WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นรีบาวด์ช่วงสั้นตามตลาดภูมิภาครอเกาะติดถ้อยแถลงเฟด

     นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง(BLS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสรีบาวด์ได้ในช่วงสั้นหลังจากเมื่อวานนี้ปรับตัวลงไปมาก และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก แต่ตลาดบ้านเราคงจะไม่คึกคักเหมือนอย่างตลาดอื่นในเอเชีย อย่างจีนและเกาหลีใต้ เนื่องจาก P/E ตลาดบ้านเราเทรดพรีเมียม หมายถึงเทรดแพงกว่า

      ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามในประเทศคงจะเป็นกระบวนการขั้นตอนการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ, การคัดสรรคนที่จะมาทำงานและคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงผลักดันงบประมาณ ซึ่งหากออกมาแล้วก็น่าจะทำให้คนมั่นใจได้ ส่วนนอกประเทศก็รอการแถลงของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในเรื่องอัตราเงินเฟ้อ อัตราการจ้างงาน ซึ่งเป็นตัวชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐว่าจะปรับขึ้นเมื่อใด แต่ก็มีการคาดการณ์กันว่าอัตราดอกเบี้ยน่าจะยังไม่ขึ้นไปจนถึงสิ้นปีนี้ อีกทั้งรอดูตัวเลข PMI ของทั่วโลกที่มักจะประกาศออกมาสัปดาห์แรกของเดือน เท่าที่ดูจาก pre-view ส่วนใหญ่จะออกมาดี ยกเว้นยุโรป จึงน่าจะมีแรงซื้อได้

    พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550 จุด คาดว่าในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้คงจะยังไม่ทะลุแนวต้านดังกล่าว

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(29 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,912.11 จุด ลดลง 70.48 จุด (-0.42%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,969.95 จุด ลดลง 8.96 จุด(-0.45%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,442.70 จุด ลดลง 2.21 จุด (-0.05%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 1.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.01 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 64.05 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 17.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.50 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.01 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 6.74 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(29 ก.ค.)1,520.55 จุด ลดลง 17.58 จุด (-1.14%)

    - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,781.96 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ก.ค.57

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(29 ก.ค.)ที่ 100.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 70 เซนต์

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(29 ก.ค.)ที่ 2.52 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเปิด 31.83/85 อ่อนค่าเล็กน้อย

    - คสช.ไฟเขียวแผนยุทธศาสตร์คมนาคม รถไฟทางคู่ 8 เส้นทาง วงเงินรวมกว่า 8.6 แสนล้านบาท ใช้รางขนาดเดิม 1 เมตร 6 เส้นทางรวม 1.2 แสนล้าน พร้อมปรับแบบ 2 เส้นทาง รองรับรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแทน"รถไฟความเร็วสูง"วงเงินกว่า 7.4 แสนล้านบาท เชื่อมรถไฟความเร็วสูงจีน พร้อมสั่งเดินหน้ารถไฟฟ้ากทม.ปริมณฑล 10 สาย ตามแผนเดิม

     - โตโยต้ามอเตอร์ ปรับประมาณการตลาดรถยนต์ในประเทศไทยลงเหลือ 9.2 แสนคัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 3.99 แสนคัน รถกระบะ 5.21 แสนคันจากต้นปีประมาณการว่าตลาดรถยนต์ในประเทศรวมจะอยู่ที่ 1.15 ล้านคัน เพราะครึ่งปีแรกการเมืองส่งผลกระทบจิตวิทยาการตัดสินใจซื้อผู้บริโภค รวมถึงเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้ครึ่งปีแรกภาพรวมตลาดมียอดขายแค่ 4.4 แสนคันลดลง 40.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

     - ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เมื่อวันที่ 29 ก.ค. มีมติให้ทบทวนการใช้งบประมาณภายใต้การกำกับดูแลสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(สลน.)ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด

   - รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่าวันที่ 29 ก.ค. 2557 ร.ฟ.ท. ได้เปิดซองประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง สัญญา 3 งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลรวมตู้รถไฟฟ้าบางซื่อ-รังสิตและบางซื่อ-ตลิ่งชัน

    - ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยฟื้นสู่ภาวะปกติครั้งใหม่ (New Normal) ซึ่งมี 4 ด้าน ด้านแรก คือ ภาวะเศรษฐกิจไทยที่จะกลับมาขยายตัวได้ 4-5% ในปีหน้า โดยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวแล้วในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ที่ทีเอ็มบีประเมินว่าครึ่งปีหลังจะขยายตัว 4.2% และทั้งปี 2557 จะเติบโตราว 2%

   - สมาคมค้าทองประเมินราคาทองครึ่งปีหลังผันผวน มองกรอบ 1,180-1,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เหตุเศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยง ขณะปัญหาตะวันออกกลางกดดัน พร้อมแนะลงทุนระยะสั้นและขายทำกำไรเมื่อราคาวิ่งใกล้กรอบบน เดินหน้าจับมือตลาดโกลด์ ฟิวเจอร์ส เปิดบริการแลกสัญญาซื้อขายเป็นทองคำจริง ส.ค. นี้

*หุ้นเด่นวันนี้

   - SAT(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"คาดกำไรสุทธิ 2Q14 ลดลง 18% Q-Q และ 7% Y-Y เหลือเพียง 138 ล้านบาทและเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ โดยปรับกำไรสุทธิปี 2014-15 ลงปีละ 9% ทำให้กำไรสุทธิปีนี้หดตัว 35% และกลับมาเติบโต 17% ในปี 2015 และปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 21 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันมี PE เพียง 10.4 เท่า และคาดว่าจะจ่ายปันผลงวดครึ่งปีแรก 0.20 บาท (yield 1.1%)

   - HMPRO(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 11.80 บาท Review: กำไรโตตามคาด การบริโภคเริ่มฟื้น อากาศร้อนหนุนยอดขาย

    - SINGER (ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 22 บาท Preview: คาดกำไร 2Q57 ยังแกร่ง เชื่อครึ่งปีหลังฟื้นตัวดี

    - CPALL(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 56 บาท เล็งออกหุ้นกู้รอบ 3 วงเงิน 4-5 หมื่นล้าน

    - GRAMMY(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 22.80 บาท คาดผลขาดทุน 3Q57 ลดลงอย่างมีนัย หลังขายธุรกิจเพย์ทีวีที่มีผลขาดทุนเดือนละกว่า 200 ล้านบาทให้ CTH และคาดพลิกเป็นกำไรในปี 60 แม้ยังขาดทุนปี 58-59 เนื่องจากเป็นช่วงแรกของการลงทุนทีวีดิจิทัลที่มีต้นทุนคงที่สูง เชื่อเป็นกำลังสำคัญสร้างการเติบโตอนาคต คาดหุ้นจะกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งช่วงแจกคูปองทีวีดิจิทัลในเดือน ก.ย.

    - TMB(เคเคเทรด)เป้าหมายทางเทคนิคที่ 2.98 บาท กำไรสุทธิ 2Q57 โตกว่า 61%QoQ และ 923%YoY ดีกว่าที่ตลาดคาด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการลด NPL ลงทำให้งบดุลดีขึ้น ขณะที่ฐานเงินฝากต้นทุนต่ำที่โตกว่า 20%YoY จะรองรับโครงการขยายสินเชื่อ SME ที่มี NIM สูง สนับสนุนการเติบโตใน 2H57 แผนปรับโครงสร้างค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพและเน้นเพิ่มค่าธรรมเนียมไม่ใช่ดอกเบี้ยจะเพิ่มความสามารถทำกำไรในปี 58-59

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขณะนักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟด

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับขึ้น 0.1% สู่ระดับ 149.58 จุด เมื่อเวลา 9.29 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,616.89 จุด ลดลง 1.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,178.18 จุด ลดลง 5.01 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,704.58 จุด เพิ่มขึ้น 64.05 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,409.62 จุด เพิ่มขึ้น 17.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,064.47 จุด เพิ่มขึ้น 2.50 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,356.07 จุด ลดลง 0.01 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,884.08 จุด เพิ่มขึ้น 6.74 จุด

     หุ้นฮอนด้า มอเตอร์ ค่ายรถชั้นนำของญี่ปุ่น ทะยาน 3.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปีนี้เพิ่มขึ้น 19.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แตะที่ 1.4651 แสนล้านเยน อันเป็นผลจากการเปิดตัวยานยนต์รุ่นใหม่และมาตรการปรับลดค่าใช้จ่าย

    ขณะที่หุ้นโคมัตสึ ผู้ผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น บวก 1% ส่วนหุ้นฮุนได เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ บริษัทต่อเรือรายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ร่วงลง 8.9% หลังบริษัทขาดทุนมากเกินคาดในไตรมาส 2

    ทั้งนี้ นักลงทุนกำลังจับตาดูผลการประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 30 ก.ค. หรือเช้าวันพฤหัสบดีที่ 31 ก.ค.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 19.68 จุด รับผลประกอบการเอกชนสดใส

   ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน

   ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 19.68 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 6,807.75 จุด

    ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่อียูรายหนึ่งจะเปิดเผยว่า ประเทศสมาชิกอียูทั้ง 28 ประเทศมีมิตคว่ำบาตรต่อธนาคารของรัสบาลรัสเซียในการขายหุ้นหรือหุ้นกู้ในยุโรป รวมทั้งจำกัดการส่งออกอุปกรณ์เพื่อยกระดับความทันสมัยให้กับอุตสาหกรรมน้ำมันและผลิตภัณฑ์อื่นที่อาจนำไปใช้ในกองทัพไปยังรัสเซีย

    หุ้นเน็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกชั้นนำของอังกฤษ พุ่งขึ้น 2.6% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 7-10% ในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.5-9.5%

   หุ้นจีเคเอ็น ซึ่งเป็นผู้จัดหาชิ้นส่วนประกอบรายใหญ่ให้กับบริษัทโบอิ้ง โค เพิ่มขึ้น 6.7% หลังเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ผลประกอบการเอกชนสดใส หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่าสหภาพยุโรป (อียู) ได้ประกาศเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย

    ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 342.27 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,365.58 จุด เพิ่มขึ้น 20.81 จุด หรือ +0.48% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,653.63 จุด เพิ่มขึ้น 55.46 จุด หรือ +0.58% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,807.75 จุด เพิ่มขึ้น 19.68 จุด หรือ +0.29%

      ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นยุโรปอ่อนแรงลงหลังจากมีรายงานว่าสหภาพยุโรป (อียู) มีมติใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อรัสเซีย อันเนื่องมาจากความขัดแย้งที่ยังไม่คลี่คลายลงในยูเครน รวมถึงกรณีที่รัสเซียยังคงให้ความช่วยเหลือกลุ่มกบฏในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน

      อย่างไรก็ตาม ตลาดดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนหันไปให้ความสนใจต่อรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทหลายแห่งในยุโรป รวมถึงบริษัทเฟอร์โรเวียล ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างรายใหญ่ของสเปนและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสนามบินฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอน

      ทั้งนี้ หุ้นเฟอร์โรเวียล ปรับตัวขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 168.4 ล้านยูโร ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 145 ล้านยูโร

     หุ้นเน็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกชั้นนำของอังกฤษ พุ่งขึ้น 2.6% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 7-10% ในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.5-9.5%

     ส่วนหุ้นบีพี ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ร่วงลง 2.5% หลังจากบีพีได้แสดงความกังวลว่าการใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซียอาจจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัท โดยบีพีถือหุ้น 19.75% ในบริษัทรอสเนฟท์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลรัสเซีย

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 70.48 จุด หลังสหรัฐ,อียูคว่ำบาตรรัสเซีย

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อข่าวที่ว่า สหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐ ประกาศเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย อันเนื่องมาจากสถานการณ์รุนแรงในยูเครนที่ยังไม่คลี่คลายลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานดัชนีราคาบ้านที่ปรับตัวลดลงในของสหรัฐ

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,912.11 จุด ลดลง 70.48 จุด หรือ -0.42% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,442.70 จุด ลดลง 2.21 จุด หรือ -0.05% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,969.95 จุด ลดลง 8.96 จุด หรือ -0.45%

    ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทเมอร์ก แอนด์ โค และไฟเซอร์ ซึ่งเป็น 2 บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค.

    ทั้งนี้ คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 90.9 จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 86.4 โดยดัชนีเดือนก.ค.ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2550 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

    อย่างไรก็ตาม ตลาดอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อข่าวที่ว่า อียูและสหรัฐได้ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อรัสเซีย อันเนื่องมาจากความขัดแย้งที่ยังไม่คลี่คลายลงในยูเครน รวมถึงกรณีที่รัสเซียยังคงให้ความช่วยเหลือกลุ่มกบฏในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน

    การใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่นี้ อียูได้ควบคุมไม่ให้รัสเซียสามารถเข้าถึงการระดมทุนจากธนาคารและเทคโนโลยีอันทันสมัย ซึ่งรวมถึงการห้ามไม่ให้ธนาคารของรัฐบาลรัสเซียทำการขายหุ้นหรือพันธบัตรในยุโรป ขณะที่สหรัฐพุ่งเป้าไปที่ธนาคารของรัฐบาลรัสเซีย 3 แห่งของรัสเซีย รวมทั้งอุตสาหกรรมพลังงานและการผลิตอาวุธ

   นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ที่ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งขยายตัวช้าลงเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.ที่ 10.8% และขยายตัวได้น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 10%

   หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส) ซึ่งเป็นบริษัทบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ระดับโลก ร่วงลง 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.55 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

    หุ้นเมอร์ก แอนด์ โค ดีดตัวขึ้น 1.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 85 เซนต์ต่อหุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4 เซนต์ต่อหุ้น

    หุ้นวินด์สตรีม โฮลดิ้งส์ อิงค์ พุ่งขึ้น 12% หลังจากบริษัทเผยว่าจะกระจายสินทรัพย์บางส่วนเข้าสู่กองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์

     นักลงทุนกำลังจับตาดูผลการประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 30 ก.ค. โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์

   นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ คาดว่าจีดีพีสหรัฐจะขยายตัวแข็งแกร่งถึง 3.5% ส่วนในวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ค. ซึ่งคาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 250,000 ราย

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!