WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET33ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัวหลังเงินดอลลาร์สหรัฐฯเริ่มชะลอแข็งค่า-ราคาน้ำมันขึ้นหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน

      นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวได้ในช่วงสั้น จากที่เริ่มผ่อนคลายเรื่องเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นเร็วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้วิตกเงินทุนจะไหลออก แต่ขณะนี้เริ่มเห็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯชะลอการแข็งค่าขึ้นแล้ว ซึ่งคงจะเพื่อรอดูทิศทางต่อไปก่อน และนักลงทุนต่างชาติที่ผ่านมาก็ได้ขายออกมามากแล้วด้วย

      นอกจากนี้หุ้นบิ๊กแคป อย่างหุ้นในกลุ่มธนาคารก็ปรับตัวลงไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา และเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานก็น่าจะปรับตัวขึ้นได้จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น

พร้อมให้กรอบการแกว่งตัวไว้ที่ 1,474-1,485 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 พ.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,923.06 จุด เพิ่มขึ้น 54.37 จุด (+0.29%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,275.62 จุด เพิ่มขึ้น 57.22 จุด (+1.10%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,180.39 จุด เพิ่มขึ้น 16.19 จุด (+0.75%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 164.36 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 116.07 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 24.73 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.51 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.08 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.47 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 พ.ย.59) 1,476.46 จุด เพิ่มขึ้น 7.23 จุด(+0.49%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,671.94 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 พ.ย.59

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 พ.ย.59) ปิดที่ 45.81 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.49 ดอลลาร์ หรือ 5.8%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 พ.ย.59) ที่ 7.54 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 35.42 กลับมาอ่อนค่าหลังดอลล์แข็งจากตัวเลขศก.สหรัฐหนุน-เงินยังไหลออก

      - กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นผลจากนโยบายของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ทำให้เงินทุนไหลออกจากเอเชียกลับไปที่สหรัฐอเมริกา ซึ่ง 5 วันต่างชาติขายพันธบัตรไทยและนำเงินออกไปแล้ว 5.78 หมื่นล้านบาท ซึ่งหลายประเทศในภูมิภาคนี้เจอปัญหาเดียวกัน

     - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า เดือน ต.ค. ทั่วประเทศมีปริมาณเช็คเรียกเก็บทั้งสิ้น 5.5 ล้านใบ ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน 4 หมื่นใบ หรือ 0.72% มีมูลค่ารวม 2.9 ล้านล้านบาท ลดลง 9.2 หมื่นล้านบาท หรือ 3.11% ในจำนวนนี้มีเช็คคืนไม่มีเงิน (เช็คเด้ง) 6.21 หมื่นใบ (คิดเป็นสัดส่วน 1.1% ของเช็คเรียกเก็บรวม) มีมูลค่ารวม 8,680 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 0.3% ของเช็คเรียกเก็บรวม) ลดลงทั้งปริมาณและมูลค่า 562 ใบ หรือ 0.91% และ 160 ล้านบาท หรือ 1.81% ตามลำดับ

     - ลุ้นมติ ครม.สัปดาห์หน้า เห็นชอบเดินหน้าโครงการเน็ตหมู่บ้าน 24,700 หมู่บ้าน วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท หลังเจอเลื่อนมานานปี 'ประจิน' เผยไทยเสนอรัฐมนตรี 24 ชาติผ่านประชุมไอทียู เชื่อมโยงดิจิทัลระดับโลก เตรียมพร้อมเข้ายุคอินเตอร์เน็ต ออฟ ติงค์

     - คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติผลการเจรจาการบินระหว่างไทยและรัสเซีย เพื่อส่งเสริมให้คนรัสเซียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น โดยเป็นการอนุมัติให้รัสเซียเพิ่มเที่ยวบินเข้าไทย 2 จุดหมายปลายทาง คือ กรุงเทพฯ จากเดิมกำหนดให้บินได้ 70 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพิ่มอีก 35 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมเป็น 105 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และที่ภูเก็ต จากกำหนดเดิม 28 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพิ่มเป็น 56 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ส่วนไทยที่กำหนดให้บินไปยังกรุงมอสโกได้ 70 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพิ่มอีก 35 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวม 105 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และอีกจุดหมาย คือ เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก จากเดิมกำหนดไว้ที่ 28 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้นเป็น 56 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

      - จับตาประมูลรถไฟทางคู่ 9 หมื่นล้านบาทส่อพิรุธ หลังพบแฝงงบจัดซื้อเครื่องทุ่นแรงนับพันล้านให้เอกชนยืมใช้ เมินข้อท้วงติงจาก สตง. ด้าน ร.ฟ.ท.ยันทุกโครงการโปร่งใส ดำเนินการตามขั้นตอน ผ่านการพิจารณาจากบอร์ดและคณะกรรมการคุณธรรม

*หุ้นเด่นวันนี้

      - TTCL (ทรีนีตี้) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 24.60 บาท จากลุ้นลงนามโรงงานปุ๋ยในประเทศเติร์กเมนิสถาน และมี upside จากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งจะช่วยหนุนทั้งงานก่อสร้างมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท (ซึ่งยังไม่ได้รวมในประมาณการ) และส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าอีกปีละกว่า 900 ล้านบาท

      - BCH (เคจีไอฯ) "ซื้อ"เป้า 14.30 บาท กำไรสุทธิใน 3Q59 อยู่ที่ 243 ล้านบาท (+69% YoY, +56% QoQ) ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งมาก โดยสูงกว่าประมาณการของเคจีไอฯ และของตลาดถึง 16%  ทั้งนี้ กำไรสุทธิงวด 9M59 คิดเป็น 76% ของประมาณการทั้งปี โดยคงคาดว่า WMC จะรับบทสำคัญในการหนุนให้กำไรของ BCH ในปี 2559 ฟื้นตัวขึ้น YoY จากจำนวนผู้ป่วยที่มาใช้บริการเพิ่มขึ้น

     - PLANB (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.30 บาท ท่ามกลางกำไร 3Q59 ที่ลดลงของหุ้นหลายตัวในกลุ่มมีเดียตามทิศทางของตลาดโฆษณา แต่กำไรของ PLANB เติบโตทั้ง Q-Q และ Y-Y ในอัตรา +11% จากการขยายสื่อดิจิตอลในต่างจังหวัดและ Utilization rate เพิ่มขึ้น สำหรับกำไร 4Q59 ที่คาดลดลงถึง 60-70% Q-Q เป็นเหตุการณ์ชั่วคราว โดยยังคาดกำไรปี 2560 +46% ส่วนหนึ่งจากรายได้บริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมฟุตบอลและบริษัทพรีเมียร์ลีกฯ

    - PTTGC (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 71 บาท บริษัทเปิดตัวโครงการ Better to the MAX ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง PTTGC และ McKinsey ในการพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานทั้งด้านการผลิต การจัดหาวัตถุดิบ และพัฒนาระบบการทำงานของบริษัทให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มรายได้ โดยโครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินงานตั้งแต่กลางปี 2559 จนถึงปี 2562 บริษัทคาดหวังว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่ม EBIT ได้ปีละ 200-300 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2562 ด้านความคืบหน้าโครงการลงทุน 1) มาบตาพุดรีโทรฟิต (MTP retrofit) อยู่ระหว่างจัดหาผู้รับเหมา คาดว่าดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2563 2) โครงการ พีโอ โพรีอัล (PO Polyols) อยู่ระหว่างจัดหาเงินทุนและจัดหาผู้รับเหมา โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ในปี 2563 3) โครงการปิโตรเคมีคัลคอมเพล็กในสหรัฐ (Petrochemical complex) มีโอกาสเลื่อนการลงทุนออกไป โดยในปัจจุบันกำลังศึกษาความเป็นไปได้เพิ่มเติมหลังนายโดนัล ทรัมป์ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ หลังจากนักลงทุนซึมซับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่พลิกความคาดหมาย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเกือบ 6% รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

     ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเวลาประมาณ 9.15 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,832.51 จุด เพิ่มขึ้น 164.36 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,439.98 จุด เพิ่มขึ้น 116.07 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,955.76 จุด ลดลง 24.73 จุด

     ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,980.82 จุด เพิ่มขึ้น 13.29 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,803.63 จุด เพิ่มขึ้น 6.08 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,633.03 จุด เพิ่มขึ้น 2.47 จุด

     ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.6%

     ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) มีการขยายตัวในเดือนพ.ย. หลังจากหดตัวติดต่อกัน 3 เดือน โดยดัชนีภาคการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.5 ในเดือนพ.ย. จากระดับ -6.8 ในเดือนต.ค.

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นค้าปลีกพุ่งแรง หนุนฟุตซี่ปิดบวก 39.56 จุด

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มค้าปลีก

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 39.56 จุด หรือ 0.59% แตะที่ 6,792.74 จุด

      ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากมีรายงานว่า นายวอร์เรน บัฟเฟต์ นักลงทุนชื่อดังของสหรัฐ ได้เข้าซื้อหุ้นของสายการบินหลายแห่งในสหรัฐในไตรมาสที่ 3

     ข้อมูลดังกล่าวเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในอนาคตของหุ้นกลุ่มสายการบินที่ตลาดหุ้นลอนดอน โดยได้หนุนราคาหุ้นอีซีเจ็ท ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของอังกฤษพุ่งขึ้น 5.3% ถึงแม้ว่าบริษัทจะเปิดเผยว่ามีกำไรสุทธิลดลงในปีนี้

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก โดยหุ้นเทสโก้ เพิ่มขึ้น 5.4% หลังจากมีรายงานว่า เทสโก้มียอดขายเพิ่มขึ้น 2.2% ในช่วง 12 สัปดาห์จนถึงวันที่ 6 พ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 3 ปี

    หุ้นมอร์ริสัน ซูเปอร์มาเก็ตส์ เพิ่มขึ้น 4.4% ในขณะที่หุ้นเจ.เซนบิวรี เพิ่มขึ้น 2.2%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก หลังราคาน้ำมันพุ่งหนุนหุ้นพลังงาน

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) หลังจากราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเกือบ 6% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW ซึ่งระบุว่า ดัชนีคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจเยอรมนีพุ่งขึ้นในเดือนพ.ย.

     ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 339.16 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,536.53 จุด เพิ่มขึ้น 27.98 จุด หรือ +0.62% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันที่ 10,735.14 จุด เพิ่มขึ้น 41.45 จุด หรือ +0.39% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,792.74 จุด เพิ่มขึ้น 39.56 จุด หรือ +0.59%

    หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นกัลป์ เอนเนอร์เจีย ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของโปรตุเกส พุ่งขึ้น 4.6% หุ้นเนสเต คอร์ป พุ่งขึ้น 3.9% และหุ้นซับซี ซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรรมด้านพลังงานนอกชายฝั่งของนอร์เวย์ พุ่งขึ้น 5.5%

    ปัจจัยที่ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นตัวขึ้นนั้น มาจากราคาน้ำมัน WTI ที่พุ่งขึ้นเกือบ 6% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากมุมมองที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะสามารถบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตในการประชุมปลายเดือนนี้

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของ ZEW ที่ระบุว่า ดัชนีคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจของเยอรมนีอยู่ที่ระดับ 13.8 จุดในเดือนพ.ย. จากระดับ 6.2 จุดในเดือนต.ค. ขณะเดียวกัน ดัชนีภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 58.8 ในเดือนพ.ย. ลดลงจากระดับ 59.5 ในเดือนต.ค.

    นักวิเคราะห์ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนและสหรัฐที่สดใส

     อย่างไรก็ตาม หุ้นเมอร์ค เคจีเอเอ ผู้ผลิตเภสัชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี ร่วงลง 2% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยกำไรพุ่งขึ้นเกือบ 26% แตะที่ 457 ล้านยูโร (491.4 ล้านดอลลาร์) ในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. เมื่อเทียบกับ 364 ล้านยูโร ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 54.37 จุด รับราคาน้ำมันพุ่ง,ข้อมูลศก.สดใส

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) โดยดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 7 วันทำการ เพราะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเกือบ 6% รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,923.06 จุด เพิ่มขึ้น 54.37 จุด หรือ +0.29% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,275.62 จุด เพิ่มขึ้น 57.22 จุด หรือ +1.10% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,180.39 จุด เพิ่มขึ้น 16.19 จุด หรือ +0.75%

     ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ และวัสดุก่อสร้างสำหรับการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากพายุเฮอร์ริเคนแมทธิว

     ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) มีการขยายตัวในเดือนพ.ย. หลังจากหดตัวติดต่อกัน 3 เดือน โดยดัชนีภาคการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.5 ในเดือนพ.ย. จากระดับ -6.8 ในเดือนต.ค.

    ทั้งนี้ ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 0 บ่งชี้ภาวะหดตัว ขณะที่เหนือระดับ 0 บ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากเฟดสาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ GDP Now แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 3.3% ในไตรมาส 4 หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเมื่อวานนี้

     ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเกือบ 6% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นเชฟรอน ปรับขึ้นกว่า 2% และหุ้นอาปาเช่ ปรับขึ้น 7.6%

   หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฟื้นตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเช่นกัน โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2% หุ้นเอ็นวีเดีย พุ่งขึ้น 3% และหุ้นเวอไรซอน คอมมิวนิเคชั่นส์ ปรับตัวขึ้นกว่า 2%

    หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เข้าซื้อหุ้นหลายตัวในกลุ่มสายการบิน โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส พุ่งขึ้น 3.1% หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล พุ่งขึ้น 5% ส่วนหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ และหุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 2%

    หุ้นโฮมดีโปท์ ร่วงลง 2% แม้บริษัทเปิดเผยกำไร 1.97 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.60 ดอลลาร์/หุ้น ในช่วงเดือนส.ค.-ต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ที่ระดับ 1.58 ดอลลาร์/หุ้น

     นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนต.ค. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ย. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)

  อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!