- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 15 December 2016 11:32
- Hits: 4704
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้เจอแรงขายทำกำไรวิตกสัญญาณเฟดขึ้นดอกเบี้ยปีหน้ามากกว่าคาด
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะเจอแรงขายทำกำไร (profit taking) เช่นเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ที่ปรับตัวลง ยกเว้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ได้ประโยชน์จากเงินเยนอ่อนค่า เนื่องจากตลาดฯทั่วโลกวิตกเกี่ยวกับสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯเพิ่มมากกว่าคาดเป็น 3 ครั้งในปี 60 จากเดิมที่มองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ทำให้ตลาดเกิดใหม่วิตกเงินทุนไหลออกมากขึ้นได้ และจะส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) รวมถึงพลังงานย่อตัวลง
นอกจากนี้ ตลาดฯก็ได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้วด้วย ดังนั้น จึงอาจเป็นจังหวะของนักลงทุนที่จะใช้เป็นข้ออ้างในการขายทำกำไร ส่วนการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในครั้งนี้ที่ระดับ 0.25% เป็นไปตามที่คาดการณ์ และสุนทรพจน์ที่ออกมายังแสดงจุดยืนการใช้นโยบายการเงินในลักษณะผ่อนคลาย อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯคืนนี้
พร้อมให้แนวรับ 1,515-1,505 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 ธ.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,792.53 จุด ร่วงลง 118.68 จุด (-0.60%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,436.67 จุด ลดลง 27.16 จุด (-0.50%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,253.28 จุด ลดลง 18.44 จุด (-0.81%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 74.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 14.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 198.91 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 31.31 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 14.73 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 15.91 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 7.55 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 36.68 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ธ.ค.59) 1,521.25 จุด ลดลง 8.96 จุด (-0.59%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 199.21 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 ธ.ค.59) ปิดที่ 51.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.94 ดอลลาร์ หรือ 3.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ธ.ค.59) ที่ 5.82 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.69/74 แนวโน้มอ่อนค่าต่อหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด มองกรอบวันนี้ 35.60-35.80
- ร.ฟ.ท. ประกาศทีโออาร์รถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง เปิดขายซองประมูลระหว่าง 14 ธ.ค. 59-5 ม.ค. 60 เร่งโครงการระยะแรก ขณะที่ คตร.ทิ้งทวนส่งหนังสือถึง ผู้ว่าฯ สตง. ลงวันที่ 6 ธ.ค.ขอให้ตรวจสอบทีโออาร์ทางคู่ ทั้ง 5 เส้นทาง เหตุยังหมกเม็ด ล็อกสเปก ทำราคากลางสูงเกินจริง ประเทศสูญงบประมาณ ระบุช่วง ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ลดสะพานจาก 167 เหลือ 115 สะพาน แต่ราคาเท่าเดิม
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มีนโยบายให้จัดทำเป็นงบประมาณแผ่นดินปี 2561 เป็นงบขาดดุล และให้ดำเนินการตั้งงบกลางปีไว้ด้วย เพราะต้องการให้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีงบประมาณ โดยมีเป้าหมายให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) อยู่ที่ระดับ 4-5%
- กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ห้างค้าส่ง ค้าปลีกสมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ จัดงาน "รวมใจ ช่วยไทย ลดรับปีใหม่" โดยจะลดราคาสินค้าทุกชั้นทุกแผนกเพิ่มจากการส่งเสริมการขายปกติ มีจำนวนสินค้าเข้าร่วมมากกว่าปกติ และลดสูงสุดถึง 80% จะจัดใน 1.35 หมื่นสาขาทั่วประเทศ เริ่มวันที่ 15 ธ.ค. 2559-4 ม.ค. 2560 รวม 21 วัน
- แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิต เผยการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตในช่วง 2 เดือนของปีงบประมาณ 2560 (เดือน ต.ค.-พ.ย. 2559) สามารถจัดเก็บได้ 8.42 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 3,009 ล้านบาท หรือ 3.45% เนื่องจากการจัดเก็บภาษีหลายประเภทต่ำกว่าเป้า โดยภาษีรถยนต์จัดเก็บได้ 1.52 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 1,100 ล้านบาท หรือ 6.75% นอกจากนี้ภาษีสุรายังจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 1,800 ล้านบาท หรือ 16.9% โดยจัดเก็บได้ 8,800 ล้านบาท ภาษียาสูบจัดเก็บได้ 1.09 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 1,763 ล้านบาท หรือ 13.92% และภาษีเครื่องดื่มต่ำกว่าเป้า 335 ล้านบาท หรือ 11.34%
- สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ หวังมูลค่าส่งออกปี 2560 แตะ 4 แสนล้านบาท โต 5% เตรียมจัดงานแฟร์กลางปี กระตุ้นยอด
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCB (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 172 บาท สินเชื่อเติบโตที่สุดในกลุ่ม 10M59 สินเชื่อสุทธิเติบโต 4.2% แต่ NPL มีโอกาสเพิ่มขึ้น โดยคาดกำไรสุทธิปี 59 ราว 4.6 หมื่นลบ. -3% คาดกำไรปี 60 ราว 4.94 หมื่นลบ. +7% และมีอัพไซต์ใน 4Q59 – 1Q60 ในการกลับสำรองหนี้สูญจำนวน 1.1 หมื่นลบ.ลูกหนี้กลุ่ม SSI
- AAV (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 8.20 บาท ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นไม่เป็นความเสี่ยงเพราะ hedge ไว้จนถึง 4Q17 แล้วถึง 72% ที่ราคาสูงกว่าราคาเฉลี่ยปีนี้เพียง 6% แต่ความเสี่ยงคือการแข่งขันที่รุนแรงมาโดยตลอดทำให้ต้องทำโปรโมชั่นเป็นระยะ แต่เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ +99% Y-Y ปีหน้า +16% Y-Y ตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และจากความเป็นผู้นำ มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในตลาด Low cost airline และการเปิดเส้นทางบินใหม่
- JMT (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 20.60 บาท จากการพูดคุยกับผู้บริหารทำให้ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจบริหารหนี้ โดยความต้องการในการระบายหนี้เสียของสถาบันการเงินมีแนวโน้มสูงต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า บวกกับสภาพคล่องของบริษัทที่เพิ่มขึ้นภายหลังการลดสัดส่วนการลงทุนในบริษัทลูก ทำให้บริษัทไม่มีปัญหาด้านเงินทุนในการขยายพอร์ตหนี้เสียเพิ่ม สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q59 อาจเห็นกำไรเติบโตต่อเนื่อง
- NYT (เคจีไอ) เป้า Consensus 17.3 บาท ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปีหน้าฟื้นตัว และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า (เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ) เป็นบวกต่อภาคการส่งออก นอกจากนี้ คาด NYT ที่ทำธุรกิจท่าเรือ (เน้นส่งออกรถยนต์ และมีส่วนแบ่งตลาดฯ 80%) จะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของการส่งออกรถยนต์ในปีหน้า พร้อมประเมินแนวรับ 13.8 บาท แนวต้าน 14.4 บาท และถัดไป 15.0 บาท (Stop loss 13.5 บาท)
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ หลังเฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีหน้า
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,327.70 จุด เพิ่มขึ้น 74.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,125.76 จุด ลดลง 14.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,257.71 จุด ลดลง 198.91 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,337.21 จุด ลดลง 31.31 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,022.14 จุด ลดลง 14.73 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,938.15 จุด ลดลง 15.91 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,635.74 จุด ลดลง 7.55 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,891.66 จุด ลดลง 36.68 จุด
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75% พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า ครั้งละ 0.25% โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 19.38 จุด นักลงทุนระมัดระวังซื้อขายก่อนรู้ผลประชุมเฟด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดแถลงมติการประชุมหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว
ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 19.38 จุด หรือ 0.28% แตะ 6,949.19 จุด
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวผันผวนระหว่างวัน และปิดในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ลดลง 1% หุ้นบาร์เคลย์ส ร่วงลง 3.7% หุ้นลอยด แบงกิ้ง เพิ่มขึ้น 0.3% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด พุ่งขึ้น 2.2% และหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ ลดลง 0.1%
หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล คอนโซลิเดตเต็ด แอร์ไลน์ส กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริติช แอร์เวย์ ร่วงลง 2.8% หลังสหภาพลูกเรือของสายการบินจะนัดหยุดงานประท้วง
หุ้นไมโคร โฟกัส อินเตอร์เนชั่นแนล พุ่งขึ้น 4.2% หลังบริษัทตกลงเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของฮิวเลตต์ แพ็คการ์ด เอ็นเตอร์ไพรซ์
นักลงทุนจับตาธนาคารกลางของอังกฤษซึ่งมีกำหนดจะออกแถลงการณ์นโยบายการเงินในวันพฤหัสนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า แบงก์ชาติจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ นักลงทุนชะลอซื้อขายก่อนรู้ผลประชุมเฟด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะแถลงมติการประชุมหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 355.72 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,769.24 จุด ลดลง 34.63 จุด หรือ -0.72% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,244.84 จุด ลดลง 39.81 จุด หรือ -0.35% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,949.19 จุด ลดลง 19.38 จุด หรือ -0.28%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลประชุมเฟด โดยคณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุมหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว ขณะที่กระแสคาดการณ์ส่วนใหญ่ระบุว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
หุ้นแอคเทเลียน ฟาร์มาซูติคัลส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาของสวิตเซอร์แลนด์ ร่วงลง 9.2% ขณะที่หุ้นซาโนฟี เอสเอ ดิ่งลง 2.6% หลังจากวอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ซาโนฟี เอสเอ ผู้ผลิตยารายใหญ่ของฝรั่งเศส กำลังเจรจาเพื่อซื้อกิจการแอคเทเลียน ฟาร์มาซูติคัลส์ โดยคาดว่าดีลครั้งนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นคอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลน์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ร่วงลง 2.8% หลังจากสหภาพพนักงานการบินได้ลงมติที่จะผละงานประท้วง เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องค่าตอบแทน โดยการประท้วงผละงานจะมีขึ้นในวันที่ 21 ธ.ค.นี้
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 118.68 จุด หลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีหน้า
ดัชนี เฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,792.53 จุด ร่วงลง 118.68 จุด หรือ -0.60% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,436.67 จุด ลดลง 27.16 จุด หรือ -0.50% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,253.28 จุด ลดลง 18.44 จุด หรือ -0.81%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75% พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า ครั้งละ 0.25% โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ไมค์ โลเวนการ์ท นักวิเคราะห์ด้านกลยุทธ์การลงทุนจากบริษัทหลักทรัพย์อี-เทรด กล่าวว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ นับว่าสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด แต่การที่เฟดส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีหน้า ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่เหนือความคาดหมาย ทั้งนี้ แม้ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยถือเป็นการบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ แต่ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนที่ต้องพึ่งพาการกู้ยืม
ในการประชุมครั้งนี้ เฟดได้แสดงความเชื่อมั่นแต่แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ด้วยการปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 1.9% จากระดับ 1.8% และปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวในปีหน้าขึ้นสู่ระดับ 2.1% จากระดับ 2.0%
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภค ปรับตัวลงกว่า 1% ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลง 0.1%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง นำโดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ที่ดิ่งลง 2.2% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงเมื่อคืนนี้
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับตัวลง 0.8% หลังจากมีรายงานว่า จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้ยุติการเจรจาซื้อกิจการบริษัทแอคเทเลียน ฟาร์มาซูติคัลส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาของสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากราคาเสนอขายสูงเกินไป ซึ่งเปิดทางให้บริษัทซาโนฟี เอสเอ ผู้ผลิตยารายใหญ่ของฝรั่งเศส เดินหน้าเจรจาเพื่อซื้อกิจการแอคเทเลียน ฟาร์มาซูติคัลส์
หุ้น IBM ขยับขึ้น 0.1% หลังจากนางจินนี โรเมตตี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ IBM ประกาศว่าทางบริษัทจะจ้างพนักงาน 25,000 คนในสหรัฐ และจะลงทุนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สำหรับการฝึกอบรมในช่วง 4 ปีข้างหน้า
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนั้น สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจลดลง 0.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ขยับขึ้นเพียง 0.1% ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย., ดุลบัญชีเดินสะพัดประจำไตรมาส 3/2559, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.
อินโฟเควสท์