530 ล้านปอนด์ หลังจากที่มีการทบทวนสถานการณ์อย่างละเอียด

                ผลการสอบสวนพบว่า บีที อิตาเลียได้ทำการตกแต่งตัวเลขบัญชี โดยได้แจ้งกำไรเกินจริงเป็นเวลาหลายปี

                อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวที่ว่า ศาลฎีกาของอังกฤษได้วินิจฉัยแล้วว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาได้

                หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นบาร์เคลยส์ และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ที่ต่างก็ปรับตัวขึ้น 1.9% ขณะที่หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด พุ่งขึ้น 1.8% และหุ้นเอชเอสบีซี ปรับตัวขึ้น 0.4%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับคำวินิจฉัยศาลฎีกาอังกฤษ

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับศาลฎีกาอังกฤษที่วินิจฉัยว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนที่จะขอความเห็นชอบจากรัฐสภา

                ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 361.92 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,830.03 จุด เพิ่มขึ้น 8.62 จุด หรือ +0.18% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,594.94 จุด เพิ่มขึ้น 49.19 จุด หรือ +0.43% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,150.34 จุด ลดลง 0.84 จุด หรือ -0.01%

                ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้น หลังจากศาลฎีกาของอังกฤษได้วินิจฉัยแล้วว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาได้

                ทั้งนี้ ศาลฎีกาได้วินิจฉัยให้รัฐบาลอังกฤษต้องขออนุมัติรัฐสภาก่อนที่จะประกาศใช้มาตรา 50 ด้วยคะแนน 8 เสียง ต่อ 3 เสียง ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าวทำให้รัฐสภามีโอกาสที่จะลดทอนแผนการถอนตัวจากสหภาพยุโรป

                อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดยุโรปได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากมาร์กิต อิโคโนมิคส์ เปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของเยอรมนีในเดือนม.ค. ขยับลงสู่ระดับ 54.7 จากระดับ 55.2 ในเดือนธ.ค.

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นบีที ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ้ในวงการสื่อสารโทรคมนาคมของอังกฤษ ทรุดตัวลงอย่างหนักถึง 21% หลังจากบริษัทปรับลดแนวโน้มผลประกอบการ จากอุปสงค์ที่อ่อนแอในตลาดโลก และเพิ่มตัวเลขความเสียหายจากเหตุอื้อฉาวของบริษัทในเครือในอิตาลีที่ได้ตกแต่งตัวเลขผลประกอบการ

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 112.86 จุด รับผลประกอบการ-ข้อมูลศก.สดใส

            ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านมือสองตลอดปี 2559 ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.ที่ปรับตัวสูงขึ้น

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,912.71 จุด พุ่งขึ้น 112.86 จุด หรือ +0.57% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,600.96 จุด เพิ่มขึ้น 48.02 จุด หรือ +0.86%  ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,280.07 จุด เพิ่มขึ้น 14.87 จุด หรือ +0.66%

                ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทดูปองท์เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2559 อยู่ที่ 51 เซนต์ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และช่วยหนุนหุ้นดูปองท์พุ่งขึ้น 4.5%

                บริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซของจีน เปิดเผยรายได้พุ่งขึ้น 54% สู่ระดับ 5.32 หมื่นล้านหยวน (7.76 พันล้านดอลลาร์) ในไตรมาส 3/2559 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.01 หมื่นล้านหยวน โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นอาลีบาบาพุ่งขึ้น 3.1%

                บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2559 อยู่ที่ 1.58 ดอลลาร์ สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปิดปรับตัวลง 1.9%

                ด้านบริษัทยาฮู อิงค์ เปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2559 อยู่ที่ 1.47 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 1.38 พันล้านดอลลาร์ และยังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2558 ที่ระดับ 1.27 พันล้านดอลลาร์ โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นยาฮูพุ่งขึ้น 3.5%

                หุ้นกลุ่มบริษัทรถยนต์ทะยานขึ้น หลังจากหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้จัดประชุมกับผู้บริหารของบริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ เจเนอรัล มอเตอร์, ฟอร์ด มอเตอร์ และเฟียต ไคร์สเลอร์ ออโตโมบิล เมื่อวานนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการเพิ่มการจ้างงาน, การสร้างโรงงานใหม่ในสหรัฐ และจำหน่ายรถยนต์ในสหรัฐ

                ทั้งนี้ หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ พุ่งขึ้น 1% หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ทะยานขึ้น 2.4% และหุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ พุ่งขึ้น 6%

                นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยบริษัทไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.1 จากระดับของเดือนธ.ค.ที่ 54.3

                ด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ตลอดปี 2559 ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.45 ล้านยูนิต จากระดับ 5.25 ล้านยูนิตในปี 2558

                อย่างไรก็ตาม ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค.ลดลง 2.8% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.49 ล้านยูนิต เนื่องจากสต็อกบ้านในตลาดลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2542 ส่งผลให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านมีตัวเลือกที่จำกัด

                นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2559, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนม.ค. , ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

    อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!