WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET29ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลง เหตุหลักจากวินาศกรรมในพื้นที่ภาคใต้/ติดตาม GDP ของไทยวันนี้

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง เนื่องจากมีเหตุการณ์วินาศกรรมในภาคใต้ แต่มองเป็นผลกระทบเพียงแค่ระยะสั้น และในกรอบจำกัดเท่านั้น อีกทั้งความคืบหน้าก็เริ่มเห็นด้วย ดังนั้นจึงมองว่าน่าจะมีแรงช้อนซื้อเข้ามาหนุน ทำให้ตลาดฯน่าจะปิดปรับขึ้นได้

     ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย หลังจากที่ตลาดสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาติดลบเล็กน้อย จากข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐฯที่ออกมาผิดหวังเล็กน้อย

    อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามตัวเลข GDP ของไทยที่จะประกาศในวันนี้ และความคืบหน้าของเหตุการณ์วินาศกรรมในภาคใต้ต่อไปด้วย

    พร้อมให้แนวรับ 1,532 ถัดไป 1,520-1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,555-1,560 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 ส.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,576.47 จุด ลดลง 37.05 จุด (-0.20%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,232.90 จุด เพิ่มขึ้น 4.50 จุด (+0.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,184.05 จุด ลดลง 1.74 จุด (-0.08%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 53.03 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 1.68 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 1.97 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 9.68 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.10 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 6.22 จุด

     ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันฉลองอิสรภาพ

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ส.ค.59) 1,552.64 จุด เพิ่มขึ้น 4.51 จุด (+0.29%)

      - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,603.88ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ส.ค.59

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 ส.ค.59) ปิดที่ 44.49 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 2.3%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 ส.ค.59) ที่ 3.54 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 34.80 อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อน หลังเกิดเหตุระเบิดหลายพื้นที่

     - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศถึงผู้ใช้บริการบาทเน็ตทุกราย ในเรื่องการรักษาความมั่นคงปลอดภัยคอมพิวเตอร์ลูกข่ายของผู้ใช้บริการบาทเน็ต โดยผู้ใช้บริการบาทเน็ตต้องมีนโยบายและกระบวนการในการรักษาความปลอดภัยที่สามารถป้องกันระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้เชื่อมโยงกับระบบบาทเน็ตของ ธปท.จากภัยคุกคาม การลักลอบเข้าถึง และการโจรกรรมข้อมูลของผู้ใช้บริการบาทเน็ต

    - แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) เปิดเผยว่า วันที่ 17 ส.ค.นี้ จะประชุมเพื่อพิจารณากำหนดอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที) รอบเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2559 ซึ่งทิศทางรอบนี้จะไม่ปรับขึ้น แม้ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติจะปรับขึ้นเล็กน้อยตามราคาน้ำมัน รวมทั้งยังมีต้นทุนจากการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น แต่คงต้องรอการตัดสินใจจากที่ประชุมอีกครั้ง

     - ร.ฟ.ท.ลุยจัดทำแผนแม่บทพร้อมปรับราคาประเมินที่ดินใหม่หวังดันรายได้เพิ่มขึ้น ด้านธนารักษ์ เดินเครื่องบี้โครงการที่ราชพัสดุขนาดใหญ่หลังอืดมานานหวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

    - "พาณิชย์"เตรียมประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลก ก.ย. นี้ จัดทำแผนส่งออกปี 2560 โดยเน้นการส่งเสริมส่งออกที่เป็นธุรกิจแบบใหม่ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูง แทนที่จะมองแค่ การโปรโมทแค่ตัวสินค้า พร้อมประเมินสถานการณ์ล่าสุด

      - ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า คลังจะติดตามผลกระทบเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หากผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวมีมาก เช่น นักท่องเที่ยวหายไปเยอะก็อาจพิจารณาหามาตรการช่วยเหลือ แต่ในขณะนี้ยังไม่มีอะไร หากยังประคองสถานการณ์ต่อไปได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติมจากที่มีอยู่

*หุ้นเด่นวันนี้

       - AP (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 7.90 บาท กำไร 2Q59 ที่ 526 ล้านบาท แต่หากไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน จะมีกำไรสุทธิหลักที่ 449 ล้านบาท ลดลง 28.3%YoY จากยอดโอนโครงการคอนโดฯ ที่ลดลงสูง 57%YoY เป็นปัจจัยกดกัดสำคัญ แต่ประเด็นดังกล่าวออกมาตามคาดการณ์ ขณะที่ยอด Presale 7M59 ทำได้ 43% ของเป้า แต่ด้วยการเปิดตัวอีก 13 โครงการ ช่วง 2H59 ที่มีโครงการคอนโดฯ ขนาดใหญ่ 3 แห่ง ทำให้คาด Presale จะออกมาโดดเด่น ด้านผลประกอบการ 2H59 คาดจะโดดเด่น โดยเฉพาะ 4Q59 โดย ณ ปัจจุบันมี backlog รอโอนจำนวนมาก รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียม Prebuilt ที่จะช่วยหนุน

     - ANAN (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 5.30 บาท ผลประกอบการ 2Q59 เติบโตโดดเด่นที่ 210 ล้านบาท (+192%YoY และ +41%QoQ) สูงกว่าคาดถึง 38% จากการโอนโครงการ Ideo Q ราชเทวีที่ดีกว่าคาด และสามารถควมคุมค่าใช้จ่ายการขายและบริหารได้ดีมาก โดยมีอัตราส่วน SG&A ต่อรายได้ลดลง 9.35%เมื่อเทียบ 2Q58 ทั้งนี้คาดในช่วง 2H59 จะโตต่อเนื่องแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในช่วง 4Q59 ที่คาดจะเติบโตก้าวกระโดด และคาดจะเติบโตสูงต่อเนื่องไปยังปี’61 จาก Backlog รอรับรู้รายได้ที่มีอยู่แข็งแกร่งจำนวน 38,800 ล้านบาท

     - THAI (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลประกอบการ 2Q59 จะดีขึ้น yoy แต่ลดลง qoq เนื่องจากเป็นช่วง low season หลังจากนี้คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่องอย่างน้อยจนถึง 1Q60 จากช่วง high season และบริษัทยังได้รับผลบวกจากการท่องเที่ยวที่ยังแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวจีนและการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ต้นทุนลดลงจากการปฏิรูปองค์กรในปี 58 และการรับรู้ต้นทุนราคาน้ำมันที่ต่ำเต็มที่เมื่อเทียบกับปี 58 ที่ทำประกันราคาน้ำมันในระดับสูงที่ 80-90 เหรียญ/บาร์เรล

      - TRUE (ฟินันเซีย ไซรัส) ปรับคำแนะนำจาก"ขาย"เป็น"ซื้อ"จากรายได้ 2Q16 ที่โตอย่างรวดเร็วมาก บวกกับการคุมต้นทุนและรายจ่ายได้ดี แม้จะขาดทุน 326 ล้านบาท แต่ก็ขาดทุนน้อยกว่าเราและตลาดคาดมาก การทำตลาดเชิงรุกและคลื่นความถี่ที่มากพอที่จะรักษาคุณภาพได้ ทำให้ปรับประมาณการขึ้นเป็นขาดทุนน้อยลงในปี 2016-17 และคาดว่าจะเริ่มพลิกเป็นกำไรได้ 1.9 พันล้านบาทในปี 2018 พร้อมปรับราคาพื้นฐานปีหน้าขึ้นเป็น 10 บาท

      - TACC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 8.10 บาท กำไรสุทธิ 2Q16 ทำจุดสูงสุดใหม่ได้ตามคาด +12.5% Q-Q, +17.5% Y-Y จากหลายปัจจัยที่หนุนการเติบโต ทั้งยอดขายกาแฟโถกด 3 ที่บริษัทเพิ่งเป็น Supplier หลักให้กับร้าน 7-11, การเติบโตของร้าน All Caf? ของ 7-11 ที่บริษัทเป็น Supplier ผลิตภัณฑ์ประเภทชาทั้งหมด และการเติบโตของตลาดกัมพูชา แนวโน้มกำไรจะเติบโตดีต่อในอนาคต โดยยังคาดกำไรปีนี้ +75% Y-Y ปีหน้า +15.2% Y-Y และมี Upside จากสินค้าใหม่ ๆ ที่จะทยอยเข้ามา

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ นักลงทุนผิดหวังข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่น-สหรัฐ

       ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่นและสหรัฐที่ออกมาอ่อนแอเกินคาด

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.4% สู่ระดับ 139.40 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,866.89 จุด ลดลง 53.03 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,056.48 จุด เพิ่มขึ้น 5.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,765.23 จุด ลดลง 1.68 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,152.36 จุด เพิ่มขึ้น 1.97 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,857.72 จุด ลดลง 9.68 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,681.05 จุด ลดลง 3.10 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,949.64 จุด ลดลง 6.22 จุด ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันฉลองอิสรภาพ

     ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในช่วงเช้าวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2559 ขยายตัวเพียง 0.2% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ที่มีการขยายตัว 1.9%

    ส่วนทางด้านสหรัฐนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.4% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน และยังเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2558 หลังจากที่พุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย.

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 1.31 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไร

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 7 เมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ค่อนข้างผันผวน เนื่องจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงอย่างหนัก

   ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,916.02 จุด เพิ่มขึ้น 1.31 จุด หรือ +0.02%

     ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อเก็งกำไร ในขณะที่สถานการณ์เงินปอนด์และผลตอบแทนพันธบัตรของอังกฤษปรับตัวลง

   อย่างได้ก็ตาม ตลาดปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตันปรับตัวลง 1.5% หุ้นเกลนคอร์ลดลง 1.9% และหุ้นแองโกล อเมริกันรูดลง 3.2% หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นฐานลูกค้าทรัพยากรรายใหญ่ สะท้อนให้เห็นถึงการชะลอตัว

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เหตุนลท.ผิดหวังข้อมูลยอดค้าปลีกสหรัฐ

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐ  ซึ่งออกมาอ่อนแอกว่าที่มีการคาดการณ์กันไว้

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.08% ปิดที่ 346.09 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,500.19 จุด ลดลง 3.76 จุด หรือ -0.08% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,713.43 จุด ลดลง 29.41 จุด หรือ -0.27% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,916.02 จุด เพิ่มขึ้น 1.31 จุด หรือ +0.02%

     ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมิ.ย. ซึ่งผิดไปจากที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมา 3 เดือนติดต่อกัน

    ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกเป็นส่วนสำคัญของการใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐ ข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดนี้จึงบ่งชี้ว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคในไตรมาส 3 อาจชะลอตัวลง หลังจากที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งถึง 4.2% ในไตรมาส 2 และอาจส่งผลต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ด้วย

      สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจในฝั่งยุโรปนั้น สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/59 ของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้านั้น

       หากเทียบเป็นรายปีแล้ว GDP ของ EU ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8% ในไตรมาสสองของปีนี้

      สำหรับ GDP ของประเทศสมาชิกยูโรโซน ซึ่งมีสมาชิกน้อยกว่า EU ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งชะลอตัวลง หลังจากที่ขยายตัว 0.6% ในไตรมาสแรกของปีนี้

     ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งเยอรมนีเปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2 ของเยอรมนีในปีนี้ขยายตัว 0.4% สูงกว่าคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งอยูที่ 0.2%

      หุ้น A.P. Moeller Maersk ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือของเดนมาร์ก ปรับตัวขึ้น 3.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยถึงผลกำไรที่สูงเกินคาด ขณะที่หุ้น Tullow Oil Plc พุ่งขึ้น 4.2% หลังจากหุ้นของบริษัทได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น

    สำหรับ ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่ง 1.4% เมื่อเทียบสัปดาห์ก่อนหน้า

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 37.05 จุด เหตุนลท.ผิดหวังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (12 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้น หลังจากผิดหวังข้อมูลยอดค้าปลีก และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่มีการคาดการณ์กันไว้

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,576.47 จุด ลดลง 37.05 จุด หรือ -0.20% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,232.90 จุด เพิ่มขึ้น 4.50 จุด หรือ +0.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,184.05 จุด ลดลง 1.74 จุด หรือ -0.08%

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่เปิดเผยล่าสุด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมิ.ย. ซึ่งผิดไปจากที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมา 3 เดือนติดต่อกัน

      ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกเป็นส่วนสำคัญของการใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐ ข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดนี้จึงบ่งชี้ว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคในไตรมาส 3 อาจชะลอตัวลง หลังจากที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งถึง 4.2% ในไตรมาส 2 และอาจส่งผลต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ด้วย

     ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.4% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน และยังเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2558 หลังจากที่พุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย.

     นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตจะปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค.

   หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลง โดยหุ้นฮันทิงตัน บองซ์แชร์ และหุ้นคีย์ คอร์ปลดลงกว่า 0.9%

    หุ้นพลังงานปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิลพุ่งขึ้น 1.3%

   หุ้นเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น โดยหุ้นยาฮูพุ่งขึ้น 4.1% และหุ้นอาลีบาบาพุ่งขึ้น  7.1% โดยยาฮูถือครองหุ้นในบริษัทอาลีบาบา 15%

    สำหรับตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้น 0.2% และดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.1% โดยทั้ง 3 ดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงการซื้อขายเมื่อเร็วๆนี้                 

                อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!