- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 01 August 2016 17:08
- Hits: 1748
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้มีลุ้นดีดตัวแต่ความผันผวนจะมากขึ้น,จับตากระแสเงินทุนไหลเข้า
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะยังปรับขึ้นไปได้ แต่ความผันผวนก็จะมีมากขึ้นด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับกระแสเงินทุนที่จะไหลเข้ามา อย่างไรก็ดีให้ระวังแรงขายทำกำไรด้วยเนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว จนขณะนี้หลายคนมองว่า SET แพงไปแล้ว
อย่างไรก็ดี เท่าที่ดูเม็ดเงินทุนยังคงไหลเข้า แม้ว่าแรงซื้อจากนักลงทุนต่างจะชะลอตัวลงบ้างเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ดูจากเงินบาทยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าเงินทุนยังไม่ไหลออกไป แต่การปรับตัวขึ้นของดัชนีฯอาจทำให้ SET เข้าสู่ความผันผวนมากขึ้นจากราคาหุ้นที่ขึ้นไป
นอกจากนี้ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็ถือว่าผิดไปจากความคาดหวัง ซึ่งเพิ่มแค่การซื้อ ETFs เท่านั้น ซึ่งคนไม่ชอบ ส่งผลให้เงินเยนคงแข็งค่า และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ออกมาไม่ดีด้วย แต่ตรงนี้ทำให้มองอีกแง่หนึ่งว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังอยู่ในแดนบวกราว 0.5-1% ซึ่งก็คาดว่าน่าจะเป็นผลจากที่กระแสเงินทุนยังไหลเข้ามา
พร้อมให้แนวรับ 1,515 จุด ส่วนแนวต้าน 1,538 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 ก.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,432.24 จุด ลดลง 24.11 จุด (-0.13%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,162.13 จุด เพิ่มขึ้น 7.15 จุด (+0.14%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,173.60 จุด เพิ่มขึ้น 3.54 จุด (+0.16%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 153.96 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 24.33 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.90 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.92 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 ก.ค.59) 1,524.07 จุด ลดลง 0.51 จุด (-0.03%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 636.37 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ก.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 ก.ค.59) ปิดที่ 41.60 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 1.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 ก.ค.59) ที่ 4.70 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.78/80 แนวโน้มแข็งค่าจากแรงขายดอลล์-รอติดตามประชุม กนง.สัปดาห์นี้
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นนักธุรกิจทั่วประเทศในโครงการ Business Liaison Program ในเดือน ก.ค.ว่า ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่คาดว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 3 ปีนี้ จะหดตัวมากกว่าไตรมาส 2 เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว และหมดแรงผลักดันจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่หมดลงในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
- ประธานกรรมการบริษัท สหพัฒนพิบูล เปิดเผยว่า การลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ 7 ส.ค. ที่กำลังจะเกิดขึ้น หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านจะช่วยในด้านจิตวิทยาของผู้บริโภคได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวได้เล็กน้อย จากนั้นต้องรอดูบทบาทของรัฐบาลว่าจะมีทิศทางอย่างไร โดยเฉพาะการแก้ปัญหาของทีมเศรษฐกิจ
- แหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการกำกับดูแลอัตราค่าพลังงานและค่าบริการ เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 ส.ค. นี้ จะมีการพิจารณาค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือน ก.ย.ธ.ค. 2559 โดยมีแนวโน้มที่จะปรับลดลง ส่วนจะเป็นอัตราเท่าไหร่นั้นยังต้องพิจารณาต้นทุนเชื้อเพลิงที่แท้จริงก่อน แต่การปรับลดครั้งนี้อาจะไม่มากเท่ากับงวดที่ผ่านมา ที่มีปรับลดลง 28.49 สตางค์ (สต.)/หน่วย แต่ถือว่าตลอดปี 2559 ค่าเอฟทีโดยรวมได้ปรับลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2535 โดยค่าเอฟทีจนถึงรอบปัจจุบัน ลบ 33.29 สต./หน่วย และเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานทำให้ค่าไฟเฉลี่ยที่เรียกเก็บจากประชาชนอยู่ที่ 3.42 บาท/หน่วย
- ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประเทศไทย ประเมินจากผลดำเนินงานไตรมาส 2/59 ธนาคารพาณิชย์ไทยมีอัตรากำไรและคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวแย่ลง และคาดว่าจะยังคงมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (แต่ไม่น่าจะสูงขึ้นมากนัก) สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 59 เนื่องจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานโดยรวมที่ยังคงอ่อนแอ โดยเอ็นพีแอลของภาคธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3.6% จาก 3.2% ณ สิ้นปี 58 และส่วนสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงที่ 2.3% ในครึ่งแรกของปี 59 จาก 3.4% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
*หุ้นเด่นวันนี้
- IVL (ยูโอบี เคย์เฮียน) ระยะสั้นคาดว่าแนวโน้มกำไร 2Q59 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy ส่วนในระยะยาวภาพรวมของอุตสาหกรรม polyester เริ่มมีสัญญานที่สดใสขึ้น ในขณะที่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนภาพดังกล่าว เชื่อว่านักวิเคราะห์เริ่มมีการปรับเพิ่มประมาณการและราคาเป้าหมายหลังงบไตรมาส 2/59 ประกาศ
- SENA (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดกำไร 2Q59 จะทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์และมากกว่าตลาดคาด จากผลบวกจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ซึ่งทำให้การรับรู้การโอนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ในปี 59 ยังมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 8 โครงการ ซึ่งจะส่งผลให้ปี 60 มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง
- BANPU (โกลเบล็ก) เป้า Consensus สูงสุด 18 บาท คาดปี 59 พลิกเป็นกำไรที่ 1,510 ลบ. (+198% YoY) จากการโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าหงสาจะทำการผลิตไฟฟ้าครบทั้ง 3 หน่วย ซึ่งจะชดเชยผลประกอบการของธุรกิจถ่านหินที่ปรับตัวลงตามภาวะตลาดที่ซบเซา พร้อมเตรียมนำ BANPU POWER (BPP) เข้าตลท.ในช่วง H2/59 ซึ่งจะช่วยชำระคืนเงินกู้แก่ BANPU ราว 400 ล้านดอลลาร์ และลดภาระดอกเบี้ยได้ราว 800 ล้านบาทต่อปี
- CK (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) เป้า 38 บาท มองบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากงานประมูลขนาดใหญ่รออยู่มากในช่วงที่เหลือของปี ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม-ชมพู-เหลือง และรถไฟฟ้ารางคู่ 2 เส้นทาง เป็นปัจจัยหนุน Sentiment กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง พร้อมคาดกำไรสุทธิ Q2/59 ที่ 1,050 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นถึง +245% qoq จากการรับรู้รายได้งานส่วนเพิ่มโครงการไซยะบุรี นอกจากนี้ Backlog ในมือสูงถึง 1.2 แสนล้านบาท และมีโอกาสได้งานเพิ่มอีกมากจาก Mega Project ภาครัฐฯ และงานขนาดใหญ่จากบริษัทลูก
ตลาดหุ้นเอเชียทรงตัวเช้านี้ หลังหุ้นญี่ปุ่นร่วง แต่ราคาน้ำมันดีดตัว
ตลาดหุ้นเอเชียทรงตัวในเช้าวันนี้ หลังเงินเยนแข็งค่าฉุดตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลง แต่ในขณะเดียวกันตลาดก็ได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน
ดัชนี MSCI Asia Pacific ทรงตัวเมื่อเวลาประมาณ 10.05 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,415.31 จุด ลดลง 153.96 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,971.95 จุด ลดลง 7.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,008.74 จุด เพิ่มขึ้น 24.33 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,024.71 จุด เพิ่มขึ้น 8.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,875.59 จุด เพิ่มขึ้น 6.90 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,657.18 จุด เพิ่มขึ้น 3.92 จุด
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 3.37 จุด รับผลประกอบการ บาร์เคลย์ส
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารบาร์เคลย์ส อย่างไรก็ตาม ตลาดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอังกฤษปรับตัวลดลงในเดือนก.ค.
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,724.43 จุด เพิ่มขึ้น 3.37 จุด หรือ +0.05%
หุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 5.5% หลังจากธนาคารเปิดเผยผลประกอบการที่ดีกว่าธนาคารคู่แข่งรายอื่นๆในยุโรป
หุ้นเอสเอบีมิลเลอร์ พุ่งขึ้น 2.1% หลังจากเอบี อินเบฟ ปรับเพิ่มราคาเสนอเทคโอเวอร์กิจการเอสเอบีมิลเลอร์ นอกจากนี้ เอบี อินเบฟ ยังคงดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้กับหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการเพื่อการอนุมัติข้อตกลงเทคโอเวอร์
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันหลังจาก GfK รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอังกฤษ ปรับตัวลง 11 จุดในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค. อันเนื่องมาจากผลกระทบของการที่อังกฤษลงมติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงซื้อหุ้นธนาคาร หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างคึกคัก ก่อนที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ในภาคธนาคาร โดยรายงานดังกล่าวจะแสดงสถานะความแข็งแกร่งทางการเงินโดยทั่วไปของธนาคารในยูโรโซน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.7% ปิดที่ 341.89 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,439.81 จุด เพิ่มขึ้น 19.23 จุด หรือ +0.44% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,337.50 จุด เพิ่มขึ้น 62.57 จุด หรือ +0.61% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,724.43 จุด เพิ่มขึ้น 3.37 จุด หรือ +0.05%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเพราะได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุนอย่างคึกคัก โดยหุ้นยูบีเอส ปรับขึ้น 0.5% หุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 5.5% ส่วนหุ้นธนาคารของอิตาลีและสเปนปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้น Banca Monte dei Paschi di Siena ทะยานขึ้น 6.3% หุ้น Banco Bilbao Vizcaya Argentaria พุ่งขึ้น 3.7%
นักลงทุนจับตาดู ECB จะเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ในภาคธนาคาร ซึ่งจะแสดงสถานะความแข็งแกร่งทางการเงินโดยทั่วไปของธนาคารในยูโรโซน โดยการทดสอบในปีนี้จะให้ความสำคัญต่อระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งคาดว่าภาคธนาคารมีตัวเลข NPL สูงถึง 1 ล้านล้านยูโร
ทั้งนี้ คาดว่าผลการทดสอบธนาคารอิตาลีจะออกมาไม่ดีนัก โดยบางธนาคาร เช่น Monte dei Paschi di Siena กำลังประสบปัญหาหนี้เสีย และอาจต้องการเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล
หุ้นอาร์เซลอร์ มิททัล พุ่งขึ้น 5.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2014
หุ้นลอรีอัล ผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ของฝรั่งเศส ร่วงลง 2.7% เนื่องจากผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัทออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจฝรั่งเศส
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนี้ สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนมิ.ย. อยู่ที่ 10.1% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ค. และยังคงเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี
หากเทียบเป็นรายปี อัตราว่างงานเดือนมิ.ย. ลดลงจาก 11% ในเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว
ในบรรดาประเทศสมาชิก อัตราว่างงานต่ำสุดอยู่ที่มอลตา 4% ตามมาด้วยสาธารณรัฐเช็ก 4.1% และเยอรมนี 4.2% ส่วนอัตราว่างงานสูงสุดได้แก่ กรีซ 23.3% และสเปน 19.9%
นอกจากนี้ ยูโรสแตทยังเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น 0.2% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.
ตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดเป็นอัตราสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.1%
รายงานระบุว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นได้รับแรงหนุนจากราคาอาหาร แอลกอฮอล์ และยาสูบที่เพิ่มขึ้น 1.4% ค่าบริการเพิ่มขึ้น 1.2% ขณะที่ราคาพลังงานยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยร่วงลง 6.6% หลังจากที่ลดลง 6.4% ในเดือนก่อนหน้า
สำหรับ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวน ทรงตัวที่ 0.9%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 24.11 จุด หลังสหรัฐเผยจีดีพีต่ำกว่าคาด
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (29 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของสหรัฐขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดในแดนบวกเช่นกัน โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัทอัลฟาเบธ และอเมซอน เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
ดัชนี เฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,432.24 จุด ลดลง 24.11 จุด หรือ -0.13% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,162.13 จุด เพิ่มขึ้น 7.15 จุด หรือ +0.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,173.60 จุด เพิ่มขึ้น 3.54 จุด หรือ +0.16%
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 0.7% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับลง 0.1% และดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 1.2%
ดัชนี ดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพีเบื้องต้นประจำไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 1.2% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.6% โดยได้รับผลกระทบจากสต็อกสินค้าคงคลังที่ลดต่ำลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2011 นอกจากนี้ ทางกระทรวงยังได้ปรับลดการประมาณการตัวเลขจีดีพีในไตรมาสแรก สู่ระดับ 0.8% หลังจากรายงานก่อนหน้านี้ที่ประมาณการว่าขยายตัว 1.1%
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัทอเมซอน และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยหุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 3.33% ขณะที่หุ้นอเมซอน ปรับตัวขึ้น 0.88%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน ซึ่งช่วยหนุนหุ้นบริษัทพลังงานรายใหญ่อย่างเชฟรอน ปรับตัวขึ้น 0.7% แม้ว่าเชฟรอนเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 1.47 พันล้านดอลลาร์ หรือ 78 เซนต์/หุ้น ในไตรมาส 2 เทียบกับที่มีกำไรสุทธิ 571 ล้านดอลลาร์ หรือ 30 เซนต์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนหุ้นเอ็กซอนโมบิล ร่วงลง 1.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิ 41 เซนต์/หุ้น เทียบกับระดับ 1 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 64 เซนต์/หุ้น
หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส (UPS) ปรับตัวลง 0.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิ 1.43 ดอลลาร์/หุ้น เทียบกับระดับ 1.35 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.43 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นซีร็อกซ์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ และเครื่องถ่ายเอกสาร พุ่งขึ้น 3.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิ 155 ล้านดอลลาร์ หรือ 15 เซนต์/หุ้น และหากไม่นับรายการพิเศษ บริษัทมีกำไร 30 เซนต์/หุ้น โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 25 เซนต์/หุ้น ได้แรงหนุนจากการปรับโครงสร้างในการแยกธุรกิจเครื่องพิมพ์เพื่อลดค่าใช้จ่าย
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีผลต่อภาวะการซื้อขายเมื่อวันศุกร์นั้น มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 90.0 ในเดือนก.ค. จากระดับ 93.5 ในเดือนมิ.ย. และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 90.5
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และการคาดการณ์ในอนาคต โดยดัชนีดังกล่าวเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ฐานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล
อินโฟเควสท์