WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าผันผวน-อาจลงเล็กน้อย เหตุไร้ปัจจัยบวกใหม่-ตลาดตปท.เงียบ

    นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวน และมีโอกาสที่จะแกว่งตัวลงได้เล็กน้อย ภายหลังจากที่เมื่อวานนี้ดัชนีฯได้ขึ้นมากเกินไป และตอนนี้ตลาดฯก็ยังไม่ได้มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา ประกอบกับตลาดต่างประเทศก็เงียบ ๆ โดยเช้านี้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียต่างก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย

     นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติก็ขายออกมาเล็กน้อย อย่างไรก็ดียังต้องติดตามการทำงานของคสช.ต่อไป พร้อมให้แนวรับ 1,530 จุด แนวต้าน 1,550 จุด แนะ"เทรดดิ้ง"โดยเก็งหุ้นที่มีผลประกอบการออกมาดี หรือคาดการณ์ว่าจะออกมาดี

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(23 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,086.63 จุด ลดลง 26.91 จุด(-0.16%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,987.01 จุด เพิ่มขึ้น 3.48 จุด(+0.18%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,473.70 จุด เพิ่มขึ้น 17.68 จุด (+0.40%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 21.72 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.14 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 108.74 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 8.90 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.62 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.18 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.83 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(23 ก.ค.)1,541.56 จุด เพิ่มขึ้น 20.75 จุด (+1.36%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 743.06 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ก.ค.57

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(23 ก.ค.)ที่ 103.12 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 73 เซนต์

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(23 ก.ค.)ที่ 3.85 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 31.82/84 รอปัจจัยใหม่หนุน จับตา Fund Flow

                - รุมติง รธน.ชั่วคราวมาตรา 44 ให้อำนาจหัวหน้า คสช.ล้นฟ้า บังคับทั้งนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ"อภิสิทธิ์"เตือนอาจขัดมาตรา 3 จี้"ประยุทธ์"แจงความจำเป็น พร้อมกรอบการใช้อำนาจ นักวิชาการชี้เป็นจุดอ่อน คสช.ด้าน"วิษณุ"แจงมีไว้เพื่อใช้สกัดความวุ่นวาย ยึดอำนาจซ้อน แต่ยอมรับเป็นดาบสองคม ด้าน"นิพิฏฐ์"ผวาไม่มีเลือกตั้งยาว เหตุร่างรัฐธรรมนูญถาวรไม่ผ่าน คสช.ก็ตั้ง กมธ.ยกร่างฯใหม่ไปเรื่อยๆ

                - พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกมายอมรับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาหัวหน้า คสช. สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญชั่วคราวไม่ได้ห้ามไว้

                - สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เปิดเผยความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย เดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 88.4 ดีขึ้นจากระดับ 85.1 ในเดือน พ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากผู้ประกอบการเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และผลของการยกเลิกเคอร์ฟิวทำให้การทำธุรกิจสะดวกและคล่องตัว ส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

                - สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เผยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ปรับประมาณการการผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในปี 2557 ลงโดยในส่วนของรถยนต์นั้นลดลงเหลือ 2.2 ล้านคัน จากเป้าหมายเดิม 2.4 ล้านคันและน้อยกว่ายอดผลิตจริงของปี 2556 ร่วม 10.46%

                - ส.อ.ท.เผยประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวสร้างความเชื่อมั่น นักลงทุนไทยและต่างชาติ มั่นใจ คสช.ทำตามโรดแมปบริหารประเทศ มีรัฐบาลใหม่ ส.ค.-ก.ย.และเลือกตั้งในปี'58 ด้านดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเพิ่มต่อเนื่อง ส่วนภาคท่องเที่ยวชี้ยังไม่ฟื้น ต้องยกเลิกกฎอัยการศึก จัดงานระดับนานาชาติกระตุ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

                - SAMART(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 25.50 บาท วันนี้ กสทช.จะสรุปราคาคูปองซื้อ Set top box หลัง คสช.สั่งให้ชะลอและให้ไปทำ Public hearing มาก่อน ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นกว่า 4% วานนี้มาจากการเก็งกำไรรับข่าวความคืบหน้าการแจกคูปอง คาดรายได้จากการขายเครื่อง Set top box จะมีสัดส่วน 4-6% ของรายได้รวมในปีนี้ ขณะที่กำไรใน 2Q14 มีแนวโน้มดีต่อเนื่องตามทิศทางเดียวกับ SIM

                - SEAFCO(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 6.7 บาท คาดกำไรสุทธิ 2Q57 จะเติบโตทั้ง 60%QoQ และ 15%YoY โดดเด่นกว่ากลุ่ม จากส่งมอบงานทางด่วนเร็วขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ขณะที่ครึ่งปีหลังมีโอกาสรับงานใหม่เพิ่มขึ้น  คาดให้อัตราผลตอบแทนปันผลปี 57 กว่า 4% ราคาหุ้น (10xPE'57) ถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่ม (21x)

                - SPCG(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 27.60 บาท ได้รับเงินจากการขายหุ้น PP จำนวน 83.99 ล้านหุ้น ให้กับกัลฟ์ฯ ฮ่องกงแล้ว คิดเป็นเงินรวม 1,841.51 ล้านบาท มองเชิงบวกการขายหุ้น PP ดังกล่าว เชื่อ จะนำเงินมาต่อยอดเพื่อขยายธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ พร้อมคาดกำไรสุทธิ 2Q57 โตทั้ง yoy และ qoq ทำระดับสูงสุดใหม่ เป็นไตรมาสแรกที่รับรู้รายได้จากโซลาร์ฟาร์มครบ 36 แห่ง และกำไร 3Q57 จะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง

                - ADVANC(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 250 บาท กำไรจะฟื้นตัวในไตรมาส 3/57 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/57 พร้อมคาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 2/57 ลง 4%YoY และ 7% QoQ จากการบริโภคที่ชะลอตัว การแข่งขันทางด้านราคา และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยได้ปรับลดรายได้จากการให้บริการในปี 57-58  เพื่อสะท้อนช่วงครึ่งแรกของปี 57 ที่ต่ำกว่าคาด และการแข่งขันทางด้านราคาที่น่าจะมากขึ้นในปี 58

ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี

                ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี หลังจากที่ดัชนี S&P 500 ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

                ดัชนี MSCI Asia Pacific Index เคลื่อนไหวใกล้ระดับ 148.50 จุด เมื่อเวลา 9.50 น.ตามเวลาโตเกียว

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,350.28 จุด เพิ่มขึ้น 21.72 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,080.61 จุด เพิ่มขึ้น 108.74 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,508.26 จุด เพิ่มขึ้น 8.90 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,032.94 จุด เพิ่มขึ้น 4.62 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,346.88 จุด เพิ่มขึ้น 6.18 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,873.66 จุด เพิ่มขึ้น 1.83 จุด

                หุ้นแอลจี ดิสเพลย์ เพิ่มขึ้น 2.8% ในโซล หลังเผยผลกำไรไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ด้านหุ้นฟูจิฟิล์ม โฮลดิงส์ คอร์ป บวก 1.9% ในโตเกียว หลังยอดขายกล้องระดับไฮเอนด์ช่วยหนุนกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรก

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 2.81 จุด ขณะเอกชนรายงานผลประกอบการ

                ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของภาคเอกชน

                ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 2.81 จุด หรือ 0.04% ที่ 6,798.15 จุด

                หุ้นแคปิตาพุ่ง 4.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในช่วงครึ่งปีแรกที่สูงเกินคาด ขณะที่หุ้นแกล็กโซสมิธไคลน์ ร่วง 4.7% เนื่องจากผลประกอบการช่วงไตรมาส 2 ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์

                ส่วนรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษเมื่อวันที่ 9-10 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ชี้ว่า คณะกรรมการบางส่วนเริ่มเห็นแย้งว่า มีความเสี่ยงน้อยลงที่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

                ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 9 รายนั้น กำลังหันมาพิจารณาเรื่องจังหวะเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ภายหลังจากที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง 6 ไตรมาส และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศก็มีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงิน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : ผลประกอบการเอกชนสดใส หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทบางแห่ง อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนหลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซนปรับตัวลดลงในเดือนก.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ในยูเครนอย่างใกล้ชิด หลังจากมีรายงานว่าเครื่องบินรบยูเครน 2 ลำ ถูกยิงตกในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของประเทศ

   ดัชนี Stoxx 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 342.86 จุด

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,376.32 จุด เพิ่มขึ้น 6.80 จุด หรือ +0.16% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,753.56 จุด เพิ่มขึ้น 19.23 จุด หรือ +0.20% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,798.15 จุด เพิ่มขึ้น 2.81 จุด หรือ +0.04%

   ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทบางแห่ง รวมถึงบริษัท Akzo Noble ซึ่งเป็นบริษัทผลิตสีรายใหญ่ของยุโรป ซึ่งระบุว่า กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 10% ซึ่งช่วนหนุนราคาหุ้น Akzo Noble พุ่งขึ้น 3.9%

     หุ้นเทเลนอร์ พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 2 ขณะที่หุ้นแกลคโซสมิธ ไคลน์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 4.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในตลาดสหรัฐที่น้อยกว่าคาดการณ์

    อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในกลุ่มยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ -8.4 ในเดือนก.ค. จากระดับ -7.5 ในเดือนมิ.ย.

    นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครนและกาซา ภายหลังจากที่มีรายงานว่าเครื่องบินรบยูเครน 2 ลำ ถูกยิงตกในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มกบฏควบคุมอยู่

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 26.91 จุด หลัง IMF ลดคาดการณ์ศก.สหรัฐ

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนและฉนวนกาซา อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดในแดนบวก ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทแอปเปิล อิงค์

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,086.63 จุด ลดลง 26.91 จุด หรือ -0.16% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,987.01 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น 3.48 จุด หรือ +0.18% ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,473.70 จุด เพิ่มขึ้น 17.68 จุด หรือ +0.40%

     ดัชนี ดาวโจนส์อ่อนแรงลงเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครนและกาซา ภายหลังจากที่มีรายงานว่าเครื่องบินรบยูเครน 2 ลำ ถูกยิงตกในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มกบฏควบคุมอยู่ ขณะที่สถานการณ์ในฉนวนกาซาก็ยังน่าวิตก โดยปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซานั้น ได้ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 660 คน และบาดเจ็บอีกประมาณ 4,300 คน

     นอกจากนี้ ดาวโจนส์ยังได้รับแรงกดดันหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ลงสู่ระดับ 1.7% จากตัวเลขคาดการณ์เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ 2%

    อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทแอปเปิล ซึ่งเป็นหุ้นที่มีน้ำหนักมากในตลาด ได้ช่วยหนุนดัชนี S&P 500 และดัชนี NASDAQ ปิดในแดนบวก

     ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 2.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้รายไตรมาสอยู่ที่ระดับ 3.74 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 7.7 พันล้านดอลลาร์ พร้อมระบุว่า บริษัทมียอดขายไอโฟน 35.2 ล้านเครื่องในไตรมาสสิ้นสุด ณ วันที่ 28 มิ.ย. เพิ่มขึ้น 12.7% จาก 31.2 ล้านเครื่องในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

      หุ้นไมโครซอฟท์ปิดทรงตัวใกล้กับระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 4 อยู่ที่ 2.338 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 2.301 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันบริษัทเปิดเผยว่า กิจการโนเกียที่ไมโครซอฟท์เข้าไปซื้อมาจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 2 ปี

      ส่วนหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 2.34% และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ แม้บริษัทได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ก็ตาม

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!