WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET58ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์เล็กน้อยหลังราคาน้ำมันฟิวเจอร์สเริ่มฟื้นประคองกลุ่มพลังงาน

     นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าคงจะรีบาวด์ขึ้นมาได้บ้าง เนื่องจากราคาน้ำมันฟิวเจอร์สเริ่มฟื้นตัวน่าจะช่วยประคองหุ้นในกลุ่มพลังงาน และก็คงจะมีการเข้ามาเล่นเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัว จากผลประกอบการไตรมาส 3/59 ของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมา

     สำหรับ การเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐฯวันที่ 8 พ.ย.นี้ ตลาดฯได้มีการปรับฐานสะท้อนไปบ้างแล้ว หากนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตชนะก็คงทำให้ตลาดฯรีบาวด์ได้ แต่หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันชนะตลาดฯอาจปรับลงเล็กน้อย ด้านการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ก็ออกมาตามคาด

     ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าจะมีขึ้นในเดือน ธ.ค. ซึ่งนักลงทุนคงจะมีการปรับฐาน และแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์คงแข็งค่าในระยะถัดไป ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ

พร้อมให้แนวรับ 1,483 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (3 พ.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,930.67 จุด ลดลง 28.97 จุด (-0.16%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,058.41 จุด ลดลง 47.16 จุด (-0.92%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,088.66 จุด ลดลง 9.28 จุด (-0.44%)

   - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 170.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.59 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 71.97 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 2.16 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.07 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 4.45 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.74 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 13.49 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 พ.ย.59) 1,493.08 จุด ลดลง 5.57 จุด (-0.37%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,086.63 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 พ.ย.59

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (3 พ.ย.59) ปิดที่ 44.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 68 เซนต์ หรือ 1.5%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 พ.ย.59) ที่ 8.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 34.94/96 แกว่งกรอบแคบ รอตัวเลข Nonfarm Payroll คืนนี้

      - นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ของปี 2559 รวม 20 โครงการ มูลค่า 1.41 ล้านล้านบาทนั้น ในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะขายเอกสารประกวดราคาโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,290.63 ล้านบาท วันที่ 26 พ.ย.-2 ธ.ค. 2559 เปิดอี-ออกชั่นวันที่ 3 ก.พ. 2560 คาดว่าจะลงนามสัญญาในเดือน ก.พ. 2560

                - ธปท.ห่วงการฟื้นตัวอุปสงค์ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยในระยะต่อไป พบยอดอนุมัติสินเชื่อปล่อยใหม่หดตัว 15.6% ทุกกลุ่มของที่อยู่อาศัย ขณะที่ผู้ประกอบการเปิดขายที่อยู่อาศัยใหม่เพิ่มขึ้น 62.2% โดยเฉพาะคอนโดฯแนวรถไฟฟ้าราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ด้านราคาคอนโดขยับ แต่ราคาบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ชะลอตัว

                - หอการค้าเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.ติดลบครั้งแรกรอบ 4 เดือน เหตุราคาข้าวตกต่ำขาดความมั่นใจว่า ศก.จะฟื้น ฉุดความสุขด้านการดำรงชีพ สวนทางพาณิชย์ที่ระบุปรับดีขึ้นเล็กน้อย

                - "นายกฯ" สั่ง ก.พลังงาน เร่งศึกษาติดแผงโซลาร์บนหลังคาหน่วยงานราชการ แบ่งเบาภาระค่าไฟ แหล่งข่าวเผยหน่วยงานทหารติดหนี้ค่าไฟ กฟภ.มากที่สุด พร้อมชี้ต้นทุนถูกลงเยอะหวังลงทุนเติบโต

                - ธอส.เพิ่มวงเงินโครงการสินเชื่อบ้าน 63 ปีอีก 7.5 พันล้านเป็น 3.75 หมื่นล้าน พร้อมขยายเวลาทำนิติกรรมไปจนถึง 2 ธ.ค.59 ล่าสุดมีผู้ยื่นขอกู้แล้ว 2.7 หมื่นล้าน

*หุ้นเด่นวันนี้

                -  SYNEX (โกลเบล็ก) เป้า 6.50 บาท คาดรายได้ Q3/59 อยู่ที่ 6-6.2 พันล้านบาท + 15-20%QoQ และกำไร ราว 100-105 ล้านบาท (+24%QoQ และ +11%YoY) จากเริ่มเข้าไฮซีซั่นงานภาครัฐเพราะมีงบประมาณใหม่ในช่วงเดือนก.ย.และคู่ค้าเริ่มเตรียมสินค้าเพื่อขายช่วงปลายปี คาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 4.7-4.9% ปรับขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนเพราะมีการจำหน่ายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้นทั้งรูปแบบงานบริษัทและสินค้า IT คาด 2H59 โตราว 11%HoH และคาดจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงถึง 5.6%

      - TU (ยูโอบี เคย์เฮียน) กำไรปี 60 เติบโต 16.6% สูงสุดในกลุ่มอาหารได้ปรับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน และการเติบโตมีโอกาสดีกว่าคาดจากการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในอนาคต สำหรับดีลล่าสุด Red Lobster ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก คาดบริษัทสามารถพลิกให้ธุรกิจกลับมากำไรได้ในปี 2560

       - กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (กรุงศรี) รับข่าว รฟท.เตรียมเปิดขายซองประมูลรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง มูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านบาทใน 2 เดือนนี้ แบ่งเป็นประจวบคีรีขันธ์-ชุมพรวงเงิน 17,290.63 ล้านบาทเปิดขายซอง 26 พ.ย.-2 ธ.ค.59 และ อี-อ็อคชั่น 3 ก.พ.60 เซ็นสัญญา ก.พ. 60 ส่วนอีก 4 เส้นทาง วงเงินรวมประมาณ 8.4 หมื่นล้านบาทเปิดขายซอง 3-9 ธ.ค. 59 และเสนอราคาในวันที่ 10 ก.พ. 60 เซ็นสัญญากลางเดือน มี.ค.60

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ เหตุวิตกเลือกตั้งสหรัฐ, ราคาน้ำมันร่วง

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ นอกจากนั้นยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมัน WTI ที่ปรับตัวลงติดต่อกัน 5 วันทำการ จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด

       ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.7% เมื่อเวลาประมาณ 9.25 น. ตามเวลาโตเกียว

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,964.50 จุด ลดลง 170.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,126.35 จุด ลดลง 2.59 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,611.54 จุด ลดลง 71.97 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,065.11 จุด ลดลง 2.16 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,983.87 จุด เพิ่มขึ้น 0.07 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,797.63 จุด ลดลง 4.45 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,646.34 จุด ลดลง 1.74 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,174.40 จุด เพิ่มขึ้น 13.49 จุด

    ทั้งนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งสหรัฐ หลังจากผลสำรวจระบุว่า คะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน เริ่มตีตื้นเข้าใกล้คู่แข่งอย่างนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต โดยนักลงทุนกังวลว่า หากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จะสร้างความปั่นป่วนต่อเศรษฐกิจและการค้าระดับโลก จากนโยบายต่อต้านการค้าเสรีของเขา

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 54.91 จุด เหตุปอนด์แข็งหลังกระบวนการ Brexit สะดุด

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มส่งออก เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ หลังศาลสูงสุดของสหราชอาณาจักรมีคำวินิจฉัยว่า รัฐบาลของสหราชอาณาจักรจะต้องขอการอนุมัติจากรัฐสภาเพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนที่รัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้

    ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 54.91 จุด หรือ 0.80% แตะที่ 6,790.51 จุด

     เงินสกุลปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากศาลสูงสุดของสหราชอาณาจักรมีคำวินิจฉัยว่า รัฐบาลของสหราชอาณาจักรจะต้องขอการอนุมัติจากรัฐสภาเพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวจากสหภาพยุโรป  ก่อนที่รัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้

    คำวินิจฉัยของศาลดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งระบุก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลสามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป (EU) เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจาก EU ได้ โดยไม่ต้องขอการอนุมัติจากรัฐสภา

       ทั้งนี้ ศาลได้กำหนดให้รัฐบาลสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคำวินิจฉัยดังกล่าวได้ในวันที่ 5-8 ธ.ค.

      การแข็งค่าของเงินสกุลปอนด์ส่งผลให้หุ้นกลุ่มที่ได้มีรายได้ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศปรับตัวลดลง โดยหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ หุ้นเดียจีโอ และหุ้นแอสตราเซเนกา ต่างก็ปรับตัวลดลงไม่ต่ำกว่า 1.1%

     หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส ร่วงลง 6.3% หลังรายงานว่า ผลผลิตทองคำของบริษัทได้ปรับตัวลดลง ในขณะที่หุ้นเฟรสนิลโลร่วงลง 4.3% เนื่องจากการปรับตัวลดลงของราคาโลหะเงิน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกเลือกตั้งสหรัฐ,เฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.

   ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) โดยตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งในสหรัฐ และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปขยับลงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวที่ว่า ศาลสูงสุดของสหราชอาณาจักรมีคำวินิจฉัยว่ารัฐบาลของสหราชอาณาจักรจะต้องขอการอนุมัติจากรัฐสภาเพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนที่รัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้นเพียง 0.01 จุด ปิดที่ 331.56 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,411.68 จุด ลดลง 2.99 จุด หรือ -0.07% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,325.88 จุด ลดลง 45.05 จุด หรือ -0.43% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,790.51 จุด ลดลง 54.91 จุด หรือ -0.80%

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. โดยถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวันพุธตามเวลาสหรัฐ

     นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งสหรัฐ หลังจากผลสำรวจระบุว่า คะแนนนิยมของนายทรัมป์เริ่มตีตื้นเข้าใกล้คู่แข่งอย่างนางฮิลลารี โดยคะแนนนิยมของนางฮิลลารีเริ่มแผ่วลงนับตั้งแต่มีรายงานว่า สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.

       อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากศาลสูงสุดของสหราชอาณาจักรมีคำวินิจฉัยเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลของสหราชอาณาจักรจะต้องขอการอนุมัติจากรัฐสภาเพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนที่รัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้

      ทั้งนี้ ศาลได้กำหนดให้รัฐบาลสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคำวินิจฉัยดังกล่าวได้ในวันที่ 5-8 ธ.ค.

       หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการที่สดใส โดยหุ้นโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 5.5% หลังจากธนาคารเปิดเผยธนาคารมีกำไรสุทธิ 1.1 พันล้านยูโรในไตรมาส 3 แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 790 ล้านยูโร

      หุ้นไอเอ็นจี กรุ๊ป ธนาคารรายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 อยู่ที่ 1.35 พันล้านยูโร (1.50 พันล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 1.06 พันล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของยอดการปล่อยเงินกู้และเงินฝาก

      ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ พุ่งขึ้น 6.1% หุ้นบาร์เคลย์ส ดีดตัวขึ้น 1.8% และหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.6%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 28.97 จุด วิตกเลือกตั้งสหรัฐ,หุ้นเฟซบุ๊กร่วงหนัก

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) โดยดาวโจนส์ปรับตัวลงติดต่อกัน 6 วันทำการ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ทำสถิติร่วงลงติดต่อกัน 8 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากคะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน เริ่มตีตื้นเข้าใกล้นางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นเฟซบุ๊ก ภายหลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 4/2559 อาจชะลอตัวลง

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,930.67 จุด ลดลง 28.97 จุด หรือ -0.16% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,058.41 จุด ลดลง 47.16 จุด หรือ -0.92% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,088.66 จุด ลดลง 9.28 จุด หรือ -0.44%

    ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งสหรัฐ หลังจากผลสำรวจระบุว่า คะแนนนิยมของนายทรัมป์เริ่มตีตื้นเข้าใกล้คู่แข่งอย่างนางฮิลลารี โดยนักลงทุนกังวลว่า หากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จะสร้างความปั่นป่วนต่อเศรษฐกิจ และการค้าระดับโลก จากนโยบายต่อต้านการค้าเสรีของเขา

    ทั้งนี้ คะแนนนิยมของนางฮิลลารีเริ่มแผ่วลงนับตั้งแต่มีรายงานว่า สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.

      ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงอย่างหนักถึง 6% หลังจากนายเดวิด เวห์เนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของเฟซบุ๊กเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า รายได้ของเฟซบุ๊กในไตรมาส 4 ปีนี้อาจจะขยายตัวในอัตราลดลง จากข้อจำกัดด้านโฆษณา เนื่องจากเฟซบุ๊กต้องคำนึงถึงการแสดงโฆษณาในระดับที่ไม่สร้างความรำคาญใจให้กับผู้ใช้ พร้อมระบุว่า ปี 2560 จะเป็นปีที่เฟซบุ๊กลงทุนเป็นมูลค่าสูงมาก ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย

    การเปิดเผยดังกล่าวได้ฉุดหุ้นเฟซบุ๊กร่วงลง แม้ว่าทางบริษัทได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่ง โดยระบุว่าตัวเลขกำไรอยู่ที่ 2.37 พันล้านดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 7.01 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 6.92 พันล้านดอลลาร์

    หุ้นฟิตบิท ผู้ผลิตเครื่องออกกำลังกายรายใหญ่ ทรุดฮวบลง 34% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์ของบริษัทชะลอตัวลง

      หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ปรับตัวลง หลังจากมีรายงานว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐเตรียมยื่นดำเนินคดีกับบริษัทยาบางแห่ง ในข้อหากำหนดราคาสูงเกินไป โดยหุ้นมายแลน ร่วงลง 7% หุ้นเทว่า ฟาร์มาซูติคัล ดิ่งลง 9.5% หุ้นเอนโด อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วงลง 19.5%

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 265,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.

     ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM มีการขยายตัวที่ระดับ 54.8 ในเดือนต.ค. ลดลงจากระดับ 57.1 ในเดือนก.ย. รวมทั้งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.0

     นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยตัวเลขดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของเฟดในรอบ 10 ปี

    ผลการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.จะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.9% จากเดิมที่ระดับ 5.0%

   อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!