WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET33ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์ตามภูมิภาคเล็งเฟดไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยหลังตัวเลขจ้างงานแย่กว่าคาด

   นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ที่ติดลบอันเนื่องมาจากปัญหาภายใน

    ทั้งนี้ ตลาดฯได้รับผลบวกจากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯที่ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ (ก.ย.) ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีดกลับขึ้นมา โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ

     ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังได้รับผลดีจากการปรับน้ำหนักลงทุนตามดัชนี FTSE คาดว่าจะมีเม็ดเงินทยอยไหลเข้ามาในตลาดฯ อีกประมาณ 956 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีความคาดหวังในการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 8 ก.ย.นี้ โดยคาดหวังว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มเติม

พร้อมให้แนวรับ 1,515-1,516 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530-1,535 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,491.96 จุด เพิ่มขึ้น 72.66 จุด (+0.39%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,249.90 จุด เพิ่มขึ้น 22.69 จุด (+0.43%), ดัชนี S&P500 ปิดที่  2,179.98 จุด เพิ่มขึ้น 9.12 จุด (+0.42%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 205.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.36 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 309.61 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 44.83 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.88 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 24.57 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.48 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ก.ย.59)  1,521.48 จุด ลดลง 18.23 จุด (-1.18%)

    - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 123.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ก.ย.59

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 ก.ย.59) ปิดที่ 44.44 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.28 ดอลลาร์ หรือ 3%

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ก.ย.59) ที่ 6.09 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเปิด 34.64 แนวโน้มอ่อนค่า หลังสหรัฐฯเผยตัวเลขจ้างงานต่ำกว่าคาด

      - กรมธุรกิจพลังงานเผยปั๊มแอลพีจีเดือน ก.ค.อยู่ที่ 2,079 แห่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเพียง 36 แห่งชี้ให้เห็นถึงอัตราการเติบโตที่เริ่มชะลอตัวลงมากคาดแนวโน้มจะลดลงแน่นอน ส่วนภาคขนส่งหันไปใช้น้ำมันแทนช่วงราคาต่ำและอนาคตหากมีรถไฟฟ้าจะไปทิศทางนี้เพิ่มขึ้น แถมจ้องรีดภาษีฯแอลพีจีขนส่งเพิ่มอีก 3 บาท/ลิตรเพื่อให้เท่ากับผู้ใช้น้ำมัน

     - นายกรัฐมนตรี แสดงวิสัยทัศน์ตอนหนึ่งระหว่างการประชุมผู้นำกลุ่ม 20 (จี20) วาระที่ 1 หัวข้อ "การประสานนโยบายและแนวทางการพัฒนาใหม่ๆ เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ที่ประเทศจีน เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่าในสภาวะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และเผชิญกับความท้าทายในหลากมิติ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันมากขึ้น ด้วยการผนึกกำลังสร้างความร่วมมือรูปแบบใหม่เพื่อเป็น "ยานยนต์แห่งศตวรรษที่ 21" ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกสู่แนวทางการพัฒนาใหม่

    - ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่องเชื่อทั้งปีนี้จะโตได้มากกว่าเป้าที่คลังตั้งไว้ที่ 3.5% โดยจะเร่งการลงทุนภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนในช่วงที่เหลือ 4 เดือนให้มากที่สุด ในส่วนภาครัฐไม่มีปัญหาเพราะคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายของปีงบประมาณ 2559 ทั้งงบเหลื่อมปีให้เบิกจ่ายให้ได้สิ้นปี 2559 ส่วนงบปี 2560 ก็ให้เร่งเบิกจ่ายงบลงทุนที่ไม่เกิน 2 ล้านบาทให้ได้ภายในสิ้นปี ส่วนงบจัดอบรมสัมมนาจะต้องเบิกจ่ายให้ได้ 50% ภายในสิ้นปีนี้เช่นกัน

     - ตลาดอสังหาริมทรัพย์แผ่ว อุปสงค์ยังชะลอ แต่เริ่มเห็นสัญญาณผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้นเดือนเดียวเพิ่มขึ้น 3,078 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 55.1% ขณะที่ยอดอนุมัติสินเชื่อใหม่ในกลุ่มนี้ลดลง 2,006 หน่วย หรือหดตัว 36.3% ด้าน ธปท.ระบุยังไม่น่าห่วง

*หุ้นเด่นวันนี้

    - EPG (โกลเบล็ก) เป้า Consensus สูงสุด 19 บาท คาดกำไรปี 2016 ที่ 1,400-1,600 ล้านบาท โดยบริษัทยืนยันเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 20-25% เป็น 1-1.1 หมื่นลบ. เนื่องจากเน้นสินค้าที่เป็น Innovation ทำให้ Demand สินค้าเพิ่มขึ้นมากโดยตั้งเป้า Gross Margin ระดับ 28-32%  Net Margin ที่ราว 15% และโรงงานแห่งใหม่ EPP เฟส 2 พร้อมเดินเครื่องผลิตใน Q2/17 ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นซึ่งหากเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตจะสามารถเพิ่มยอดขายได้เป็น 4,000 ลบ./ปี

     - PTTGC (ไอร่า) เป้า 78 บาท แนวโน้ม 2H/59 ดีขึ้นโรงงานโอเลฟินส์กลับมาผลิตตามปกติ และคาดกลับมาเป็นตัวทำกำไรหลักอีกครั้ง หลังจากโรงงาน ethane cracker กำลังการผลิต 1 ล้านตัน จะกลับมาผลิตได้ 100% ในเดือน ส.ค.ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ล่าสุดราคา HDPE อยู่ที่ 1,165 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และมีโอกาสปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ พร้อมคาดปี 59 เติบโตดี และไม่มีผลขาดทุนมากจากสต็อกน้ำมันอีก คาดรายได้และกำไรสุทธิ 433,552 ล้านบาท และ 27,035 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% และ 32% ตามลำดับ

   - TWZ (เคจีไอ) เป้า 0.49 บาท คาดรับอานิสงส์เชิงบวก iPhone7 คือจะได้สินค้าตกรุ่น (เช่น iPhone6) มาทำโปรโมชั่นคู่กับการขายซิม AIS (TWZ ได้ทั้งการขายโทรศัพท์และค่าคอมฯการเปิดซิม) โดยล่าสุดฝ่ายวิจัยเคจีไอไต้หวันออกบทวิเคราะห์Apple Insight"คาดผลตอบรับ iPhone7 ก.ย.นี้ไม่ดีเท่า iPhone6 หากเป็นจริง และราคา iPhone6 ลดลง จะเป็นบวกต่อ TWZ นอกจากนี้ คาดแนวโน้มกำไร Q3/59 เติบโตแบบ YoY และมีโอกาสโต QoQ จากรับรู้ The Wiz รัชดาฯ ยอดขาย 190 ล้านบาท หากสมมติฐานอัตรากำไรสุทธิ 15% จะบันทึกกำไร 29 ล้านบาท

   - KTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"ราคาหุ้นยังขยับขึ้นต่อเนื่องและยังมี upside กว่า 20% จากราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 168 บาท จุดเด่นคือคุณภาพหนี้ที่ NPL ต่ำกว่าอุตสาหกรรมมาก ขณะที่กำรที่เราคาดการเติบโตได้ 15-20% ในช่วงปี 60-62 ยังมี upside จากสำรองฯที่ไม่จำเป็นต้องตั้งเพิ่มแล้วเพราะ Coverage ratio ที่สูงถึง 439% และค่าการตลาดที่มีโอกาสต่ำกว่าคาด

ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ รับคาดการณ์เฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยเดือนนี้

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนก.ย. หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรที่น่าผิดหวัง

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ทะยาน 0.5% สู่ระดับ 138.91 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,131.52 จุด เพิ่มขึ้น 205.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,070.71 จุด เพิ่มขึ้น 3.36 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,576.31 จุด เพิ่มขึ้น 309.61 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,032.38 จุด เพิ่มขึ้น 44.83 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,049.19 จุด เพิ่มขึ้น 10.88 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,828.49 จุด เพิ่มขึ้น 24.57 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,667.31 จุด ลดลง 4.48 จุด

    ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 151,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นถึง 180,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.8%

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดพุ่ง 148.63 จุด รับคาดการณ์เฟดจะไม่รีบขึ้นดบ.

      ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 148.63 จุด หรือ 2.20% ที่ระดับ 6,894.60 จุด

    ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ออกมาต่ำเกินคาดของสหรัฐจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนนี้

    ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9%

   นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.8%

     ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 126,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 25,000 ตำแหน่ง

     หุ้นโก-อะเฮด กรุ๊ป พุ่งขึ้น 10% หลังจากเปิดเผยรายได้ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

      หุ้นเซโกร ซึ่งเป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ของอังกฤษลดลง 1.9% หลังระบุว่าบริษัทจะออกหุ้นเพิ่ม

    หุ้นคาร์นิวัลลดลง 4.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดนำหนักการลงทุนในหุ้นของผู้ประกอบการเรือโดยสารยักษ์ใหญ่ลง

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง หลังนักลงทุนลดคาดการณ์เฟดขึ้นดบ.

                ตลาดหุ้นยุโรปพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนครึ่งเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) หลังจาก CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนได้ลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนต่างๆลง หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาด

     ดัชนี Stoxx 600 เพิ่มขึ้น 2% ปิดที่ 350.44 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,542.17 จุด เพิ่มขึ้น 102.50 จุด หรือ +2.31% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 10,683.82 จุด เพิ่มขึ้น 149.51 จุด หรือ +1.42% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,894.60 จุด เพิ่มขึ้น 148.63 จุด หรือ +2.20%

     ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9%

    นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.8%

     ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 126,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 25,000 ตำแหน่ง

    ทั้งนี้ นักลงทุนได้ลดความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.สู่ระดับ 18% จากเดิมที่ 27% ส่วนเดือนพ.ย.ปรับลดลงสู่ 24.8% จากระดับ 31.6% และเดือนธ.ค.ปรับลดลงสู่ 53.5% จาก 57.6%

    ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์เห็นพ้องกันว่า หากตัวเลขการจ้างงานที่จะมีการรายงานในคืนนี้ ออกมาสูงกว่า 200,000 ตำแหน่ง ก็จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนอย่างมากสำหรับเฟดในการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.

   อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องและเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในเดือนธ.ค.

     หุ้นแอคคอร์ เอสเอ ซึ่งเป็นเครือข่ายโรงแรมยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 3.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของธนาคารบาร์เคลย์สปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของบริษัท

    หุ้นเอสบีเอ็ม ออฟชอร์ เอ็นวี ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเกี่ยวกับน้ำมันร่วงลง 11% ที่ตลาดหุ้นเนเธอร์แลนด์ หลังจากระบุว่า เจ้าหน้าที่อัยการของบราซิลได้ปฏิเสธการทำข้อตกลงด้านการผ่อนผันกับเจ้าหน้าที่ของบราซิลในช่วงก่อนหน้านี้ ตามข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการติดสินบนในอุตสาหกรรมน้ำมัน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก:ดาวโจนส์ปิดบวก 72.66 จุด หลังคาดเฟดยังไม่ปรับขึ้นดบ.

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนก.ย. หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรที่น่าผิดหวัง

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 72.66 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 18,491.96 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 9.12 จุด หรือ 0.42% ปิดที่  2,179.98 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 22.69 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 5,249.90 จุด

    ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9%

     นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.8%

     ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 126,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 25,000 ตำแหน่ง

     ขณะเดียวกัน ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ได้เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.

     ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 62.8%

     นักวิเคราะห์จับตาการรายงานข้อมูลการจ้างงานอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินความเคลื่อนไหวของเฟดในการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

    นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในเดือนก.ค. โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 เดือน

   ทั้งนี้ สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าลดลง 11.6% ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 3.95 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากเพิ่มขึ้น 3 เดือนติดต่อกัน

   นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะขาดดุลการค้าลดลงสู่ 4.27 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.

   หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ลดลง 4.7% เนื่องจากนักวิเคราะห์ของบริษัทมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของบริษัท

    หุ้นลูลูเลมอน แอตลีตติกา อิงค์ ร่วงลง 11% หลังเปิดเผยการคาดการณ์ผลประกอบการณ์ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกว่า ตลาดเสื้อผ้านักกีฬาอาจจะชะลอตัวลง

  อินโฟเควสท์

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์ตามภูมิภาคเล็งเฟดไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยหลังตัวเลขจ้างงานแย่กว่าคาด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ที่ติดลบอันเนื่องมาจากปัญหาภายใน
ทั้งนี้ ตลาดฯได้รับผลบวกจากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯที่ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ (ก.ย.) ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีดกลับขึ้นมา โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังได้รับผลดีจากการปรับน้ำหนักลงทุนตามดัชนี FTSE คาดว่าจะมีเม็ดเงินทยอยไหลเข้ามาในตลาดฯ อีกประมาณ 956 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีความคาดหวังในการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 8 ก.ย.นี้ โดยคาดหวังว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มเติม
พร้อมให้แนวรับ 1,515-1,516 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530-1,535 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,491.96 จุด เพิ่มขึ้น 72.66 จุด (+0.39%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,249.90 จุด เพิ่มขึ้น 22.69 จุด (+0.43%), ดัชนี S&P500 ปิดที่  2,179.98 จุด เพิ่มขึ้น 9.12 จุด (+0.42%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 205.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.36 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 309.61 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 44.83 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.88 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 24.57 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.48 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ก.ย.59)  1,521.48 จุด ลดลง 18.23 จุด (-1.18%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 123.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ก.ย.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 ก.ย.59) ปิดที่ 44.44 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.28 ดอลลาร์ หรือ 3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ก.ย.59) ที่ 6.09 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.64 แนวโน้มอ่อนค่า หลังสหรัฐฯเผยตัวเลขจ้างงานต่ำกว่าคาด
- กรมธุรกิจพลังงานเผยปั๊มแอลพีจีเดือน ก.ค.อยู่ที่ 2,079 แห่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเพียง 36 แห่งชี้ให้เห็นถึงอัตราการเติบโตที่เริ่มชะลอตัวลงมากคาดแนวโน้มจะลดลงแน่นอน ส่วนภาคขนส่งหันไปใช้น้ำมันแทนช่วงราคาต่ำและอนาคตหากมีรถไฟฟ้าจะไปทิศทางนี้เพิ่มขึ้น แถมจ้องรีดภาษีฯแอลพีจีขนส่งเพิ่มอีก 3 บาท/ลิตรเพื่อให้เท่ากับผู้ใช้น้ำมัน
- นายกรัฐมนตรี แสดงวิสัยทัศน์ตอนหนึ่งระหว่างการประชุมผู้นำกลุ่ม 20 (จี20) วาระที่ 1 หัวข้อ "การประสานนโยบายและแนวทางการพัฒนาใหม่ๆ เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ที่ประเทศจีน เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่าในสภาวะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และเผชิญกับความท้าทายในหลากมิติ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันมากขึ้น ด้วยการผนึกกำลังสร้างความร่วมมือรูปแบบใหม่เพื่อเป็น "ยานยนต์แห่งศตวรรษที่ 21" ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกสู่แนวทางการพัฒนาใหม่
- ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่องเชื่อทั้งปีนี้จะโตได้มากกว่าเป้าที่คลังตั้งไว้ที่ 3.5% โดยจะเร่งการลงทุนภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนในช่วงที่เหลือ 4 เดือนให้มากที่สุด ในส่วนภาครัฐไม่มีปัญหาเพราะคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายของปีงบประมาณ 2559 ทั้งงบเหลื่อมปีให้เบิกจ่ายให้ได้สิ้นปี 2559 ส่วนงบปี 2560 ก็ให้เร่งเบิกจ่ายงบลงทุนที่ไม่เกิน 2 ล้านบาทให้ได้ภายในสิ้นปี ส่วนงบจัดอบรมสัมมนาจะต้องเบิกจ่ายให้ได้ 50% ภายในสิ้นปีนี้เช่นกัน
- ตลาดอสังหาริมทรัพย์แผ่ว อุปสงค์ยังชะลอ แต่เริ่มเห็นสัญญาณผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้นเดือนเดียวเพิ่มขึ้น 3,078 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 55.1% ขณะที่ยอดอนุมัติสินเชื่อใหม่ในกลุ่มนี้ลดลง 2,006 หน่วย หรือหดตัว 36.3% ด้าน ธปท.ระบุยังไม่น่าห่วง
*หุ้นเด่นวันนี้
- EPG (โกลเบล็ก) เป้า Consensus สูงสุด 19 บาท คาดกำไรปี 2016 ที่ 1,400-1,600 ล้านบาท โดยบริษัทยืนยันเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 20-25% เป็น 1-1.1 หมื่นลบ. เนื่องจากเน้นสินค้าที่เป็น Innovation ทำให้ Demand สินค้าเพิ่มขึ้นมากโดยตั้งเป้า Gross Margin ระดับ 28-32%  Net Margin ที่ราว 15% และโรงงานแห่งใหม่ EPP เฟส 2 พร้อมเดินเครื่องผลิตใน Q2/17 ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นซึ่งหากเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตจะสามารถเพิ่มยอดขายได้เป็น 4,000 ลบ./ปี
- PTTGC (ไอร่า) เป้า 78 บาท แนวโน้ม 2H/59 ดีขึ้นโรงงานโอเลฟินส์กลับมาผลิตตามปกติ และคาดกลับมาเป็นตัวทำกำไรหลักอีกครั้ง หลังจากโรงงาน ethane cracker กำลังการผลิต 1 ล้านตัน จะกลับมาผลิตได้ 100% ในเดือน ส.ค.ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ล่าสุดราคา HDPE อยู่ที่ 1,165 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และมีโอกาสปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ พร้อมคาดปี 59 เติบโตดี และไม่มีผลขาดทุนมากจากสต็อกน้ำมันอีก คาดรายได้และกำไรสุทธิ 433,552 ล้านบาท และ 27,035 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% และ 32% ตามลำดับ
- TWZ (เคจีไอ) เป้า 0.49 บาท คาดรับอานิสงส์เชิงบวก iPhone7 คือจะได้สินค้าตกรุ่น (เช่น iPhone6) มาทำโปรโมชั่นคู่กับการขายซิม AIS (TWZ ได้ทั้งการขายโทรศัพท์และค่าคอมฯการเปิดซิม) โดยล่าสุดฝ่ายวิจัยเคจีไอไต้หวันออกบทวิเคราะห์“Apple Insight"คาดผลตอบรับ iPhone7 ก.ย.นี้ไม่ดีเท่า iPhone6 หากเป็นจริง และราคา iPhone6 ลดลง จะเป็นบวกต่อ TWZ นอกจากนี้ คาดแนวโน้มกำไร Q3/59 เติบโตแบบ YoY และมีโอกาสโต QoQ จากรับรู้ The Wiz รัชดาฯ ยอดขาย 190 ล้านบาท หากสมมติฐานอัตรากำไรสุทธิ 15% จะบันทึกกำไร 29 ล้านบาท
- KTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"ราคาหุ้นยังขยับขึ้นต่อเนื่องและยังมี upside กว่า 20% จากราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 168 บาท จุดเด่นคือคุณภาพหนี้ที่ NPL ต่ำกว่าอุตสาหกรรมมาก ขณะที่กำรที่เราคาดการเติบโตได้ 15-20% ในช่วงปี 60-62 ยังมี upside จากสำรองฯที่ไม่จำเป็นต้องตั้งเพิ่มแล้วเพราะ Coverage ratio ที่สูงถึง 439% และค่าการตลาดที่มีโอกาสต่ำกว่าคาด
ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ รับคาดการณ์เฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยเดือนนี้
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนก.ย. หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรที่น่าผิดหวัง
ดัชนี MSCI Asia Pacific ทะยาน 0.5% สู่ระดับ 138.91 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,131.52 จุด เพิ่มขึ้น 205.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,070.71 จุด เพิ่มขึ้น 3.36 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,576.31 จุด เพิ่มขึ้น 309.61 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,032.38 จุด เพิ่มขึ้น 44.83 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,049.19 จุด เพิ่มขึ้น 10.88 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,828.49 จุด เพิ่มขึ้น 24.57 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,667.31 จุด ลดลง 4.48 จุด
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 151,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นถึง 180,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.8%
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดพุ่ง 148.63 จุด รับคาดการณ์เฟดจะไม่รีบขึ้นดบ.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 148.63 จุด หรือ 2.20% ที่ระดับ 6,894.60 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ออกมาต่ำเกินคาดของสหรัฐจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนนี้
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.8%
ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 126,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 25,000 ตำแหน่ง
หุ้นโก-อะเฮด กรุ๊ป พุ่งขึ้น 10% หลังจากเปิดเผยรายได้ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นเซโกร ซึ่งเป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ของอังกฤษลดลง 1.9% หลังระบุว่าบริษัทจะออกหุ้นเพิ่ม
หุ้นคาร์นิวัลลดลง 4.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดนำหนักการลงทุนในหุ้นของผู้ประกอบการเรือโดยสารยักษ์ใหญ่ลง
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง หลังนักลงทุนลดคาดการณ์เฟดขึ้นดบ.
ตลาดหุ้นยุโรปพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนครึ่งเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) หลังจาก CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนได้ลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนต่างๆลง หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาด
ดัชนี Stoxx 600 เพิ่มขึ้น 2% ปิดที่ 350.44 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,542.17 จุด เพิ่มขึ้น 102.50 จุด หรือ +2.31% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 10,683.82 จุด เพิ่มขึ้น 149.51 จุด หรือ +1.42% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,894.60 จุด เพิ่มขึ้น 148.63 จุด หรือ +2.20%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.8%
ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 126,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 25,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ นักลงทุนได้ลดความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.สู่ระดับ 18% จากเดิมที่ 27% ส่วนเดือนพ.ย.ปรับลดลงสู่ 24.8% จากระดับ 31.6% และเดือนธ.ค.ปรับลดลงสู่ 53.5% จาก 57.6%
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์เห็นพ้องกันว่า หากตัวเลขการจ้างงานที่จะมีการรายงานในคืนนี้ ออกมาสูงกว่า 200,000 ตำแหน่ง ก็จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนอย่างมากสำหรับเฟดในการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องและเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในเดือนธ.ค.
หุ้นแอคคอร์ เอสเอ ซึ่งเป็นเครือข่ายโรงแรมยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 3.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของธนาคารบาร์เคลย์สปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของบริษัท
หุ้นเอสบีเอ็ม ออฟชอร์ เอ็นวี ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเกี่ยวกับน้ำมันร่วงลง 11% ที่ตลาดหุ้นเนเธอร์แลนด์ หลังจากระบุว่า เจ้าหน้าที่อัยการของบราซิลได้ปฏิเสธการทำข้อตกลงด้านการผ่อนผันกับเจ้าหน้าที่ของบราซิลในช่วงก่อนหน้านี้ ตามข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการติดสินบนในอุตสาหกรรมน้ำมัน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก:ดาวโจนส์ปิดบวก 72.66 จุด หลังคาดเฟดยังไม่ปรับขึ้นดบ.
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนก.ย. หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรที่น่าผิดหวัง
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 72.66 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 18,491.96 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 9.12 จุด หรือ 0.42% ปิดที่  2,179.98 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 22.69 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 5,249.90 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.8%
ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 126,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 25,000 ตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ได้เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.
ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 62.8%
นักวิเคราะห์จับตาการรายงานข้อมูลการจ้างงานอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินความเคลื่อนไหวของเฟดในการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในเดือนก.ค. โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 เดือน
ทั้งนี้ สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าลดลง 11.6% ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 3.95 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากเพิ่มขึ้น 3 เดือนติดต่อกัน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะขาดดุลการค้าลดลงสู่ 4.27 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.
หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ลดลง 4.7% เนื่องจากนักวิเคราะห์ของบริษัทมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของบริษัท
หุ้นลูลูเลมอน แอตลีตติกา อิงค์ ร่วงลง 11% หลังเปิดเผยการคาดการณ์ผลประกอบการณ์ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกว่า ตลาดเสื้อผ้านักกีฬาอาจจะชะลอตัวลง
อินโฟเควสท์
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!