WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET19 copyภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวด์ เม็ดเงิน RMF-LTF รอเข้า,MSCI เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นใหญ่หนุน Sentiment

    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เริ่มให้น้ำหนักโอกาสรีบาวด์ เพราะราคาหุ้นปรับลงมา 2 วันแล้ว แต่ถึงวันนี้หากจะลงอีกก็จะอ่อนตัวไม่มากเพราะหากราคาหุ้นปรับลดลงลึกก็เริ่มจูงใจให้เม็ดเงินกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ไหลเข้า

     ประกอบกับช่วงนี้เริ่มการออกกองทุน RMF-LTF กองใหม่ซึ่งเปิด 7 กองแล้ว คาดว่าเม็ดเงินกองใหม่น่าจะเริ่มไหลเข้าสัปดาห์หน้า อีกปัจจัยคือ MSCI ทบทวนหุ้นไทย เพิ่มน้ำหนักลงทุน 2 หุ้นใหญ่เข้าคำนวณ อย่างบมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) และบมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) โดยที่ไม่มีการถอดหุ้นออกเลย แรงซื้อก็น่าจะมีเข้ามาส่วนหนึ่งหนุน Sentiment เชิงบวก

     อย่างไรก็ตาม ภาพรวมหากดัชนีรีบาวด์แล้วก็มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อหลังดอลลาร์มีทิศทางแข็งค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของสหรัฐยังปรับสูงขึ้น

     พร้อมให้แนวรับ 1,465 และ 1,460 จุด แนวต้านให้ไว้ 2 ระดับ แนวต้านแรก 1,475 ถัดไป 1,480-1,483 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 พ.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,868.69 จุด เพิ่มขึ้น 21.03 จุด (+0.11%),  ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,218.40 จุด ลดลง 18.71 จุด (-0.36%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,164.20 จุด ลดลง0.25 จุด (-0.01%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 17.60 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.41 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 48.68 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 12.48 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 8.54 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.72 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 11.63 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 พ.ย.59) 1,469.23 จุด ลดลง 25.30 จุด (-1.69%)

        - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,576.47 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 พ.ย.59

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 พ.ย.59) ปิดที่ 43.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.2%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 พ.ย.59) ที่ 7.73 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเปิด 35.38/40 แข็งค่าจากวานนี้เล็กน้อย แต่แนวโน้มยังอ่อนค่า มองกรอบวันนี้ 35.30-35.50

     - ชงครม.วันนี้ ขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 5-10 บาท ทั่วประเทศ มีผล 1 ม.ค.2560 แรงงานแจงหอการค้าไทย-ต่างประเทศ ด้านเอกชนพอใจ ปรับขึ้นตามเศรษฐกิจพื้นที่ ระบุต้นทุนเพิ่ม 2% บริหารจัดการได้ ขณะ"สมคิด" สั่งเร่งวางยุทธศาสตร์ กำลังคน-พัฒนาทักษะแรงงาน

        - การรถไฟฯ เตรียมเคาะใช้ประโยชน์ ที่ดินเปล่า 3 หมื่นไร่ มูลค่า 3 แสนล้านบาทภายในเดือนหน้า เริ่มพื้นที่ในเมือง หวัง เร่งเดินหน้าตามแผนปฏิรูปเพิ่มรายได้ คาดเพิ่มรายได้ 50% ภายใน 5 ปี จากนั้นเพิ่มก้าวกระโดด 100%

      - กสทช.ลงนามเอ็มโอยู ภูฎาน - ญี่ปุ่น ยกระดับ ไซเบอร์ซิเคียวริตี้ -บริหารคลื่น ภายในงาน ไอทียู เทเลคอม เวิลด์ ที่เป็นเจ้าภาพจัดร่วมกระทรวงดีอี  ขณะ "ประจิน" มั่นใจ พ.ร.บ.การพัฒนา ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตั้งกระทรวง ดีอี ผ่าน สนช.อย่างช้าไม่เกินต้นปีหน้า

     - ดัชนีหุ้นไทยดิ่ง 25 จุดเมื่อวานนี้ โบรกฯคาดต่างชาติแห่ขาย หลังนโยบาย "ทรัมป์" เริ่มชัดเจน ส่งผลให้เงินไหลออกประเทศกำลังพัฒนาไปสู่ประเทศพัฒนาแล้ว สมาคมนักวิเคราะห์ชี้กระทบ ระยะสั้นและรอการฟื้นตัวระยะยาว ทยอยลงทุนได้ ด้านบล.กสิกรไทย เตือนต่างชาติจ่อทิ้งหุ้นเพิ่มอีก 3.5 หมื่นล้านบาท หลังเข้าซื้อทะลุ 1.3 แสนล้านบาท

       - คลังเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องเดินหน้ามาตรการ แก้หนี้นอกระบบอย่างเป็นรูปธรรม ขอความร่วมมือตำรวจคุมเข้ม ส่งสัญญาณบังคับใช้กฎหมายเข้ม ตรวจจับจริง หวังเปลี่ยนเจ้าหนี้เป็นพิโกไฟแนนซ์ คาดเริ่มเปิดลงทะเบียนผ่านออมสิน-ธกส.ได้เร็วๆ นี้

*หุ้นเด่นวันนี้

       - CK (ไอร่า) "ซื้อ" เป้า 37.50 บาท แม้คาดผลการดำเนินงานจะผ่านจุดที่ดีสุดของปีนี้ไปแล้ว แต่คาดยังมีประเด็นความน่าสนใจจาก ระดับ Backlog ที่แข็งแกร่ง ทั้งจากงานใหม่ที่รับเข้ามาในช่วง 8M/59 มูลค่ารวม 24,145 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างรอลงนามอีก 1 โครงการ มูลค่าอีกประมาณ 25,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้งานเพิ่มในปี 59 สูงถึง 49,000 ล้านบาท และคาดทำให้ระดับ Backlog สิ้นปี 59 ไม่ต่ำกว่า 90,000 ล้านบาท ยังมีแผนเข้าร่วมประมูลงานที่คาดทยอยออกมาต่อเนื่องถึง 1H/60 มูลค่ารวม ประมาณ 370,000 ล้านบาท โดย CK คาดได้เพิ่ม 20-25% หรือไม่ต่ำกว่า 75,000 ล้านบาท ทำให้คาด Backlog ยังมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง ล่าสุดเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม

   –มีนบุรี) ทั้งหมด 6 สัญญา มูลค่ารวม 76,240 ล้านบาท โดย JV กับ STEC ทั้ง 6 สัญญา คาดประกาศ PQ ในวันที่ 1/12/59 และเปิดซองราคาในวันที่ 6/1/60 รวมถึงผลประกอบการที่ดีขึ้นตามลำดับของบริษัทที่เข้าลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทาน คาดส่งผลดีต่อ CK ในระยะยาวทั้งในรูปเงินปันผล และ/หรือ โอกาสในการรับงานก่อสร้าง

      - SPALI (เคทีบีฯ)"ซื้อ"เป้า 27 บาท กำไรสุทธิ 3Q59 แย่กว่าคาด อยู่ที่ 848 ล้านบาท ลดลง 41% QoQ และ 17% YoY ยอด Presales งวด 9M59 คิดเป็น 71% ของเป้าหมายทั้งปี คาดว่ายังมีโอกาสที่ยอด Presales ทำได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่ SPALI ตั้งไว้ที่ 24,500 ล้านบาท แนวโน้ม 4Q59 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น QoQ จากยอด Backlog รอโอนที่สูง ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2016 ลงเล็กน้อย

                - SAPPE (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 39 บาท กำไรอ่อนแอตามคาด -38% Q-Q, +74% Y-Y แนวโน้มกำไร 4Q59 น่าจะอ่อนตัวลงเพราะเป็นช่วง Low season แต่คาดกลับมาสดใสในปีหน้าจากการส่งออกไปจีนที่กลับมาเท่ากับที่เคยทำได้ในระดับสูงสุดในปี 2557

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ ขณะนักวิเคราะห์คาดนโยบายทรัมป์ช่วยหนุนเศรษฐกิจ

      ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ โดยตลาดบางแห่งได้รับแรงหนุนจากการปิดบวกของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นบางแห่งอ่อนแรงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเมื่อคืนนี้

        ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,690.22 จุด เพิ่มขึ้น 17.60 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,209.96 จุด ลดลง 0.41 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,270.90 จุด เพิ่มขึ้น 48.68 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,927.92 จุด ลดลง 12.48 จุด

      ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,977.33 จุด เพิ่มขึ้น 2.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,778.73 จุด ลดลง 8.54 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,617.36 จุด เพิ่มขึ้น 0.72 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,883.11 จุด เพิ่มขึ้น 11.63 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ปอนด์อ่อนหนุนฟุตซี่ปิดบวก 22.75 จุด

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินสกุลปอนด์

      ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 22.75 จุด หรือ 0.34% แตะที่ 6,753.18 จุด

      ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินปอนด์ และการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงิน โดยหุ้นบาร์เคลย์สพุ่งขึ้น 5.2% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ เพิ่มขึ้น 4.4% และหุ้นลอยด์สเพิ่มขึ้น 1.8%

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ จากการคาดการณ์ที่ว่า อุปสงค์ในโลหะอุตสาหกรรมจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนายทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ วางแผนที่จะปรับปรุงถนน สนามบิน และโครงสารสาธารณูปโภคอื่นๆให้ดีขึ้น รวมทั้งรายงานของจีนที่ระบุว่า การลงทุนในทรัพย์สินถาวรของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.3% ในระหว่างเดือนม.ค.-ต.ค. ข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้หุ้นเกลนคอร์ปรับตัวขึ้น 1.2% ในขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 1.8%

      อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันจะสามารถบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 30 พ.ย.ได้หรือไม่ โดยหุ้นรอยัล ด้ทช์ เชลล์ ลดลง 1% และหุ้นบีพีลดลง 0.4%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงินอย่างคึกคัก เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มการเงินในตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ขานรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.2% ปิดที่ 338.23 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,508.55 จุด เพิ่มขึ้น 19.28 จุด หรือ +0.43% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,693.69 จุด เพิ่มขึ้น 25.74 จุด หรือ +0.24% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,753.18 จุด เพิ่มขึ้น 22.75 จุด หรือ +0.34%

       หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น โดยหุ้นธนาคารโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) พุ่งขึ้น 1.7% หลังจากมีรายงานว่าซอคเจนอาจควบรวมกิจการกับธนาคารยูนิเครดิตของอิตาลี

      หุ้นซีเมนส์ ปรับตัวขึ้น 0.8% หลังจากบริษัทซีเมนส์ เอจี บริษัทด้านวิศวกรรมยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี ตกลงซื้อกิจการเมนเทอร์ กราฟฟิกส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์ของสหรัฐ มูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์

     อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นเนสเต้ คอร์ป ร่วงลง 3.3% หุ้น Eni SpA ดิ่งลง 2.3% หุ้นไซเพม ร่วงลง 3.6%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : แรงซื้อหุ้นการเงิน หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 21.03 จุด

       ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของหุ้นกลุ่มการเงิน ซึ่งเป็นผลมาจากความคาดหวังเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ และ S&P500 ปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก

      ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,868.69 จุด เพิ่มขึ้น 21.03 จุด หรือ +0.11% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,218.40 จุด ลดลง 18.71 จุด หรือ -0.36% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,164.20 จุด ลดลง 0.25 จุด หรือ -0.01%

     หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นและช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวก โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 5.6% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 3.7%

     ปัจจัยที่ทำให้หุ้นกลุ่มการเงินยังคงได้รับแรงซื้ออย่างคึกคักนั้น มาจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า นายทรัมป์จะทำการผ่อนคลายกฎระเบียบของภาคธนาคาร, ปรับลดภาษีของภาคธุรกิจ และกระตุ้นการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค ตามที่ได้ให้คำมั่นในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

     รายงานล่าสุดระบุว่า นายทรัมป์ประกาศแต่งตั้งนายเรนซ์ พรีบัส ประธานคณะกรรมการแห่งชาติพรรครีพับลิกัน (RNC) ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว และแต่งตั้งนายสตีเฟน แบนนอน ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์หาเสียง ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และที่ปรึกษาอาวุโส

    อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีส่งผลให้ดัชนี NASDAQ และ S&P500 ปิดตลาดในแดนลบ โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.5% หุ้นเฟซบุ๊ก ดิ่งลง 3.3% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.5% และหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลง 2.4%

     หุ้นฮาร์แมน อินเตอร์เนชันแนล อินดัสทรีส์ ผู้ผลิตเครื่องเสียงรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 25% หลังจากบริษัทซังซุงของเกาหลีใต้ประกาศแผนเข้าซื้อกิจการของฮาร์แมน อินเตอร์เนชันเนล มูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์

      หุ้นเมนเทอร์ กราฟฟิกส์ ผู้ผลิตซอฟท์แวร์ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 18.3% หลังจากบริษัทซีเมนส์ เอจี บริษัทด้านวิศวกรรมยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี ตกลงซื้อกิจการเมนเทอร์ กราฟฟิกส์ มูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์

      นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าเดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) เดือนพ.ย. โดยเฟดสาขานิวยอร์ก, ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.

   อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!