WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET22ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-ซึมลงเหตุต่างชาติยังขาย-บรรยากาศลงทุนทั่วโลกชะลอขาดปัจจัยชี้นำ

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในลักษณะซึมตัวลง เนื่องจากแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติยังคงมีอยู่ และบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกก็เป็นลักษณะชะลอการซื้อ อีกทั้งตลาดฯก็ขาดปัจจัยชี้นำ

        อย่างไรก็ดี เมื่อดัชนีฯซึมตัวลงมาแถว 1,500 จุด ก็มีโอกาสที่จะดีดกลับขึ้นไปได้ และตลาดฯก็ยังได้แรงหนุนจากกองทุน รวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) อยู่ เพียงแต่ปีนี้เม็ดเงินเข้ามาช้ากว่าที่คิดไว้

     ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่จะติดลบเล็กน้อยเฉลี่ยราว 0.2-0.3% พร้อมให้แนวรับ 1,500-1,495 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510-1,512 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 ธ.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,918.88 จุด ลดลง 23.08 จุด (-0.12%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,447.42 จุด ลดลง 24.01 จุด (-0.44%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,260.96 จุด ลดลง 4.22 จุด (-0.19%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.63 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 82.42 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 6.42 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.44 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 12.59 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.11 จุด

       ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาองค์สมเด็จพระจักรพรรดิ์

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ธ.ค.59) 1,504.12 จุด ลดลง 4.45 จุด (-0.29%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 894.34 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.59

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 ธ.ค.59) ปิดที่ 52.95 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.9%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ธ.ค.59) ที่ 7.22 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

        - เงินบาทเปิด 36.01 ทรงตัวเหตุไร้ปัจจัยใหม่ ตลาดตปท.หลายแห่งใกล้หยุดยาว

      - นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายกลาง-เล็กจะมีปัญหาสภาพคล่องที่ชัดเจนและเพิ่มจำนวนมากขึ้นหากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากในขณะนี้โครงการที่อยู่อาศัยขายได้ยากจากกำลังซื้อยังชะลอตัวอยู่ ส่วนที่ขายไปแล้วก็โอนได้ยาก เพราะธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น จึงทำให้บริษัทรายเล็กมีความเสี่ยงปัญหาสภาพคล่องมากยิ่งขึ้น

        - ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึง 10 ธุรกิจเด่น-ร่วงปี 60 ว่า ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงามยังคงติดอันดับหนึ่งธุรกิจเด่นต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และคาดว่าจะคงต่อไปอีก 3-5 ปี รองลงมาคือ ธุรกิจเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และธุรกิจวัสดุก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้าง

       - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงิน เรื่องเป้าหมายของนโยบายการเงินปี 60 โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.59 รมว.คลัง และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีข้อตกลงร่วมกันที่จะกำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 2.5% บวก ลบ 1.5% เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินสำหรับระยะกลาง และเป็นเป้าหมายปี 60 เนื่องจากเงินเฟ้อในระดับ ดังกล่าวเอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงิน รวมทั้งช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

      - สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้างวันที่ 31 ต.ค.59 ว่ามีจำนวน 5.9 ล้านล้านบาท ลดลง 3,200 ล้านบาท และคิดเป็น 42.71% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)

     - รฟม.พร้อมรอฟังมติสภา กทม. ฟันธงต้นเดือน ม.ค.60 โอนทรัพย์สินสายสีเขียว ลั่นเล็งจ้างบีทีเอสเดินรถสายสีเขียว หากไม่สามารถตกลงกันได้

*หุ้นเด่นวันนี้

      - AU (บมจ. อาฟเตอร์ ยู) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร โดยราคาขาย IPO 4.50 บาท/หุ้น บริษัทฯดำเนินธุรกิจร้านขนมหวาน แบรนด์ "อาฟเตอร์ ยู" 18 สาขา และร้านน้ำแข็งไส แบรนด์ "เมโกริ" 2 สาขา รวมถึงให้บริการจัดงานเลี้ยงนอกสถานที่ และรับจ้างผลิตสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทให้กับลูกค้ากลุ่มต่างๆ เช่น ผู้ประกอบการสายการบิน และร้านอาหาร เป็นต้น

     - NYT (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า Consensus 17.2 บาท ส่งออกรถยนต์จะฟื้นตัวในปี 60 จากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว โดยเฉพาะสหรัฐฯและตะวันออกกลาง โดยในอดีตช่วงปี 55-56 ที่ราคาน้ำมัน >80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไทยส่งออกรถยนต์ไปตะวันออกกลางคิดเป็น 25% แต่ใน 9 เดือนปี 59 ลดเหลือ 14% และจำนวนรถยนต์ส่งออกไปตะวันออกกลางเทียบ 9 เดือนปี 56 ลดลงราว 35% และเงินบาทอ่อนเป็นผลดีต่อการส่งออกรถยนต์ ขณะที่ Bloomberg consensus คาดกำไร NYT ปี 60 จะโต 19.5% YoY เราคาดมีโอกาสโตมากกว่าคาด เพราะการส่งออกรถยนต์มีโอกาสฟื้นแรง

    - TU (ยูโอบี เคย์เฮียน) กำไรปี 2560 เติบโต 16.6% สูงสุดในกลุ่มอาหาร ได้ปรับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน รวมถึงการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในอนาคต ความเสี่ยงในเรื่องต้นทุนที่เป็นโภคภัณฑ์ต่ำกว่าเนื้อสัตว์บก  และไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไข้หวัดนกในยุโรปและเอเชีย มีโอกาสเป็นเป้าหมาย Window dressing

   - WICE (โกลเบล็ก) เป้า 4.45 บาท คาดกำไรสุทธิปี 59 ที่ 87.4 ลบ. (+44.2% YoY) จากการควบรวม SEL เข้ามาตั้งแต่ Q3/59 และการเข้าบริหารคลังสินค้าให้ผู้ส่งออกกระจกรายใหญ่ 8,000 ตร.ม.ตั้งแต่พ.ค. 59 ส่วนปี 60 คาดกำไรสุทธิจะก้าวกระโดดเป็น 145 ลบ. (+66% YoY) ขับเคลื่อนจากการรับรู้รายได้และกำไรของ SEL เต็มปี รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจ Transportation ขยายฟีดรถหัวลาก-หางพ่วง , ขยายลานตู้คอนเทนเนอร์ 4,000 ตรม. และ Warehouse เนื้อที่ 1.3 หมื่นตรม.ที่แหลมฉบัง

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจผันผวน

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวน

     ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,134.93 จุด ลดลง 4.63 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,553.78 จุด ลดลง 82.42 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,112.33 จุด ลดลง 6.42 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,036.17 จุด เพิ่มขึ้น 0.44 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,869.45 จุด ลดลง 12.59 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,622.09 จุด ลดลง 1.11 จุด ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาองค์สมเด็จพระจักรพรรดิ์

    ทั้งนี้ สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการขั้นสุดท้ายสำหรับจีดีพีไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 3.5% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 3.2% และสูงกว่าประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.9% จากแรงหนุนของการส่งออก และการใช้จ่ายของผู้บริโภค

     อย่างไรก็ดี ข้อมูลด้านแรงงานกลับอ่อนแอลง โดยจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 21,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 275,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 256,000 ราย

     ส่วนการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนพ.ย.ของสหรัฐขยับขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนพ.ย. น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลทรงตัวในเดือนพ.ย. ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนที่รายได้ไม่มีการปรับตัวขึ้น

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : แรงซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองหนุนฟุตซี่ปิดบวก 22.26 จุด

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) จากแรงซื้อหนุนของหุ้นกลุ่มเหมืองที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งชดเชยแรงเทขายในหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของรัฐบาลอิตาลีในการเข้าโอบอุ้มธนาคาร Monte dei Paschi di Siena (BMPS) ซึ่งกำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก และยังไม่สามารถหานักลงทุนเข้าซื้อหุ้นได้

      ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 22.26 จุด หรือ 0.32% แตะที่ 7,063.68 จุด

       หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงกันถ้วนหน้า ขณะที่นักลงทุนจับตาดูว่า รัฐบาลอิตาลีจะให้ความช่วยเหลือธนาคาร BMPS หรือไม่ หลังจากผู้บริหารของธนาคาร ระบุว่า ทางธนาคารยังคงไม่สามารถหานักลงทุนที่จะเข้าซื้อหุ้นของธนาคาร ตามแผนการระดมทุนมูลค่า 5 พันล้านยูโร

      หุ้นบาร์เคลย์ส ร่วงลง 0.8% หุ้นรอยัลแบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ลดลง 0.2% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ลดลง 0.4% หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ลดลง 0.1% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลง 0.5%

      ดัชนี FTSE 100 ปิดในแดนบวกด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นเฟรสนิลโล พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอส เพิ่มขึ้น 2.5%

      หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และบริษัทข้ามชาติของอังกฤษอื่นๆ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากอานิสงส์ของการที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit)

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: วิตกภาคธนาคารอิตาลี ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวเสถียรภาพของภาคธนาคารอิตาลี หลังจากผู้บริหารของธนาคาร Banca Monte dei Paschi di Siena (BMPS) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอิตาลีระบุว่า ทางธนาคารยังคงไม่สามารถหานักลงทุนที่จะเข้าซื้อหุ้นของทางธนาคาร ตามแผนการระดมทุนมูลค่า 5 พันล้านยูโร

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.2% ปิดที่ 359.82 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,834.63 จุด เพิ่มขึ้น 0.81 จุด หรือ +0.02% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,456.10 จุด ลดลง 12.54 จุด หรือ -0.11% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,063.68 จุด เพิ่มขึ้น 22.26 จุด หรือ +0.32%

      ตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคารของอิตาลี หลังจากผู้บริหารของ BMPS ระบุว่า ทางธนาคารยังคงไม่สามารถหานักลงทุนที่จะเข้าซื้อหุ้นของทางธนาคาร ตามแผนการระดมทุน 5 พันล้านยูโร (5.2 พันล้านดอลลาร์) โดยเส้นตายในการเสนอขายหุ้นของธนาคารได้สิ้นสุดลงเมื่อวานนี้ เวลา 14.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 20.00 น.ตามเวลาไทย

     ทั้งนี้ การ BMPS ไม่สามารถหานักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเพื่อระดมทุน ทางธนาคารก็จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งตามกฎระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรป ผู้ที่ถือหุ้นกู้ของธนาคารจะต้องแบกรับผลขาดทุนของธนาคาร ก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาล

       ความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้น BMPS ดิ่งลง 7.5% ขณะที่หุ้น Unione di Banche Italiane SpA  ปรับตัวลง 0.8%

      อย่างไรก็ตาม หุ้นธนาคาร Banca Popolare di Milano ดีดตัวขึ้น 2.6% หุ้น Banco Popolare Societa Cooperativa ปรับตัวขึ้น 2.5% และหุ้น UniCredit SpA ขยับขึ้น 0.6%

       ส่วนแอคเทเลียน ฟาร์มาซูติคัลส์ ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสวิส พุ่งขึ้น 4.1% หลังจากมีรายงานว่าแอคเทเลียนเริ่มกลับมาเจรจากับบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้ยุติการเจรจาซื้อกิจการบริษัทแอคเทเลียน เนื่องจากราคาเสนอขายสูงเกินไป

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 23.08 จุด หลังสหรัฐเผยข้อมูลศก.ผันผวน

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยในขณะที่ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มีการขยายตัวได้ดีในไตรมาส 3 นั้น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์กลับพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขาย ก่อนที่จะถึงวันหยุดในเทศกาลคริสต์มาส

     ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,918.88 จุด ลดลง 23.08 จุด หรือ -0.12% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,447.42 จุด ลดลง 24.01 จุด หรือ -0.44% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,260.96 จุด ลดลง 4.22 จุด หรือ -0.19%

      ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกัน 2 วันทำการ ซึ่งปัจจัยล่าสุดมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐ โดยตัวเลขประมาณการขั้นสุดท้ายสำหรับจีดีพีไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 3.5% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 3.2% และสูงกว่าประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.9% จากแรงหนุนของการส่งออก และการใช้จ่ายของผู้บริโภค

     ขณะที่ข้อมูลด้านแรงงานกลับอ่อนแอลง โดยจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 21,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 275,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 256,000 ราย

      ส่วนการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนพ.ย.ของสหรัฐขยับขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนพ.ย. น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลทรงตัวในเดือนพ.ย. ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนที่รายได้ไม่มีการปรับตัวขึ้น

      นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขาย ก่อนที่จะถึงวันหยุดในเทศกาลคริสต์มาส โดยตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค.นี้

    หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลง โดยหุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ดิ่งลง 9.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด ขณะที่หุ้นอาลีบาบาร่วงลง 2.7% หลังจากรัฐบาลสหรัฐระบุว่า อาลีบาบาอยู่ในรายชื่อของบริษัทที่จำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์

      อย่างไรก็ตาม หุ้นเฮอร์ชี ผู้ผลิตช็อคโกแลตรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทประกาศแต่งตั้งนางมิเชล บัค เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

      นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.

        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!