WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET71ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังผลประชุม ECB ไร้มาตรการกระตุ้นศก.เพิ่ม

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวลง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็ปรับตัวลง เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯปรับตัวลงเช่นกัน ภายหลังจากที่ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม ทั้งไม่ลดดอกเบี้ย และไม่มีการขยายระยะเวลาการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ดังนั้น Sentiment จากต่างประเทศอาจส่งผลมาถึงตลาดหุ้นไทยด้วย

      ส่วนปัจจัยในประเทศก็ยังกังวลเรื่องเดิม ๆ อย่างไรก็ดี หากดัชนีฯลงมาต่ำกว่าระดับ 1,450 จุด ก็มีโอกาสที่มีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง เนื่องจากสัปดาห์นี้ตลาดฯได้ปรับตัวลงไปเกือบ 5% แล้ว และสัญญาณทางเทคนิคก็เข้าเขต Oversold ด้วย อีกทั้งเมื่อคืนที่ผ่านมาราคาน้ำมันก็ดีดตัวแรงหลังจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯได้ปรับตัวลงมาก

พร้อมให้แนวรับ 1,440-1,430 จุด ส่วนแนวต้าน 1,470-1,475 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (8 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,479.91 จุด ลดลง 46.23 จุด (-0.25%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,259.48 จุด ลดลง 24.45 จุด (-0.46%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,181.30 จุด ลดลง 4.86 จุด (-0.22%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 35.60 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 0.52 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 45.52 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 14.79 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 16.18 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.26 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 11.68 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ก.ย.59) 1,455.38 จุด ลดลง 31.82 จุด (-2.14%)

     - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 645.27 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ก.ย.59

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (8 ก.ย.59) ปิดที่ 47.62 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.12 ดอลลาร์ หรือ 4.7%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ก.ย.59) ที่ 6.09 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 34.77/78 แนวโน้มอ่อนค่าต่อ ไร้ปัจจัยใหม่หลัง ECB คงดอกเบี้ย-QE ตามเดิม

      - รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึง 8 ก.ย.นี้  ธปท.ได้เข้าดูดซับสภาพคล่องในระบบการเงินภายหลังจากเข้าดูแลค่าเงินบาทผ่านการรับซื้อเงินเหรียญสหรัฐ จนทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 1.93 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จากเมื่อต้นปีมีทุนสำรองที่ 1.69 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8.24 แสนล้านบาท (คิดที่อัตราแลกเปลี่ยนที่ 34.50 บาท)

     - มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ส.ค. 2559 พบว่ามีค่าดัชนีอยู่ที่ 73.2 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่อยู่ 72.5 เป็นปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากประชาชนเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพทางการเมืองหลังลงประชามติ ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย ปัญหาภัยแล้งคลายตัวล้วนเป็นปัจจัยบวก

     - ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเอกฉันท์ 183 เสียง เห็นชอบวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 วงเงิน 2,733,000 ล้านบาท โดยใช้เวลาประชุมเพียงแค่ 2 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

      - ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศคงมาตรการทางการเงินในระดับเดิม จากเมื่อเดือน มี.ค. โดยคงอัตราดอกเบี้ย 3 ตัวหลัก ได้แก่ ดอกเบี้ยเงินฝากที่ ระดับติดลบ 0.4% ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ 0% ดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ที่ 0.25% และคงมาตรการซื้อคืนสินทรัพย์ (คิวอี) วงเงิน 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน (ราว 3 ล้านล้านบาท) สิ้นสุดในเดือน มี.ค. 2560 โดยให้เหตุผลเบื้องต้นว่า ต้องการรอดูผลกระทบของการที่สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิต) มากกว่านี้ก่อน

      - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ล่าสุด ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า จำนวนที่อยู่อาศัยที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อปล่อยกู้ใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปล่อยสินเชื่อใหม่สำหรับซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 3,518 ยูนิต ลดลงจากเดือนก่อนหน้าถึง 36.3%

*หุ้นเด่นวันนี้

       - BBL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 200 บาท laggard กลุ่มมาตั้งแต่ต้นปี เพราะความกังวลต่อการปล่อยกู้และค้ำประกันในธุรกิจสื่อสารและทีวีดิจิตอล ซึ่งหลายกรณีมีความชัดเจนไปแล้ว เหลือเพียงการปิดตัวของ CTH ซึ่งมีมูลหนี้กับ BBL ราว 1.4 หมื่นล้านบาทในปี 56 (ปัจจุบันยอดคงค้างน่าจะลดลงแล้ว) หากอิงหลักประกันที่ 50% คาดกระทบมูลค่าทางบัญชีเพียง 3 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรครึ่งปีหลัง คาดว่าดีกว่าครึ่งปีแรก แต่เพราะการตั้งสำรองสูงทั้งปีทำให้กำไรปีนี้ -7.5% และคาดเติบโตช้าๆ +4.6% ในปีหน้า ราคาหุ้นปัจจุบันมี PBV ปี 60 ต่ำเพียง 0.8 เท่า

      - BLA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 51 บาท แนวโน้มกำไรใน 2H59 ดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะเน้นการขายประกันแบบคุ้มครองสุขภาพและออมหลังเกษียณ ลดน้ำหนักการขายประกันระยะสั้นที่แม้จะเป็นที่นิยม แต่มีอัตรากำไรต่ำ และมีความเป็นไปได้ที่ BLA จะกลับรายการสำรองส่วนเกินที่เหลืออีกราว 800 ล้านบาทใน 3Q59 โดยยังคงคาดกำไรปีนี้ +31% จากการตั้งสำรองเบี้ยประกันลดลง ปีหน้า +9% และมีโอกาสดีกว่าคาดถ้าดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น

      - PTT (โกลเบล็ก) เป้า 357 บาท Sentiment เชิงบวกจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น และคาดกำไรปี 59 ที่ 9.07 หมื่นล้านบาท +355%YoY จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงธุรกิจสำรวจและผลิตก๊าซมีแนวโน้มผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซฯ และมีโรงไฟฟ้าเปิดใหม่เพิ่มขึ้นทำให้มีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งบริษัทวางแผนขยายท่าเรือก๊าซธรรมชาติเหลวเป็น 10 ล้านตัน ขยายแนวท่อก๊าซฯ และเปิดสถานีจำหน่ายน้ำมันในเมียนมา ลาว กัมพูชาเพิ่มเติม และมีแผนนำธุรกิจ Non-oil ส่วน Retail เข้าจดทะเบียนในตลท.

      -  CPF (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลประกอบการจะสูงที่สุดในช่วง 3Q59 เนื่องจาก 1) ราคาไก่ที่อยู่ในระดับสูงจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากการนำเข้าไก่จากญี่ปุ่น และผลกระทบของการห้ามนำเข้าไก่ปู่ย่าพันธุ์จากสหรัฐตั้งแต่ต้นปี 2558 จากโรคระบาดไข้หวัดนก 2) ธุรกิจกุ้งที่เริ่มฟื้นตัว และ 3) ราคาอาหารสัตว์ที่คงที่

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ หลังนักลงทุนผิดหวัง ECB

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ประกาศขยายช่วงเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวานนี้

    ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 0.5% สู่ระดับ 141.30 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.10 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,994.37 จุด เพิ่มขึ้น 35.60 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,095.43 จุด ลดลง 0.52 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,924.77 จุด เพิ่มขึ้น 5.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,217.37 จุด ลดลง 45.52 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,048.94 จุด ลดลง 14.79 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,878.30 จุด ลดลง 16.18 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,691.12 จุด ลดลง 0.26 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,678.75 จุด เพิ่มขึ้น 11.68 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 12.12 จุด รับข่าวควบรวมกิจการภาคเอกชน

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทเอกชน

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 12.12 จุด หรือ 0.18% แตะที่ 6,858.70 จุด

    ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มเขึ้นหลังจากบริษัทไมโคร โฟกัส อินเตอร์เนชันแนล ประกาศว่า บริษัทจะควบรวมกิจการกับบางธุรกิจซอฟต์แวร์ของบริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรซ์ โค

       หุ้นไมโคร โฟกัส อินเตอร์เนชันแนล พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยข้อมูลการทำข้อตกลงทางธุรกิจ

       หุ้นดิกซอนส์ คาร์โฟน เพิ่มขึ้น 4% หลังรายงานว่าบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นและไม่ได้รับผลกระทบจากการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit)

      หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นไอเอจี เอสอี และหุ้นอีซีเจ็ทต่างก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 3.7% หลังจากผู้บริหารในอุตสาหกรรมหลายคนระบุว่า สามารถควบคุมผลกระทบจากการแยกตัวออกจาก Brexit

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ ตลาดผิดหวัง ECB เมินขยายเวลา QE

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ประกาศขยายช่วงเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวานนี้

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.3% ปิดที่ 349.32 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,542.20 จุด ลดลง 15.46 จุด หรือ -0.34% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,675.29 จุด ลดลง 77.69 จุด หรือ -0.72% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,858.70 จุด เพิ่มขึ้น 12.12 จุด หรือ +0.18%

     ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงหลังจากที่ประชุม ECB ไม่ได้ประกาศขยายช่วงเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ECB ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2017 และ 2018 สู่ระดับ 1.6% จากเดิมที่ 1.7%

   ทั้งนี้ ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับ ECB คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB นอกจากนี้ ECB ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

     ขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน และไม่มีการขยายช่วงเวลาในการดำเนินนโยบายดังกล่าวที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2017 โดยระบุเพียงว่าจะมีการขยายช่วงเวลาดังกล่าวออกไป หากมีความจำเป็น

    อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นดอยช์ แบงก์ ดีดตัวขึ้น 1.2% หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ปรับขึ้น 1.8% และหุ้นบังโค ซานตานเดร์ พุ่งขึ้น 2.3%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 46.23 จุด เหตุตลาดผิดหวัง ECB,หุ้นแอปเปิลร่วงหนัก

  ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ประกาศขยายช่วงเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นแอปเปิล หลังจากกระแสตอบรับการเปิดตัว "ไอโฟน 7" เริ่มแผ่วลง

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,479.91 จุด ลดลง 46.23 จุด หรือ -0.25% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,259.48 จุด ลดลง 24.45 จุด หรือ -0.46% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,181.30 จุด ลดลง 4.86 จุด หรือ -0.22%

     ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากที่ประชุม ECB ไม่ได้ประกาศขยายช่วงเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ECB ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2017 และ 2018 สู่ระดับ 1.6% จากเดิมที่ 1.7%

   ทั้งนี้ ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับ ECB คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB นอกจากนี้ ECB ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

    ขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน และไม่มีการขยายช่วงเวลาในการดำเนินนโยบายดังกล่าวที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2017 โดยระบุเพียงว่าจะมีการขยายช่วงเวลาดังกล่าวออกไป หากมีความจำเป็น

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นแอปเปิลที่ร่วงลง 2.6% หลังจากกระแสตอบรับการเปิดตัว "ไอโฟน 7" เริ่มซาลง โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายทิม คุก ผู้บริหารแอปเปิลได้เปิดตัวทั้งไอโฟน 7, แอปเปิล วอทช์ ซีรีส์ 2 ซึ่งสามารถเปิดใช้แอพพลิเคชั่น Pokemon Go และการเปิดให้ผู้ใช้ไอโฟนสามารถดาวน์โหลดเกม Super Mario จาก App Store

    ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นฮิวเล็ต แพคการ์ด ดิ่งลง 3.2% หลังจากบริษัทตกลงขายธุรกิจซอฟท์แวร์ให้กับบริษัทไมโคร โฟกัส มูลค่า 8.8 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นอินเทลปรับตัวลง 0.3%

     อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 4% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว

     ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 14% หุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิ่ง ทะยานขึ้น 9% หุ้นอาปาเช่ คอร์ป พุ่งขึ้น 7% หุ้นเซาท์เวสต์ เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 7.2% และหุ้นเมอร์ฟีย์ ออยล์ ดีดตัวขึ้น 6.8%

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน จากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 259,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 ก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค.

   อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!