- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 19 October 2016 14:44
- Hits: 3522
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์กรอบแคบไร้ปัจจัยบวกหนุน,จีดีพี Q3/59 ของจีนตามคาด
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะเปิดในแดนบวกได้ แต่การจะไปต่อคงยังลำบาก เนื่องจากตลาดฯไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา ขณะเดียวกันเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาดัชนีฯมีลักษณะแกว่งแคบและซึมตัว ดังนั้น ภาพโดยรวมของตลาดฯวันนี้น่าจะเป็นลักษณะแกว่ง Sideway ในกรอบแคบ
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกเล็กน้อยทั่วหน้า หลังตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในไตรมาส 3/59 ขยายตัว 6.7% ตามคาดการณ์ ส่วนตลาดหุ้นไทยก็ยังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/59 ของบริษัทจดทะเบียนต่อไป ขณะที่ราคาน้ำมันทรงตัวทำให้แรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ลดลง แต่มองว่าหุ้นพลังงานขนาดเล็กยังสามารถเล่นเก็งกำไร ทั้งนี้ ช่วงนี้จะเห็นแรงขายหุ้น Domestic plays ออกมาบ้าง เพราะมองว่ากำลังซื้อจะชะลอในช่วงสั้น พร้อมให้แนวรับ 1,462-1,457 จุด ส่วนแนวต้าน 1,482-1,486 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,161.94 จุด เพิ่มขึ้น 75.54 จุด (+0.42%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,243.84 จุด เพิ่มขึ้น 44.02 จุด (+0.85%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,139.60 จุด เพิ่มขึ้น 13.10 จุด (+0.62%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 10.70 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.87 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 0.59 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 5.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.25 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.56 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.32 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ต.ค.59) 1,477.54 จุด เพิ่มขึ้น 0.20 จุด (+0.01%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,380.08 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ต.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ต.ค.59) ปิดที่ 50.29 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ต.ค.59) ที่ 5.95 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- ค่าเงินบาทเปิด 34.93/95 แนวโน้มยังแข็งค่าต่อจากแรงขายดอลล์ มองกรอบวันนี้ 34.70-35.00
- ทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ฐานะการเงินของครัวเรือนไทยทยอยฟื้นตัว เนื่องจากภาระหนี้จากรถคันแรกของครัวเรือนทยอยหมดลงนับจากปลายปีนี้เป็นต้นไป ส่งผลให้กำลังซื้อของครัวเรือนเพิ่ม 8,000-1.2 หมื่นบาท/คน/เดือน คาดสิ้นปีนี้จะมีรถคันแรกครบกำหนดผ่อนชำระประมาณ 3-4 หมื่นราย
- ครม.เห็นชอบยกเครื่องกฎหมายเปลี่ยนฐานคำนวณภาษีโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ หันใช้ราคาที่ซื้อขายจริง หรือราคาประเมินที่ใช้ในวันโอน ผู้เชี่ยวชาญแนะรัฐให้อิสระเอกชนตั้งราคาขายปลีกฐานภาษีสรรพสามิตใหม่
- ครม.ไฟเขียวขยายอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนแบงก์รัฐ เพิ่มเป็น 0.25% ต่อปี จากเดิม 0.18% ต่อปี หวังช่วยเหลือทางการเงินธนาคารเฉพาะกิจที่มีปัญหาขาดทุน มั่นใจไม่กระทบสถานะ 4 แบงก์ใหญ่
- ภาครัฐหนุนอุตสาหกรรมอาหารเดินหน้าต่อ เผยส่งออกปีละเกิน 8 แสนล้าน โดยปีที่แล้วเฉียดๆ 9 แสนล้าน เป็นอันดับ 1 ของโลก เพราะไทยมีอาหารหลากหลาย ทั้งแบบแช่แข็งและแปรรูป น้ำตาลทราย ไก่ และเครื่องปรุงรส มาแรงสุด
- นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.ยังไม่ได้พิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่คาดว่าประชาชนไม่อยู่ในอารมณ์จับจ่ายใช้สอย อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยชี้แจงประชาชนทั่วประเทศให้เกิดความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของประเทศยังอยู่ในระดับที่ดี การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลสามารถเดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง
*หุ้นเด่นวันนี้
- LHBANK (โกลเบล็ก) "ซื้อเก็งกำไร"เป้าปีหน้า 2.22 บาท กำไรสุทธิ Q3/59 เติบโต 58%YoY แต่ลดลง 13%QoQ กำไร 9M59 เติบโต 74% พร้อมปรับประมาณการกำไรปี 59 เพิ่มขึ้น 10% คงประมาณกำไรปี 60 ตามเดิม ส่วนดีลควบรวมพันธมิตรอยู่ระหว่างดำเนินการ, LHBANK อยู่ระหว่างจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 7.545 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 2.20 บาทให้ CTBC Bank ในเครือ CTBC Financial Holding กลุ่มการเงินใหญ่ในไต้หวัน เพื่อเข้าถือหุ้น 35.6% ขณะที่ LH และ QH จะถือหุ้นลดลงเหลือ 21.9% และ 13.7% ตามลำดับ คาดว่าแล้วเสร็จราวปลายปี 59
- DRT (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 5.80 บาท ยังจัดเป็นหุ้นปันผลดี คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 6% ต่อปี โดยคาดกำไรสุทธิ Q3/59 ที่ 76 ล้านบาท ลดลง 35% QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แต่จะเพิ่มขึ้น 13% YoY จากยอดขายในประเทศที่เริ่มกลับมาเติบโต ยังคงคาดกำไรปกติปี 59 เติบโต 11% YoY ปัจจัยหลักเป็นผลจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นมาก นอกจากนี้ DRT ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 60 เติบโต 5% YoY
- TMB (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 2.70 บาท กำไรสุทธิ Q3/59 -14% Q-Q, -35% Y-Y น้อยกว่าที่เราและตลาดคาดไว้จากการตั้งสำรอฯที่สูงกว่าคาดเพื่อรองรับการ Write-off หนี้ NPL แต่ PPOP ยังแข็งแกร่งจากการบริหารต้นทุนเงินฝาก ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คุณภาพหนี้ดีขึ้นหลังมีการกำจัดออกตั้งแต่ Q2/59 ต่อเนื่องในไตรมาสนี้ทำให้ NPL Ratio ลดเหลือ 2.5% ขณะ Coverage ratio ยังแกร่งที่ 142% คงประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้า
- BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 12 บาท แนวโน้มกำไร Q3/59 สดใส โดยคาด +30% Q-Q เป็น 656 ล้านบาท จากการเริ่มให้บริการทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกและได้รับค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงตั้งแต่เดือน ส.ค.และการประหยัดดอกเบี้ยจ่ายหลังรีไฟแนนซ์หนี้กลางปีที่ผ่านมา ปี 60 จะเป็นอีกปีที่สดใส เพราะรับรู้รายได้เต็มปีจากทางด่วนเส้นใหม่และค่าจ้างเดินรถสายสีม่วง และประหยัดดอกเบี้ยจ่ายอีกปีละกว่า 300 ล้านบาท จึงยังมีมุมมองเป็นบวกต่อเนื่องในระยะยาว
ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขณะจับตาข้อมูลศก.สหรัฐใกล้ชิด
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ขานรับมุมมองที่เป็นบวกว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.1% สู่ระดับ 139.49 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,952.91 จุด ลดลง 10.70 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,085.75 จุด เพิ่มขึ้น 1.87 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,393.80 จุด ลดลง 0.59 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,227.98 จุด เพิ่มขึ้น 5.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,036.18 จุด ลดลง 4.25 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,830.07 จุด ลดลง 0.56 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,667.25 จุด ลดลง 0.32 จุด
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 52.51 จุด จากแรงซื้อหุ้นธนาคาร
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร และจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากที่ดัชนีร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อวันก่อน
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 52.51 จุด หรือ 0.76% แตะที่ 7,000.06 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร นำโดยหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ และหุ้นบาร์เคลย์สที่ต่างก็พุ่งขึ้นมากกว่า 1.6% ตามหุ้นธนาคารยุโรปส่วนใหญ่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นริโอ ทินโต กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 2.3% และหุ้นบีพีเพิ่มขึ้น 1.3%
หุ้นไรอันแอร์ โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากนักวิเคราะห์แนะนำให้ซื้อหุ้นของบริษัท ถึงแม้ว่าไรอันแอร์จะปรับลดคาดการณ์กำไรของบริษัทลงก็ตาม
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงซื้อหุ้นธนาคาร หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่ง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างคึกคัก หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ธนาคารรายใหญ่ระดับโลกได้เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.5% ปิดที่ 342.48 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.ปีนี้
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,508.91 จุด เพิ่มขึ้น 58.68 จุด หรือ +1.32% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,631.55 จุด พุ่งขึ้น 127.98 จุด หรือ +1.22% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,000.06 จุด เพิ่มขึ้น 52.51 จุด หรือ +0.76%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดทะยานขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยตัวเลขกำไรพุ่งขึ้น 58% ในไตรมาส 3 สู่ระดับ 4.88 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.82 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 8.17 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 7.42 พันล้านดอลลาร์
หุ้นธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ พุ่งขึ้น 5.7% หุ้นธนาคารเครดิต อากริโคล ปรับขึ้น 1.6% หุ้นธนาคารยูนิเครดิต พุ่งขึ้น 5.1% และหุ้นธนาคารบังคา ป๊อปปูเลร์ เดล เอมิเลีย โรแม็กนา ซึ่งเป็นธนาคารของอิตาลี ปรับตัวขึ้น 2.7%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยหุ้นโบลิเดน พุ่งขึ้น 1.8% และหุ้นเทนาริส เอสเอ ปรับตัวขึ้น 1.5%
หุ้นโดมิโน พิซซา กรุ๊ป ทะยานขึ้น 7.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาสพุ่งขึ้น 25% เนื่องจากยอดขายที่แข็งแกร่งในตลาดสหรัฐ
หุ้นไรอันแอร์ พุ่งขึ้น 5.1% แม้ทางสายการบินได้ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรลง 7% ก็ตาม
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 75.54 จุด รับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสหรัฐ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นไปยืนเหนือระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล รวมทั้งมุมมองที่เป็นบวกว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,161.94 จุด เพิ่มขึ้น 75.54 จุด หรือ +0.42% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,243.84 จุด เพิ่มขึ้น 44.02 จุด หรือ +0.85% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,139.60 จุด เพิ่มขึ้น 13.10 จุด หรือ +0.62%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่พากันเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยตัวเลขกำไรพุ่งขึ้น 58% ในไตรมาส 3 สู่ระดับ 4.88 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.82 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 8.17 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 7.42 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่แบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยตัวเลขกำไร 5.14 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.00 ดอลลาร์/หุ้น
ส่วนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า ตัวเลขกำไรหลังจากการปรับค่าตามค่าตัดจำหน่ายทางบัญชีและรายการพิเศษ อยู่ที่ 1.68 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.65 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปิดตลาดพุ่งขึ้น 2.2% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ขณะที่หุ้นเน็ทฟลิกซ์ ทะยานขึ้น 19% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
หุ้นฟิลิปส์ มอร์ริส ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตบุหรี่รายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไร 1.94 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.25 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.23 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปรับตัวขึ้น 0.1% หลังจากบริษัทตัดสินใจลดการผลิตรถยนต์บางรุ่นในอเมริกาเหนือ โดยมีเป้าหมายที่จะระบายรถยนต์ในสต็อก
หุ้นฮาร์เลย์-เดวิดสัน ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ระดับโลก พุ่งขึ้น 9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และประกาศแผนลดต้นทุนในไตรมาส 4 ปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีดตัวขึ้นไปยืนเหนือระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ รวมทั้งมุมมองที่เป็นบวกว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งหลายรายการเมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยดีดตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน และค่าเช่าบ้านที่ปรับตัวขึ้น
ด้านสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านอยู่ที่ระดับ 63 ในเดือนต.ค. สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยค่าดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงมุมมองโดยทั่วไปที่เป็นบวก
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.
อินโฟเควสท์