- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 23 September 2016 10:22
- Hits: 1737
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นเช่นเดียวกับตลาดภูมิภาค, พบสัญญาณการซื้อคืนของบรรดากองทุน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่เช้านี้อยู่ในแดนบวก เนื่องจากยังรับผลบวกจากผลประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่มีประเด็นเรื่องคงแผนขยายฐานเงินจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% และยังรับผลบวกจากผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน และยังมีการผ่อนปรนจำนวนครั้งในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในแต่ละปีในอนาคตด้วย จึงส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลเข้า และเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง
ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราจะเห็นได้ว่ามีเม็ดเงินทุนไหลเข้ามาที่หุ้นขนาดใหญ่ ประกอบกับมีสัญญาณการซื้อคืนของบรรดากองทุนด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,497-1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510 ถัดไป 1,520-1,525 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,392.46 จุด เพิ่มขึ้น 98.76 จุด (+0.54%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,339.52 จุด เพิ่มขึ้น 44.34 จุด (+0.84%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,177.18 จุด เพิ่มขึ้น 14.06 จุด (+0.65%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 47.78 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.48 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 76.80 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.99 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.59 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 5.81 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ก.ย.59) 1,505.99 จุด เพิ่มขึ้น 18.82 จุด (+1.27%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,004.44 เมื่อวันที่ 22 ก.ย.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 ก.ย.59) ปิดที่ 46.32 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 98 เซนต์ หรือ 2.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ก.ย.59) ที่ 7.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.65/67 ทรงตัวหลังไร้ปัจจัยใหม่ มองกรอบวันนี้ 34.60-34.70
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25-0.50% ส่งผลให้ค่าเงินบาทและเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้รุนแรงมากนัก เนื่องจากผลการประชุมเป็นไปตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ และในแถลงการณ์ของเฟดเริ่มแสดงความมั่นใจถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เข้มแข็งขึ้น รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี 2559 นี้
- นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า จากแผนพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ๆ ของภาครัฐจำนวนมากที่จะขยายไปหลายพื้นที่ชานเมือง จึงตั้งความหวังให้สำนักงานผังเมืองรวม กทม. เพิ่มอัตราส่วนการใช้ประโยชน์ในที่ดิน หรือเอฟเออาร์ ในหลายพื้นที่ 30-50% จากปัจจุบัน เพื่อให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินได้เต็มประสิทธิภาพ ลดปัญหาที่ดินแพง เพราะราคาที่ดินที่สูงขึ้นจากการที่มีรถไฟฟ้าผ่าน แต่มีข้อจำกัดเรื่องเอฟเออาร์ ทำให้ราคาคอนโดมิเนียมปรับสูงขึ้น สะท้อนได้จากปัจจุบันคอนโดมิเนียม 1-2 ล้านบาท หลุดจากแนวรถไฟฟ้าไปแล้ว
- กระทรวงการคลังจะออกมาตรการทำประกันภัยอุบัติเหตุให้กับผู้ที่มาลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยจำนวน 8.3 ล้านราย หากเสียชีวิตจะได้เงิน 1 แสนบาท และหากบาดเจ็บหรือป่วยทำงานไม่ได้ จะได้ค่าชดเชยวันละ 300 บาท มาตรการดังกล่าวเพื่อช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยมีความมั่นคงมากขึ้น คาดว่าจะดำเนินการได้ในเดือน พ.ย. 2559 นี้
- สมคิด" สั่ง ธอส.จัดให้คนไทยมีบ้าน เน้น 5 กลุ่มบ้านผู้สูงอายุ บ้านราชการ บ้านลูกกตัญญู ฉัตรชัยเตรียมเงิน 6 หมื่นล้านสนองนโยบาย พร้อมประสาน ร.ฟ.ท. การเคหะ ธนารักษ์ หาที่ดิน
- บอร์ด AOT เห็นชอบแผนพัฒนาสนามบินหาดใหญ่ 20 ปีวงเงินกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท มั่นใจรองรับผู้โดยสารได้ถึง 10 ล้านคนต่อปีในอนาคต
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCB (ยูโอบี เคย์เฮียน) จากปัจจัยพื้นฐานของธนาคารที่ดี จึงคาดว่ารายได้ของธนาคารจะยังเติบโตขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชนในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ในสถานการณ์ที่สภาวะเศรษฐกิจอ่อนตัวลงคุณภาพทรัพย์สินที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมาน่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ credit cost กลับมาอยู่ในระดับปกติ นอกจากนี้ SCB ยังเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่จ่ายปันผลโดดเด่นที่ระดับ 4%
- AOT (เออีซี) "ซื้อลงทุน"เป้า 450 บาท ปี 58/59 คาดกำไรปกติโต 20.2%YoY และโตต่อ ปีละ 13.5% ในปี 59/60-60/61 จากเปิด AEC และธุรกิจเที่ยวไทยที่ยังสดใส นอกจากนี้ AOT ยังมีแผนขยายสนามบินทั้ง 6 แห่ง เพื่อรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 181.0 ล้านคน/ปี จากปัจจุบันที่ 83.5 ล้านคน/ปี และราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 11.4%
- BA (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 34.25 บาท ช่วง 2H59 คาดกำไรโตเด่น YoY จากการท่องเที่ยวเกาะสมุยที่สดใสและต้นทุนราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง หนุนให้คาดปี 59 กำไรปกติยังโตเด่น 20.1%YoY และโตต่อปีละ 27.1% ในปี 60-61 จากการปรับปรุงสนามบินสมุยและเพิ่มฝูงบิน และมี Upside 37% และคาดให้ Div. Yield ปีละ 4.4%
- CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 68 บาท แม้ 3Q จะเป็น low season ของธุรกิจค้าปลีก ผลประกอบการของกลุ่มจึงมักแผ่วลง แต่เราคาดว่า CPALL จะยังมี Same store sales growth เป็นบวก และสูงกว่าค้าปลีกรายอื่นในกลุ่ม ซึ่งจะเป็นการบวกติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 7 ยาวนานที่สุดในกลุ่ม เพราะ Stamp promotion ที่เริ่ม 26 ก.ค. ถึง 25 พ.ย. และได้รับการตอบรับที่ดี เข้ามาช่วย แม้ราคาปัจจุบันจะคิดเป็น 2017PE 30 เท่าและ PEG 2 เท่า สูงกว่ากลุ่ม แต่เสถียรภาพของกำไรและ ROE ที่สูงกว่ากลุ่ม
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ หลังเยนแข็งค่าฉุดตลาดหุ้นญี่ปุ่นอ่อนตัว
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ โดยการนำของตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ได้รับแรงกดดันจากเงินเยนที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งการแข็งค่าของเงินเยนได้ฉุดหุ้นกลุ่มส่งออกร่วงลง
ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.3% สู่ระดับ 141.82 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,759.84 จุด ลดลง 47.78 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,044.79 จุด เพิ่มขึ้น 2.48 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,836.60 จุด เพิ่มขึ้น 76.80 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,240.25 จุด เพิ่มขึ้น 4.99 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,053.22 จุด เพิ่มขึ้น 3.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,853.65 จุด เพิ่มขึ้น 7.59 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,663.85 จุด ลดลง 5.81 จุด
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดพุ่ง 76.63 จุด ขานรับเฟดตรึงอัตราดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งช่วยหนุนมุมมองที่เป็นบวกว่า ธนาคารกลางที่สำคัญต่างๆ จะยังคงใช้นโยบายที่กระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างอย่างต่อเนื่อง
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 76.63 จุด หรือ 1.12% แตะที่ 6,911.40 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
เฟดยังได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ โดยระบุในแถลงการณ์ว่า "ปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้มีน้ำหนักมากขึ้น"
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ต่างก็ได้รับอานิสงส์จากการตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน หุ้นเกลนคอร์ และหุ้นแองโกล อเมริกัน ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3.2%
หุ้นแลมเพรลล์ ผู้ให้บริการแท่นขุดเจาะน้ำมันรายใหญ่ของอังกฤษพุ่งขึ้น 9.8% หลังจากมีรายงานคาดการณ์ว่า บริษัทจะมีสถานะเงินสดที่แข็งแกร่งมากขึ้นในช่วงอีกหลายเดือนข้างหน้า ในขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทจะมีเงินสดสำรองในการรองรับความเสี่ยงจากการสั่งซื้อในปี 2560
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับเฟดตรึงดอกเบี้ย,ราคาน้ำมันพุ่ง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.6% ปิดที่ 347.86 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,509.82 จุด พุ่งขึ้น 100.27 จุด หรือ +2.27% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,674.18 จุด ทะยานขึ้น 237.69 จุด หรือ +2.28% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,911.40 จุด เพิ่มขึ้น 76.63 จุด หรือ +1.12%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงในระยะใกล้ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจนั้น อยู่ในระดับค่อนข้างสมดุล ซึ่งเป็นการใช้ประโยคดังกล่าวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งในเดือนดังกล่าวเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น ภายหลังจากมีรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงอย่างมากในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย Eni SpA ปรับตัวขึ้น 1.1% หุ้นโททาล พุ่งขึ้น 3.7% หุ้นบีพี ทะยานขึ้น 2.4%
ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 4.1% หุ้นโบลิเดน ทะยานขึ้น 4.6% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส พุ่งขึ้น 4.4%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติฝรั่งเศส (Insee) รายงานว่า ความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตในฝรั่งเศสปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 103 ในเดือนก.ย. จากระดับ 101 ในเดือนส.ค.
ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตในฝรั่งเศสจะทรงตัวที่ระดับ 101 ในเดือนก.ย.
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 98.76 จุด รับเฟดตรึงดบ.,ข้อมูลแรงงานสดใส
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) โดยตลาดปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับการตรึงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมครั้งล่าสุด นอกจากนี้ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ยังช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อตลาดแรงงานสหรัฐ
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,392.46 จุด เพิ่มขึ้น 98.76 จุด หรือ +0.54% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,339.52 จุด เพิ่มขึ้น 44.34 จุด หรือ +0.84% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,177.18 จุด เพิ่มขึ้น 14.06 จุด หรือ +0.65%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงคึกคัก หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ เฟดยังได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ โดยระบุในแถลงการณ์ว่าว่า "ปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้มีน้ำหนักมากขึ้น"
ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลงสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยลดลง 8,000 ราย สู่ระดับ 252,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 262,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์ก โดยหุ้นทรานส์โอเชียน พุ่งขึ้น 5.6% หุ้นเมอร์ฟีย์ ออยล์ ทะยานขึ้น 4.3% หุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิ่ง พุ่งขึ้น 2.7% และหุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ปรับตัวขึ้น 2.4%
ส่วนหุ้นบริษัทรายใหญ่และมีทุนจดทะเบียนสูงในตลาด ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยี ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1%
หุ้นแอปเปิลดีดตัวขึ้น 0.9% หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์กำลังเจรจาเพื่อซื้อกิจการบริษัทแมคลาเรน เทคโนโลยี กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ซูเปอร์คาร์ของอังกฤษ และเป็นเจ้าของทีมรถแข่งสูตรหนึ่ง โดยการเจรจาดังกล่าวบ่งชี้ว่า แอปเปิลกำลังแตกไลน์เข้าสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ นอกเหนือจากการผลิตไอโฟน ไอแพด และอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีอื่นๆ
นักลงทุนจับตาตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื่องต้นเดือนก.ย. โดยมาร์กิตจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้เวลา 20.45 น.ตามเวลาไทย