- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 25 July 2014 12:03
- Hits: 2810
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ผันผวนในกรอบ, เก็งหุ้นขนาดเล็กช่วงรอปัจจัยใหม่หนุน
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวนในกรอบ โดย Flow ยังคงไหลเข้าเอเชีย แต่คงจะเข้าไปที่จีนมากกว่า ภายหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนออกมาดีขึ้น ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยต่างรอดูการปรระชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯในสัปดาห์หน้า
ส่วนบ้านเราก็รอดูการประชุมยุทธศาสตร์ในวันอังคารหน้า ซึ่งช่วงนี้ตลาดฯคงจะมีการเล่นเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กไปก่อนช่วงรอปัจจัยใหม่เข้ามา อีกทั้งตลาดบ้านเราจะเห็นได้ว่า valuation ค่อนข้างแพงแล้วด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,536-1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550-1,555 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(24 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,083.80 จุด ลดลง 2.83 จุด (-0.02%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,987.98 จุด เพิ่มขึ้น 0.97 จุด(+0.05%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,472.11 จุด ลดลง 1.59 จุด(-0.04%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 58.04 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.65 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 105.70 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 7.55 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.42 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.22 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.50 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(24 ก.ค.)1,543.92 จุด เพิ่มขึ้น 2.36 จุด(+0.15%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,163.22 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ก.ค.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(24 ก.ค.)ที่ 102.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.05 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(24 ก.ค.)ที่ 3.02 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.85/86 อ่อนค่าเล็กน้อย แต่มองแนวโน้มยังไปในทิศทางแข็งค่า
- บอร์ด กสทช. เห็นชอบราคาคูปองทีวีดิจิทัล 690 บาท ส่วนลดซื้อ 2 อุปกรณ์ "จอทีวี-กล่องดิจิทัล" แจก 22.9 ล้านครัวเรือน รวมมูลค่าโครงการ 15,800 ล้านบาท ชง คสช. เคาะ 30 ก.ค. นี้ คาด ก.ย. เริ่มแจก 4 จังหวัดนำร่อง สิ้นปีกระจายคูปอง 11 ล้านครัวเรือน ด้านผู้ประกอบการ"ทีวีดิจิทัล" วอนเร่งแจกคูปอง
- "บีโอเจ" หนุนชาติเอเชียรวมไทย รีโมเดลเศรษฐกิจเติบโตแบบสมดุล รับมือภาวะตระหนก จากกระแสเงินทุนไหลออกช่วงสหรัฐทยอยลดคิวอี แนะทั้งภูมิภาคเพิ่มอุปสงค์ภายในจากชนชั้นกลาง ควบคู่กับการเร่งแก้ปัญหาประชากรศาสตร์ สร้างพลวัตแข็งแกร่งขับเคลื่อนภูมิภาค พร้อมเร่งผู้ดูแลกฎระเบียบใช้นโยบายเศรษฐกิจการเงินผสมผสาน โดยเฉพาะมาตรการดูแลการเงินแบบเฉพาะเจาะจง ป้องกันความเสี่ยงจากสินเชื่อขยายตัวเร็วก่อฟองสบู่
- นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยผลสำรวจสถานภาพหนี้ภาคครัวเรือน พฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน ปี 2557 ระหว่างวันที่ 14-20 ก.ค. พบว่า ครัวเรือนไทย 74.8% ของกลุ่มตัวอย่างมีหนี้สินเพิ่มขึ้นจากปี 2556 ที่มีจำนวน 64.6% ถือเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550 โดยมีประชาชนเพียง 25.2% เท่านั้นที่ไม่มีหนี้สิน
- มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของสหรัฐ ออกรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองไทย ว่า แม้การรัฐประหารล่าสุดจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นผู้บริโภคและนักลงทุน แต่หากไม่สามารถเร่งเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจได้ จะส่งผลให้การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ของไทยในช่วง 2-3 ปีนี้อยู่ที่ 3%
- ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เตือนนักลงทุน อย่าแห่ซื้อหุ้นตามกระแสข่าวลือ ควรเลือกลงทุนพื้นฐานของหุ้นเป็นหลัก ยอมรับแม้ที่ผ่านมาหุ้นไทย ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก แต่พีอีระดับ 14 เท่า หากเทียบตลาดหุ้นเพื่อนบ้านอยู่ระดับใกล้เคียงกันถือว่าแพงเกินไป
*หุ้นเด่นวันนี้
- SAMART(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 26.90 บาท คาดกำไรสุทธิ 2Q57 เติบโต 2%QoQ และ 15%YoY จากการฟื้นตัวจากบริษัทย่อย SIM และบริษัทที่เข้าไปลงทุน ราคาคูปองทีวีดิจิตอลที่ 690 บาทประกาศเมื่อวานนี้แม้ต่ำกว่าคาดที่ 1 พันบาทแต่ไม่มีนัยต่อประมาณการกำไร ขณะที่การเพิ่มสัดส่วนลงทุนใน SIM จาก 57% เป็น 74% ในเดือนส.ค.นี้จะรับรู้กำไรจาก SIM เพิ่มจากเดิม คาดผลประกอบการปี 57-58 เติบโตเฉลี่ย 20%ต่อปี โดดเด่นสุดในกลุ่ม ราคาหุ้น (12.4xPE'57) ถูกกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม (23x) ให้ผลตอบแทนปันผลปี 57 ราว 4%
- TOG (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 6.10 บาท คาดกำไรสุทธิ 2Q57 เติบโต16%YoY การปรับปรุงกระบวนการผลิตช่วยเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 30% โดยไม่ต้องเพิ่มเครื่องจักร และช่วยทำให้อัตรากำไรดีขึ้น กอปรกับการขยายฐานลูกค้าในตลาดต่างประเทศ (90% ฐานลูกค้า) จะสนับสนุนผลประกอบการปี 57-58 ให้เติบโตกว่าปีละ 24% ราคาหุ้น (12.6 เท่าของ PE ปี 57) ถูกกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม (16 เท่า) ให้ผลตอบแทนปันผลราว 6-7% ต่อปี
- RML(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"คาดกำไรปกติ 2Q14 เพิ่ม 5% Q-Q และ 67% Y-Y จากการโอนโครงการ 185 ราชดำริและเดอะริเวอร์ โดยคงประมาณการกำไรปกติปีนี้เติบโต 75% แต่ปรับกำไรปีหน้าขึ้น 30% ทำให้กำไรปี 2015 เพิ่มได้ต่อเนื่อง 6.4% เพราะมีโครงการ UNIXX เริ่มโอนใน 3Q15 ได้ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 2.60 บาท โดย RML ยังคงเป็นหุ้นที่มี PE ต่ำที่สุดในกลุ่ม เพียง 5.5 เท่าในปี 2015 ขณะที่กลุ่มมี PE เฉลี่ย 9.7 เท่า คาดเงินปันผลตอบแทน 4.7% และราคาหุ้นฟื้นช้าเกือบที่สุดในกลุ่ม
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจจีนและสหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีเช้านี้ โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นจีนที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 18 เดือน รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐซึ่งร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปีครึ่ง
ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเวลา 9.59 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,342.46 จุด เพิ่มขึ้น 58.04 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,108.71 จุด เพิ่มขึ้น 3.65 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,247.20 จุด เพิ่มขึ้น 105.70 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,519.99 จุด ลดลง 7.55 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,030.04 จุด เพิ่มขึ้น 3.42 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,357.11 จุด เพิ่มขึ้น 3.22 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,878.55 จุด เพิ่มขึ้น 1.50 จุด
เอชเอสบีซี โฮลดิงส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นแตะ 52.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน จาก 50.7 ในเดือนมิ.ย.
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ก.ค. ลดลง 19,000 ราย สู่ระดับ 284,000 ราย ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 305,000 ราย บ่งชี้ถึงการปรับตัวดีขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับ PMI การผลิตจีนแข็งแกร่ง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) ขานรับรายงานของ HSBC ที่ระบุว่าดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นจีนเดือนก.ค.ขยายตัวสูงสุดในรอบ 18 เดือน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเศรษฐกิจจีนจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 344.33 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,410.65 จุด เพิ่มขึ้น 34.33 จุด หรือ +0.78% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,794.06 จุด เพิ่มขึ้น 40.50 จุด หรือ +0.42% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,821.46 จุด เพิ่มขึ้น 23.31 จุด หรือ +0.34%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 52.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน จาก 50.7 ในเดือนมิ.ย.
นายฉู หงปิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซี กล่าวว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของยังคงปรับตัวดีขึ้นในเดือนก.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆที่เริ่มดำเนินการก่อนหน้านี้ยังคงส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยเอชเอสบีซีคาดว่าเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของจีนจะยังคงมีท่าทีผ่อนคลายในช่วงหลายเดือนข้างหน้าเพื่อให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง
หุ้นโนเกียพุ่งขึ้น 7.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นแตะระดับ 6 ยูโรเซนต์ต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.5 ยูโรเซนต์ต่อหุ้น
ส่วนหุ้น BASF ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.05 พันล้านยูโร ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.09 พันล้านยูโร
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ข้อมูลศก.สหรัฐซบเซา ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 2.83 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เพราะได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ รวมถึงยอดขายบ้านใหม่และดัชนีภาคการผลิต นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการที่ผันผวนของบริษัทเอกชน รวมถึงแคทเทอร์พิลลาร์ ยังส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดซบเซาลงด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,083.80 จุด ลดลง 2.83 จุด หรือ -0.02% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,472.11 จุด ลดลง 1.59 จุด หรือ -0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,987.98 จุด เพิ่มขึ้น 0.97 จุด, +0.05%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.ร่วงลง 8.1% จากเดือนพ.ค. แตะที่ 406,000 หน่วย ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 475,0000 หน่วย
ขณะที่มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐลดลงลงแตะ 56.3 ในเดือนก.ค. จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 57.3 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 49 เดือน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความผันผวนของผลประกอบการบริษัทเอกชน รวมถึงแคทเทอร์พิลลาร์ ผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการก่อสร้างรายใหญ่ระดับโลก โดยหุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ร่วงลง 3.08% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ดีดตัวขึ้น 0.34% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีในไตรมาส 2 อยู่ที่ 2.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 44 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
หุ้นอเมซอน ร่วงลง 6.2% ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 5.2%
ส่วนหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ที่ซบเซาลงในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา โดยหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ร่วงลง 12% หุ้นเมริเทจ โฮมส์ ดิ่งลง 3.9% และหุ้นโทลล์ บราเธอร์ส ปรับตัวลง 4.1%
นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ในยูเครนอย่างใกล้ชิด หลังจากมีรายงานว่าเครื่องบินรบยูเครน 2 ลำ ถูกยิงตกในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มกบฏควบคุมอยู่ ขณะที่
World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ
ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 24 ก.ค.2557
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,083.80 จุด ลดลง 2.83 จุด -0.02%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,472.11 จุด ลดลง 1.59 จุด -0.04%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,987.98 จุด เพิ่มขึ้น 0.97 จุด +0.05%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,821.46 จุด เพิ่มขึ้น 23.31 จุด +0.34%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,794.06 จุด เพิ่มขึ้น 40.50 จุด +0.42%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,410.65 จุด เพิ่มขึ้น 34.33 จุด +0.78%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,527.54 จุด เพิ่มขึ้น 28.18 จุด +0.30%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 15,284.42 จุด ลดลง 44.14 จุด -0.29%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,026.62 จุด ลดลง 1.70 จุด -0.08%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,576.80 จุด เพิ่มขึ้น 9.80 จุด +0.18%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,587.80 จุด เพิ่มขึ้น 11.10 จุด +0.20%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,105.06 จุด เพิ่มขึ้น 26.57 จุด +1.28%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,889.89 จุด ลดลง 3.03 จุด -0.04%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,141.50 จุด เพิ่มขึ้น 169.63 จุด +0.71%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,877.05 จุด เพิ่มขึ้น 5.22 จุด +0.28%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,098.64 จุด เพิ่มขึ้น 5.41 จุด +0.11%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,353.89 จุด เพิ่มขึ้น 13.19 จุด +0.39%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 26,271.85 จุด เพิ่มขึ้น 124.52 จุด +0.48%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เพราะได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ รวมถึงยอดขายบ้านใหม่และดัชนีภาคการผลิต นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการที่ผันผวนของบริษัทเอกชน รวมถึงแคทเทอร์พิลลาร์ ยังส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดซบเซาลงด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,083.80 จุด ลดลง 2.83 จุด หรือ -0.02% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,472.11 จุด ลดลง 1.59 จุด หรือ -0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,987.98 จุด เพิ่มขึ้น 0.97 จุด, +0.05%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) ขานรับรายงานของ HSBC ที่ระบุว่าดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นจีนเดือนก.ค.ขยายตัวสูงสุดในรอบ 18 เดือน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเศรษฐกิจจีนจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 344.33 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,410.65 จุด เพิ่มขึ้น 34.33 จุด หรือ +0.78% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,794.06 จุด เพิ่มขึ้น 40.50 จุด หรือ +0.42% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,821.46 จุด เพิ่มขึ้น 23.31 จุด หรือ +0.34%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากความแข็งแกร่งของข้อมูลด้านแรงงานของสหรัฐได้กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 13.9 ดอลลาร์ หรือ 1.07% ปิดที่ 1,290.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 58 เซนต์ ปิดที่ 20.415 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 13 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,473.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 3.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 870.95 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ที่ร่วงลงอย่างหนักในเดือนมิ.ย. และดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐชะลอตัวลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้สกัดปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า ดัชนีภาคการผลิตของจีนขยายตัวแข็งแกร่ง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 102.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 96 เซนต์ ปิดที่ 107.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) หลังจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐลดลงมากกว่าที่คาด
ค่าเงินยูเพิ่มขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3464 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3458 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับลงที่ 1.6984 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.7030 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.83 เยน จากระดับ 101.54 เยน และทรงตัวเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9026 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9415 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9451 ดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) หลังจากยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือนมิ.ย.ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 23.31 จุด หรือ 0.34% ที่ 6,821.46 จุด
ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 732.00 จุด เพิ่มขึ้น 5.00 จุด, +0.69%
อินโฟเควสท์