- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 20 October 2016 10:15
- Hits: 4232
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideway up รับราคาน้ำมันพุ่ง-ลุ้นฮิลลารีขึ้นนำการดีเบตวันนี้
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway up ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกกันเกือบหมด เนื่องจากคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบเมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 15 เดือนนับจากเดือนก.ค.58 หลังจากที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลง 5.2 ล้านบาร์เรล ทำให้เป็นบวกต่อราคาน้ำมัน และน่าจะมีแรงซื้อเข้ามาที่หุ้นในกลุ่มน้ำมันด้วย
นอกจากนี้ วันนี้จะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งก็มีบางส่วนที่คาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา แต่ทางตลาดฯคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0% และคงจะรักษาระดับวงเงินตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไว้ที่ 8 หมื่นล้านยูโรเท่าเดิม อีกทั้งเช้านี้ก็มีการดีเบตระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งขณะนี้นางฮิลลารี ยังมีคะแนนนำ ซึ่งถ้านางฮิลลารี ยังมีคะแนนนำต่อไป ตลาดสหรัฐฯก็จะรีบาวด์ได้ และน่าจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นโดยทั่วไป
อย่างไรก็ดี ตลาดฯอาจได้รับแรงกดดันจากแรงขายของกลุ่มแบงก์ หลังจากที่มีหลายแบงก์ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/59 ออกมาปรากฏว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังเพิ่มขึ้นอยู่ และในวันนี้ก็ยังต้องติดตามงบการเงินในกลุ่มแบงก์ที่จะทยอยประกาศออกมา อย่าง KTB, BBL เป็นต้น
พร้อมให้แนวรับ 1,480 จุด ส่วนแนวต้าน 1,490-1,495 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,202.62 จุด เพิ่มขึ้น 40.68 จุด (+0.22%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,246.41 จุด เพิ่มขึ้น 2.57 จุด (+0.05%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,144.29 จุด เพิ่มขึ้น 4.69 จุด (+0.22%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.45 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.19 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 107.71 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 9.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.18 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ต.ค.59) 1,486.28 จุด เพิ่มขึ้น 8.74 จุด (+0.59%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,577.56 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ต.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ต.ค.59) ปิดที่ 51.60 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 2.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ต.ค.59) ที่ 6.42 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- ค่าเงินบาทเปิด 34.89 ทรงตัวจากวานนี้ รอความชัดเจนสัญญาณดอกเบี้ยจากเฟด-จับตาดีเบตครั้งสุดท้าย
- ชง ครม.ปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2560 รวม 69 จังหวัดตั้งแต่ 5-8-10 บาท เผยใช้สูตรคำนวณใหม่เพิ่มปัจจัยชี้วัดทางเศรษฐกิจ 10 รายการ หลังบอร์ดค่าจ้างมีมติเห็นชอบ ก่อนประกาศบังคับใช้ ในวันที่ 1 มกราคมปีหน้า
- นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิปีงบประมาณ 2559 จัดเก็บได้ 2.39 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 6.35 หมื่นล้านบาท หรือ 2.7% และยังสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 1.8 แสนล้านบาท หรือ 8.1%
- 'ศุภชัย' มองมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นมาสุดทาง ห่วงใช้มากเกินไปทำภาระหนี้สูง แนะเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้ความสำคัญการส่งออก รุกตลาดซีเอลเอ็มวี ชี้ปัญหารัฐกระตุ้นแต่เอกชนไม่ลงทุน เมินเขตเศรษฐกิจพิเศษ ยันต้องฟังเอกชนเพื่อแก้ให้ตรงจุด หนุนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ รวมพลังอาเซียนสร้างพลังต่อรอง
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังจากการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้แก่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ว่า การเดินทางมาตรวจเยี่ยม กทพ.ครั้งนี้ ถือเป็นการเดินทางตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีของ กทพ.ก็ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย และต้องให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ กทพ.ให้มีการปรับปรุงการเบิกจ่ายให้ดียิ่งขึ้นไปอีก โดยในปีงบประมาณนี้ กทพ.ถือว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างมาก โดยจะมีการนำโครงการทางด่วนพิเศษของ กทพ.มาจัดทำเป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตของประเทศ (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) กองแรกของประเทศ เพื่อนำงบประมาณจากการระดมทุนมาใช้ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่อไป คาดว่าจะจัดตั้งกองทุนแรกได้ภายในปลายปีนี้
- ส.อ.ท.โชว์เชื่อมั่นอุตฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน หลังคำสั่งซื้อในและต่างประเทศพุ่ง แต่ห่วงเศรษฐกิจโลกกระทบ ประเทศไทย พร้อมปลื้มยอดขายรถยนต์ในประเทศทั้งปีได้ตามเป้า 7.5 แสนคัน และหวั่นส่งออกไปไม่ถึง 1.22 ล้านคันเหตุวิกฤติในตะวันออกกลาง
- ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ประเมินปี 2559 โครงการเปิดใหม่ ทำเล กทม.ปริมณฑล ไม่ถึง 1 แสนยูนิต น้อยสุดในรอบ 6-7 ปี คาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยประมาณ 590,000-600,000 ล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- SC (เคทีบี) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 4.10 บาท คาดยอด Presale งวด Q4/59 จะดีสุดของปี จากการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหม่ แต่คาดว่ายอด Presale รวมทั้งปี จะทำได้ต่ำกว่าเป้า พร้อมคาดกำไรสุทธิ Q3/59 ที่ 360 ล้านบาท ลดลง 60% QoQ และ 12% YoY แต่คาดว่ารวมทั้งปี 2559 จะมีกำไรสุทธิราว 2,017 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4% YoY โดยคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 5.7%
- TOP (โกลเบล็ก) "ซื้อเก็งกำไร" เป้า 76 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/59 ราว 2,859 ล้านบาท +225%YoY แต่ -61%QoQ โดยผลประกอบการปรับตัวลงเนื่องจากไม่มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบเหมือนในไตรมาสก่อน อีกทั้งค่าการกลั่นอ่อนตัวลงตามส่วนต่างผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ปรับตัวลง ขณะที่ต้นทุนการผลิตรวมปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงโรงงานผลิตอะโรเมติกส์ พร้อมปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 59 จาก 13,898 ล้านบาทสู่ระดับ 17,667 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 27% และเติบโตจากปี 58 ที่ 45% เนื่องจากคาดว่าในไตรมาส 4 จะไม่มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบแต่ค่าการกลั่นอาจอ่อนตัวลงเล็กน้อยเพราะโรงกลั่นน้ำมันใหม่ในภูมิภาคเอเชียจะเริ่มดำเนินการผลิตในช่วง Q4/59-Q1/60 อีก 4 แห่ง (กำลังการผลิตอยู่ระหว่าง 110-300 พันบาร์เรลต่อวัน) สำหรับปี 60 ได้ปรับเพิ่มประมาณการจาก 14,443 ล้านบาท สู่ 15,534 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% แต่เติบโตลดลง 5% จากปี 59 เพราะคาดว่าในปี 60 กำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบจะไม่สูงเท่าปีก่อน
- BCH (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดกำไร Q3/59 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy จากช่วง high season และการรับรู้รายได้ประกันสังคมที่เลื่อนมาจากช่วง 2Q59 ทั้งนี้คาดกำไรปี 59 นี้ จะเติบโตก้าวกระโดดจาก การฟื้นตัวอย่างมากของ รพ. WMC การเติบโตของ รพ.ในเครือทั้งจำนวนผู้ป่วยนอกและใน การขึ้นค่ารักษาพยาบาล และจำนวนผู้ป่วยประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น
- BIG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 5.55 บาท คาดกำไร Q3/59 ชะลอชั่วคราว เพราะกล้องโซนี่ขาดตลาดและยี่ห้ออื่นเลื่อนการออกรุ่นใหม่ออกไป คาดกำไร -27% Q-Q แต่ +16% Y-Y แต่เชื่อว่าจะกลับมาทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งใน Q4/59 ต่อเนื่องถึงปีหน้า การได้สิทธิบริหารร้าน AIS shop 3 สาขา เปิดใน Q4/59 ในช่วงแรกยังไม่มีนัยสำคัญต่อผลประกอบการแต่ระยะยาวจะช่วยกระจายรายได้ไปยังสินค้าอื่น
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับราคาน้ำมัน WTI ทะยาน
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,999.36 จุด เพิ่มขึ้น 0.45 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,084.91 จุด เพิ่มขึ้น 0.19 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,412.68 จุด เพิ่มขึ้น 107.71 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,288.49 จุด เพิ่มขึ้น 4.50 จุด
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,044.12 จุด เพิ่มขึ้น 3.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,853.82 จุด เพิ่มขึ้น 9.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,667.09 จุด ลดลง 1.18 จุด
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 21.86 จุด จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มค้าปลีก
ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มค้าปลีก
แรงซื้อหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มสินค้าหรูหราหนุนตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นเทสโก้ หุ้นดับเบิลยูเอ็ม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ตส์ และหุ้นเนกซ์ ต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 2.7% ตามหุ้นกลุ่มค้าปลีกในตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ที่ต่างก็เป็นอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นรุนแรงที่สุดในการซื้อขายระหว่างวัน
หุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าหรูหรารายใหญ่ของอังกฤษเพิ่มขึ้น 4.2%
หุ้นฟอกซ์ตัน กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 2.9% หลังจากคาดว่า บริษัทจะมีรายได้ตลอดทั้งปีที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลต่อความเคลื่อนไหวของตลาดนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า อัตราว่างงานช่วงเดือนมิ.ย.-ส.ค. ทรงตัวอยู่ที่ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 11 ปี
ขณะที่จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 1.66 ล้านรายในช่วงดังกล่าว ส่วนจำนวนผู้มีงานทำเพิ่มขึ้น 106,000 ราย ซึ่งชะลอตัวจากที่เพิ่มขึ้น 174,000 รายในช่วงสามเดือนจนถึงก.ค.
ONS ระบุว่า ข้อมูลที่ออกมาสะท้อนว่าการจ้างงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงฤดูร้อน ขณะที่จำนวนตำแหน่งงานว่างยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจอังกฤษ
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก หลังราคาน้ำมันพุ่งหนุนหุ้นพลังงาน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานอย่างคึกคัก หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 2% อันเนื่องมาจากความหวังที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะสามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตได้ตามแผน ในการประชุมเดือนหน้านี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.3% ปิดที่ 343.64 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,520.30 จุด เพิ่มขึ้น 11.39 จุด หรือ +0.25% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันที่ 10,645.68 จุด เพิ่มขึ้น 14.13 จุด หรือ +0.13% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,021.92 จุด เพิ่มขึ้น 21.86 จุด หรือ +0.31%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ ภายหลังจากนายคาลิด อัล-ฟาลิห์ รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย กล่าวในที่ประชุม "Oil & Money" ในกรุงลอนดอน เมื่อวานนี้ว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลายประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มโอเปกนั้น จะร่วมมือกับทางกลุ่มในการปรับลดกำลังการผลิต เพื่อพยุงราคาน้ำมันให้ปรับตัวขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ หุ้นสแตทออยล์ พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นลันดิน ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นเรพซอล ปรับตัวขึ้น 1.5% หุ้นโททาล ดีดตัวขึ้น 0.3% และหุ้นบีพี ปรับตัวขึ้น 0.9%
หุ้นคาร์ฟูร์ ทะยานขึ้น 4.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่สูงกว่าการคาดการณ์ อันเนื่องมาจากยอดขายที่แข็งแกร่งในละติอเมริกา
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 40.68 จุด รับราคาน้ำมันพุ่ง
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นกว่า 2% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของมอร์แกน สแตนลีย์ ยังช่วยกระตุ้นให้มีแรงซื้อส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มการเงินอย่างคึกคัก
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,202.62 จุด เพิ่มขึ้น 40.68 จุด หรือ +0.22% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,246.41 จุด เพิ่มขึ้น 2.57 จุด หรือ +0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,144.29 จุด เพิ่มขึ้น 4.69 จุด หรือ +0.22%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นทรานส์โอเชียน ทะยานขึ้น 5.7% หุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชั่น ปรับตัวขึ้น 3.9%
หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 1.6 พันล้านดอลลาร์ หรือ 81 เซนต์ต่อหุ้น ในไตรมาส 3 ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 1 พันล้านดอลลาร์ หรือ 48 เซนต์ต่อหุ้น ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนรายได้เพิ่มขึ้น 15% แตะ 8.91 พันล้านดอลลาร์ จาก 7.77 พันล้านดอลลาร์
มอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า ปัจจัยที่ช่วยหนุนผลประกอบการในไตรมาส 3 นั้น มาจากรายได้จากการซื้อขายตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งถึงเกือบสามเท่า โดยเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 จาก 583 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 1.09% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดีดตัวขึ้นเกือบ 1% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินปรับฐานขึ้น 0.8%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวผันผวน โดยหุ้นยาฮู พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3 แต่หุ้นอินเทล ร่วงลงเกือบ 6% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อรายงานผลประกอบการของบริษัท
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ Beige Book โดยรายงานระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายเดือนส.ค.จนถึงต้นเดือนต.ค. และแนวโน้มเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังคงเป็นบวก
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน จากความอ่อนแอของข้อมูลด้านตลาดที่อยู่อาศัย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 9% ในเดือนก.ย. สู่ระดับ 1.05 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว เนื่องจากการก่อสร้างที่อยู่อาศัยแบบหลายครอบครัวร่วงลงอย่างหนัก
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ ซึ่งได้แก่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.จากเฟด ฟิลาเดลเฟีย และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.
อินโฟเควสท์