WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET55ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐานช่วงสั้นก่อนแกว่งไซด์เวย์ กังวลเฟดขึ้นดบ.,เก็งงบฯ พยุงตลาด

      นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้เปิดเทรดมีโอกาสที่จะปรับฐานในระยะสั้นก่อนที่จะแกว่งไซด์เวย์ ซึ่งถ้าดัชนีฯยืนเหนือระดับ 1,505 จุดได้ยังมีโอกาสที่จะปิดตลาดเป็นบวกได้ แต่เชื่อว่าน่าจะเผชิญกับแรงขายทำกำไรออกมาก่อนในช่วงต้น

    อย่างไรก็ดี ตลาดฯ น่าจะได้แรงหนุนจากกองทุนในประเทศอาจเข้ามาเก็งงบฯไตรมาส 3/59 ของกลุ่มแบงก์ที่จะทยอยออกมาในกลางเดือน ต.ค.นี้ รวมถึงน่าจะแรงเก็งกำไรงบฯหุ้นตัวอื่น ๆ ที่คาดว่าจะออกมาดีด้วย

     สำหรับ ราคาน้ำมันปรับฐานเล็กน้อย แต่ความกังวลปัญหา"ดอยซ์แบงก์"ผ่อนคลายลงแล้ว ทำให้น่าจะลดความเสี่ยงไปได้ ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบเล็กน้อย ยกเว้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นบวก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายหนึ่งออกมาระบุถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งเฟดจะมีการประชุมในวันที่ 1-2 พ.ย.นี้ พร้อมกับระบุว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ส่งผลให้เช้านี้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น ซึ่งสะท้อนค่าเงินในภูมิภาคที่อ่อนค่าลงด้วย

        พร้อมให้แนวรับ 1,505-1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,515-1,521 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,168.45 จุด ลดลง 85.40 จุด (-0.47%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,289.66 จุด ลดลง 11.21 จุด (-0.21%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,150.49 จุด ลดลง 10.71 จุด (-0.50%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 52.24 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 69.53 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 27.08 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 11.49 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 13.15 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.18 จุด

     ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดเฉลิมฉลองวันชาติ

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ต.ค.59)  1,509.78 จุด เพิ่มขึ้น 18.84 จุด (+1.26%)

    - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 486.47 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ต.ค.59

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 ต.ค.59) ปิดที่ 48.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 12 เซนต์ หรือ 0.2%

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ต.ค.59) ที่  4.69 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเปิด 34.77 แนวโน้มอ่อนค่าหลังดอลล์แข็ง-มีแรงซื้อจากผู้ค้าทอง

    - ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งจะใช้พัฒนา จ.ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านล้านบาท

    - ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมกับธนาคารมิซูโฮ พันธมิตรทางธุรกิจจากญี่ปุ่นพร้อมด้วยธนาคารพันธมิตรในประเทศญี่ปุ่นอีก 8 แห่ง เพื่อสนับสนุนทางการเงินมูลค่า 1.18 หมื่นล้านเยน หรือประมาณ 4,100 ล้านบาท ให้แก่ บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง เพื่อดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เซนได โอคุระ กำลังผลิต 38.1 เมกะวัตต์ ณ เมืองเซนได จังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น

    - ธนารักษ์เผยกฤษฎีกาชี้แล้วประเด็นพัฒนา-โอนสิทธิการใช้ประโยชน์ให้คลังเพื่อแลกภาระหนี้ ร.ฟ.ท.กว่า 6 หมื่นล้านบาททำได้ จับตากระแสกระทรวงการคลัง-ซุปเปอร์บอร์ดตัดสินเปิดทางให้ ร.ฟ.ท.บริหารเอง แล้วค่อยนำรายได้ใช้หนี้คลัง

     - ขณะนี้ พ.ร.บ. กสทช.ฉบับใหม่ อยู่ระหว่างการพิจารณาวาระที่ 2 ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยสาระสำคัญของ พ.ร.บ. กสทช.ฉบับใหม่ มี 2 เรื่อง คือ การเพิ่มเติมหลักการดำเนินงานของ กสทช.ให้สอดคล้องกับนโยบายด้านเทคโนโลยีของประเทศภายหลังจากที่มีคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดดีอี) และการเปลี่ยนแปลงที่มาของบอร์ด กสทช.คาดประกาศใช้ภายในปี 59

     - นายกสมาคมการค้าเหล็กลวดไทย เสนอให้กองปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ เร่งรัดประกาศผลการทบทวนมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping: AD) และเก็บอัตราอากรตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนสูง รวมถึงเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่เจือธาตุอื่น ที่มีแหล่งกำเนิดจากจีน หลังจากผู้ประกอบการในประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนัก

*หุ้นเด่นวันนี้

                - GL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 44 บาท ปรับกำไรสุทธิปี 60 ขึ้น 10% เป็น 1,687 ล้านบาท +57.5% Y-Y สะท้อนการซื้อกิจการศรีลังกา 30% และเมียนมาร์ 100% ต่อยอด โดยในศรีลังกาคุ้มค่า รับรู้กำไรได้ทันทีราว 180-200 ล้านบาท/ปี เริ่มตั้งแต่ Q4/59 ส่วนในเมียนมาร์คาดรับรู้กำไรราว 5 ล้านบาท/ปี กำไร 2 บริษัทใหม่คิดเป็น 5% ของกำไรในปีนี้และ 13% ปีหน้า ส่วนกำไร Q3/59 คาดดีต่อเนื่อง +13% Q-Q, +93% Y-Y และทำ new high ใน Q4/59

                - CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 74 บาท  แม้ Q3 จะเป็น Low season และฐานกำไรสูงใน Q2/59 แต่เราคาดกำไรใน Q3/59 โต +1.7% Q-Q, +31% Y-Y จากความสำเร็จ Stamp promotion และรายได้การส่งเสริมการขายจาก Supplier ที่หักล้างค่าการตลาดได้หมด แนวโน้มกำไรดีต่อเนื่องใน Q4/59 ตามฤดูกาล โดยได้ปรับกำไรสุทธิปี 59-60 ขึ้น 6-9% เป็น +22.6% Y-Y ปีนี้และ +17.7% Y-Y ปีหน้า

     - BANPU (โกลเบล็ก) เป้า 20 บาท คาดปี 59 พลิกเป็นกำไรที่ 1,142 ลบ.(+150% YoY) จากโรงไฟฟ้า BLCP และหงสาผลิตครบ 3 หน่วย และราคาถ่านหินเริ่มพื้นตัว พร้อมปรับลดการลงทุนธุรกิจถ่านหินเพื่อเน้นโรงไฟฟ้าสู่ 2.4 GW ในปี 63 จากปัจจุบัน 1.63 GW เตรียมนำ BANPU POWER (BPP) เข้าตลท.ใน ต.ค.59 โดยนำเงินไปชำระคืนเงินกู้แก่ BANPU ราว 400 ล้านดอลลาร์ และลดภาระดอกเบี้ยได้ราว 800 ล้านบาทต่อปี  และราคาถ่านหินดีดตัวขึ้นล่าสุด 83.1 US/Tons

     - LIT (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า Consensus 15.3 บาท คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วง H2/59 จะเติบโต HoH เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจ (สินเชื่อสำหรับการทำธุรกิจกับหน่วยงานภาครัฐฯจะเร่งการเบิกจ่ายช่วงปิดงบประมาณการฯประจำปีฯ) ด้านรูปแบบราคาวานนี้ดีดพ้นแนวต้านเทรนไลน์ขาลงที่ 10.4 บาท และทะลุแนวต้าน 10.8 บาทได้ ประเมินมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 11.8 บาท

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเช้านี้ เหตุวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย

      ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นเนื่องจากเงินเยนอ่อนค่า

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ไม่รวมญี่ปุ่น ร่วงลง 0.5% แตะที่ 454.28 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,787.89 จุด เพิ่มขึ้น 52.24 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,619.91 จุด ลดลง 69.53 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,260.69 จุด ลดลง 27.08 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,043.37 จุด ลดลง 11.49 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,871.49 จุด ลดลง 13.15 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,663.43 จุด เพิ่มขึ้น 2.18 จุด ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดเฉลิมฉลองวันชาติ

     ตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงกดดันหลังจากเจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ กล่าวว่า เหตุผลสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกำลังมีน้ำหนักมากขึ้น โดยเฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากเพื่อทำให้เงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม

     ด้านนางโลเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย. แม้ว่าการประชุมจะมีขึ้นก่อนการเลือกตั้งสหรัฐวันที่ 8 พ.ย. เพียงไม่กี่วัน พร้อมกับเน้นย้ำว่า การเมืองไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟด

       ขณะเดียวกัน ตลาดยังได้รับปัจจัยถ่วงหลังจากสื่อต่างประเทศรายงานว่า ECB อาจจะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน ก่อนที่โครงการดังกล่าวจะหมดอายุในเดือนมี.ค.ปีหน้า

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ปอนด์อ่อนหนุนฟุตซี่ปิดพุ่ง 90.82 จุด สูงสุดในรอบ 17 เดือน

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 17 เดือนเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) หลังจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการถอนตัวจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ หรือ Brexit ส่งผลให้เงินสกุลปอนด์ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 31 ปี

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 90.82 จุด หรือ 1.30% แตะที่ 7,074.34 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อเดือนเม.ย. 2558 ที่ 7,103.98 จุด

     ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวลดลงลงของเงินสกุลปอนด์ที่ร่วงแตะ 1.2720 ดอลลาร์ต่อปอนด์เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2528 อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับ Brexit

     หุ้นเพียร์สัน ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่สื่อการศึกษาเพิ่มขึ้น 5.2% ในขณะที่หุ้นโรลล์ส-รอยซ์ โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรรมเพิ่มขึ้น 3.1% และหุ้นซีอาร์เอชซึ่งเป็นผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น 3%

     ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์ส่งผลให้บริษัทส่งออกของอังกฤษมีรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ในขณะที่ประมาณ 75% ของรายได้ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอนมาจากบริษัทข้ามชาติที่มีขนาดใหญ่

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับหุ้นดอยซ์แบงก์ดีดตัว

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นดอยซ์แบงก์ โดยนักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างดอยซ์แบงก์และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นอังกฤษพุ่งขึ้นเนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกดีดตัวขึ้น

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.8% ปิดที่ 346.10 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,503.09 จุด เพิ่มขึ้น 49.53 จุด หรือ +1.11% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,619.61 จุด พุ่งขึ้น 108.59 จุด หรือ +1.03% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,074.34 จุด เพิ่มขึ้น 90.82 จุด หรือ +1.30%

     ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนจากราคาหุ้นดอยซ์แบงก์ที่ดีดตัวขึ้น 1% หลังจากแหล่งข่าวระบุว่า ดอยซ์แบงก์ใกล้บรรลุข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เกี่ยวกับการจ่ายค่าปรับเพียง 5.4 พันล้านดอลลาร์เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งหากรายงานข่าวดังกล่าวเป็นความจริง ค่าปรับที่ดอยซ์แบงก์จะต้องจ่ายต่อทางสหรัฐก็จะลดลงเป็นอย่างมากจากระดับ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องในเบื้องต้น

    หุ้น BMW พุ่งขึ้น หลังจากนักวิเคราะห์ของเอ็กแซน บีเอ็นพี พาริบาส์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้น BMW

     ส่วนหุ้นบิ๊กแคปหรือหุ้นที่มีทุนจดทะเบียนสูงในตลาด ต่างก็ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเพียร์สัน ทะยานขึ้น 5.2% และหุ้นยูนีลิเวอร์ ปรับขึ้น 1.5%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 85.40 จุด วิตกเฟดขึ้นดบ.,ECB ลดวงเงิน QE

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อังกฤษเตรียมแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,168.45 จุด ลดลง 85.40 จุด หรือ -0.47% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,289.66 จุด ลดลง 11.21 จุด หรือ -0.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,150.49 จุด ลดลง 10.71 จุด หรือ -0.50%

     ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบ หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ กล่าวว่า เหตุผลสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกำลังมีน้ำหนักมากขึ้น โดยเฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากเพื่อทำให้เงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม

     ด้านนางโลเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย. แม้ว่าการประชุมจะมีขึ้นก่อนการเลือกตั้งสหรัฐวันที่ 8 พ.ย. เพียงไม่กี่วัน พร้อมกับเน้นย้ำว่า การเมืองไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟด

    ขณะเดียวกันตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากสื่อต่างประเทศรายงานว่า ECB อาจจะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน ก่อนที่โครงการดังกล่าวจะหมดอายุในเดือนมี.ค.ปีหน้า

     นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit หลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เปิดเผยว่า เธอจะเริ่มกระบวนการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (EU) อย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.2560

      อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นสวนทางการติดลบของตลาด โดยหุ้นดอยช์แบงก์ พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากแหล่งข่าวระบุว่า ดอยซ์แบงก์ใกล้บรรลุข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เกี่ยวกับการจ่ายค่าปรับเพียง 5.4 พันล้านดอลลาร์เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งหากรายงานข่าวดังกล่าวเป็นความจริง ค่าปรับที่ดอยซ์แบงก์จะต้องจ่ายต่อทางสหรัฐก็จะลดลงเป็นอย่างมากจากระดับ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องในเบื้องต้น

     ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปรับขึ้น 0.8% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดตัวขึ้น 0.7% เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ภาคธนาคารของสหรัฐจะกำไรเพิ่มขึ้นหากเฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

    หุ้นอัลฟาเบท ปรับตัวขึ้น 0.5% หลังจากบริษัทเปิดตัวสมาร์ทโฟน "Pixel" และระบบ "Google Home" ส่วนหุ้นแอปเปิล อิงค์ ดีดตัวขึ้น 0.5%

     นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!