WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET9ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัวคล้ายตลาดภูมิภาค รอดูการประชุม ECB,FED,BOJ

     นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวน่าจะคล้ายคลึงกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่แกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ เพื่อรอผลการประชุมของทั้งธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีในวันที่ 21 ก.ค.นี้, การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 26-27 ก.ค.และ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 28-29 ก.ค. โดยดูว่าจะมีมาตรการใดออกมาบ้างหรือไม่

      นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศต่างก็ปรับตัวขึ้นไปมากแล้วจากปัจจัยภายนอกประเทศในความคาดหวังจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ตอนนี้ก็คงรอสัญญาณใหม่ที่จะเข้ามา และคืนนี้ก็ให้ติดตามสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง เพราะจะบ่งชี้ถึงแนวโน้มราคาน้ำมันในระยะต่อไป

    ส่วนปัจจัยในประเทศก็ให้ติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/59 ของบริษัทจดทะเบียน ภายหลังจากที่งบฯแบงก์ที่ทยอยออกมาโดยรวมถือว่าดีกว่าตลาดประเมินไว้

พร้อมให้แนวรับ 1,480 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ก.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,559.01 จุด เพิ่มขึ้น 25.96 จุด (+0.14%)ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,036.37 จุด ลดลง 19.41 จุด (-0.38%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,163.78 จุด ลดลง 3.11 จุด (-0.14%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 76.39 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.89 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 26.81 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 21.35 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 3.49 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 15.19 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.06 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ก.ค.59) 1,492.00 จุด เพิ่มขึ้น 3.31 จุด (+0.22%)

     - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,241.31 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ก.ค.59

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ก.ค.59) ปิดที่ 44.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 59 เซนต์ หรือ 1.3%

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ก.ค.59) ที่ 4.92 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 35.00/04 แนวโน้มแข็งค่าจากแรงขายดอลล์-ลุ้นผลประชุม BoE ในสัปดาห์นี้

   - ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมสรรพากรเข้าไปตรวจสอบการเสียภาษีของบริษัทนอมินีทั้งหมดในทุกภาคธุรกิจ โดยเริ่มจากบริษัทนอมินีทัวร์ต่างประเทศต่างๆ ที่มีขึ้นจำนวนมาก โดยให้ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดำเนินการตรวจสอบการเสียภาษีของนอมินีบริษัทท่องเที่ยวทั้งหมด

     - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยข้อมูลการโอนเงินผ่านระบบบาทเนตไตรมาส 2/59 ปริมาณเกือบ 1 ล้านรายการ มูลค่ากว่า 200 ล้านล้านบาท และเดือนล่าสุดปริมาณและมูลค่ายังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรแบบทวิภาคี ซื้อขายพันธบัตรรัฐบาล และจ่ายคืนเงินต้นดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลโตถึง 425.4%

     - นักวิเคราะห์เตือนราคาทองยังผันผวน แนะตัดขาดทุน 1,290 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ด้านโบรกฯทองมองภาพรวมครึ่งปีหลังราคายังมีโอกาสปรับตัวขึ้นถึง 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

      - รมว.คลัง เตรียมนำข้อมูลทะเบียนคนจนมาจัดระเบียบสวัสดิการรัฐใหม่ เพิ่มเบี้ยยังชีพคนชรามากกว่า 600 บาท/เดือน ขึ้นรถเมล์ รถไฟฟรี พร้อมเชื่อมระบบจ่ายสวัสดิการ-เบี้ยยังชีพเข้าอีเพย์เมนต์ จ่ายเงินโดยตรงผู้สูงอายุ มั่นใจหากช่วยเหลือตรงจุดจะประหยัดงบ 8.8 หมื่นล้านบาท นำไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหรือจ่ายสวัสดิการเพิ่มได้

    - มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ระบุ ภาพรวมกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ในช่วงครึ่งปีแรกมีเงินไหลออกถึง 10,623 ล้านบาท มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเงินไหลออก 7,026 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลังจากถือครองครบ 5 ปี หากนักลงทุนซื้อแอลทีเอฟในปี 2555 และขายในปี 2559 จะได้ผลตอบแทนประมาณ 7-8% ต่อปี โดยเงินไหลออกจากกองแอลทีเอฟทั้งสองประเภท คือ กองที่ลงทุนในหุ้น 100% และกองที่ลงทุนในหุ้น 70% และตราสารหนี้ 30%

*หุ้นเด่นวันนี้

    - TMT (ไอร่า) เป้า 13.30 บาท คาด 2Q/59 กำไรสุทธิอยู่ในระดับที่ดีที่ 170 ล้านบาท และทำให้คาด 1H/59 มีกำไรสุทธิ 450 ล้านบาท สูงกว่าทั้งปี 58 และภายใต้ภาพรวมทั้งปี 59 ยังโดดเด่น รวมถึงเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจในกลุ่มเหล็ก จากความสามารถในการทำกำไรที่ดีเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น จากการบริหารจัดการ Stock ได้ดี ที่สำคัญเป็นหุ้นปันผลเป็นประจำ 1 ครั้ง/ปี คาด Div.Yield สูงถึง 10.5%

      - CPN (โกลเบล็ก) เป้า 65 บาท คาดรายได้ปี 59 ที่ 3.45 หมื่นลบ. (+26%) และกำไรสุทธิ +15% เป็น 9.8 พันลบ.จากการรุกธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียมเพื่อขาย,ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างสาขาในประเทศ 3 แห่งที่จ.นครศรีธรรมราช (grand opening 2831 ก.ค.) จ.นครราชสีมา (เปิดครึ่งปีหลังปี 60) และจ.ภูเก็ต เฟส 2 (เปิดครึ่งปีหลังปี 60) และที่ต่างประเทศคือมาเลเซีย (เปิดปี 61) ในปี 61 จะเริ่มรับรู้รายได้จากคอนโดฯ ทำเลใกล้กับศูนย์การค้าสาขาเชียงใหม่ ระยอง และขอนแก่น

     - TCAP (แอพเพิล เวลธ์) "ซื้อ"เป้า 42.25 บาท กำไรไตรมาส 2/59  ที่ 1.47 พันลบ. เติบโต +5.2%YoY +8.6%QoQ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่ลดลงถูกชดเชยด้วยการลดลงของ Provision ด้าน NPL ลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 2.71% LLR Coverage แข็งแกร่ง 125% จึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 59 ที่ 6 พันล้านบาท

    - IRPC (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 5.85 บาท คาดกำไร 2Q59 อยู่ที่ราว 3,711 ล้านบาท +731%QoQ และ +23%YoY โดยผลประกอบการได้ผลบวกจากกำไรสต๊อกน้ำมันดิบและค่าเงินบาทราว 1.5 พันล้านบาท ส่วนโครงการ UHV เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ช่วยหนุนผลประกอบการ ทั้งนี้ยังคงประมาณการปี 59 ที่ 9,040 ล้านบาทตามเดิมซึ่งหดตัว 4% จากปีก่อน

ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ หลัง IMF หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลก

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ หลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกประจำปี 2559 และ 2560 เนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้น ภายหลังจากที่สหราชอาณาจักรลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU)

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.2% สู่ระดับ 133.59 จุด เมือเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,646.92 จุด ลดลง 76.39 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,034.71 จุด ลดลง 1.89 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,646.39 จุด ลดลง 26.81 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,013.52 จุด ลดลง 21.35 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,013.40 จุด ลดลง 3.49 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,934.73 จุด เพิ่มขึ้น 15.19 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,669.49 จุด ลดลง 1.06 จุด

      ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.1% ในปี 2559 และ 3.4% ในปี 2560 ซึ่งลดลง 0.1% จากการคาดการณ์ในเดือนเม.ย. ที่ระดับ 3.2% และ 3.5% ตามลำดับ

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 1.95 จุด หลังอังกฤษเผยข้อมูลเงินเฟ้อ

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่ผ่านมา หลังอังกฤษเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น

    ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 1.95 จุด หรือ 0.03% แตะที่ 6,697.37 จุด

      ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) ที่ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งวัดโดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. จากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ค. เนื่องจากค่าตั๋วเครื่องบิน น้ำมันเชื้อเพลง และราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้น

      ตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดนี้สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 0.4% โดย ONS ระบุว่า ค่าเดินทางทางอากาศที่พุ่งขึ้นถึง 10.9% ระหว่างเดือนพ.ค.-มิ.ย.นั้น อาจมีความเชื่อมโยงกับการแข่งขันฟุตบอลยูโร

    รายงานระบุว่า ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ได้จากข้อมูลสถิติที่เก็บรวบรวมก่อนที่ชาวอังกฤษจะทำการลงประชามติเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.

     หุ้นริโอ ทินโต ลดลง 3.5% หลังจากเปิดเผยยอดการผลิตแร่เหล็กที่เพิ่มขึ้นต่ำเกินคาด

     หุ้นโคคา-โคลา เอชบีซี เอจี เพิ่มขึ้น 3.1% หลังจากนักลงทุนของบริษัทเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของบริษัท

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลัง EU หั่นคาดการณ์ศก.ยูโรโซน

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี เนื่องจากความวิตกกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบ Brexit  และหลังจากสหภาพยุโรป (EU) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซน เนื่องจากปัจจัย Brexit ทำให้ความไม่แน่นอนเพิ่มสูงขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 337.32 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,330.13 จุด ลดลง 27.61 จุด หรือ -0.63% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,981.24 จุด ลดลง 81.89 จุด หรือ -0.81% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,697.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.95 จุด หรือ +0.03%

                ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันหลังจาก EU ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซน โดยระบุว่าผลโหวต Brexit ทำให้ความไม่แน่นอนเพิ่มสูงขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัว

                ทั้งนี้ EU คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร 19 ประเทศ จะชะลอตัวมาอยู่ที่ 1.3-1.5% ในปี 2559 จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.7% ในเดือนพ.ค. และคาดว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะขยายตัวในอัตราเดียวกัน

                รายงานของ EU ยังได้เตือนด้วยว่า การลงประชามติของสหราชอาณาจักรได้สร้างสถานการณ์ไม่แน่นอนขึ้นมากเป็นพิเศษ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะคงอยู่ต่อไประยะหนึ่ง และอาจจะส่งผลกระทบไม่เพียงอังกฤษเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเศรษฐกิจอียูทั้งหมด ผ่านทางหลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะความไม่แน่นอน การลงทุน การค้า และการอพยพ

                ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยลบหลังจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในเดือนก.ค. ดิ่งลงแตะ -6.8 จุด จากระดับ 19.2 จุดในเดือนมิ.ย. อันเนื่องมาจากผลโหวต Brexit

                ตัวเลขเดือนก.ค.ถือเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2555 และลดลงมากกว่าที่นักเศรษศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 9.0

                หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง หลังจากบริษัทริโอ ทินโต เปิดเผยยอดส่งออกแร่เหล็กที่น้อยกว่าการคาดการณ์ในไตรมาส 2 โดยหุ้นริโอ ทินโต ร่วงลง 3.5% หุ้นเกลนคอร์ ดิ่งลง 3.5% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.9%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 25.96 จุด หลังสหรัฐเผยตัวเลขสร้างบ้านพุ่งแรง

            ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ตัวเลขการสร้างบ้านเดือนมิ.ย.ในสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และเน็ตฟลิกซ์ อิงค์

                ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,559.01 จุด เพิ่มขึ้น 25.96 จุด หรือ +0.14% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,036.37 จุด ลดลง 19.41 จุด หรือ -0.38% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,163.78 จุด ลดลง 3.11 จุด หรือ -0.14%

                ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดดีดตัวขึ้น ขานรับข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 4.8% ในเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 1.19 ล้านยูนิต ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 1.17 ล้านยูนิต

                กระทรวงยังรายงานว่า การอนุญาตก่อสร้างบ้าน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทำให้เห็นแนวโน้มของการเริ่มสร้างบ้านในอนาคต เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 1.15 ล้านยูนิต

                อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนีดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี NASDAQ และ S&P 500 ปิดในแดนลบ หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการ

                หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.18% แม้ว่าธนาคารเปิดเผยรายได้สุทธิในไตรมาส 2 อยู่ที่ 7.93 พันล้านดอลลาร์ และกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.82 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

                หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 13.13% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด ขณะที่หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.61% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการ

                หุ้นฟิลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล ร่วงลง 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายในต่างประเทศ

                ส่วนหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ดีดตัวขึ้น 1.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกประจำปี 2559 และ 2560 เนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้น ภายหลังจากที่สหราชอาณาจักรลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU)

                ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.1% ในปี 2559 และ 3.4% ในปี 2560 ซึ่งลดลง 0.1% จากการคาดการณ์ในเดือนเม.ย. ที่ระดับ 3.2% และ 3.5% ตามลำดับ

                สำหรับสหรัฐอเมริกา IMF คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2.2% ในปี 2559 ลดลง 0.2% จากการคาดการณ์ครั้งก่อน ขณะที่คงคาดการณ์ปี 2560 ไว้ที่ 2.5%

                นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 19 ก.ค. 2559

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 18,559.01 จุด เพิ่มขึ้น 25.96 จุด, +0.14%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,036.37 จุด ลดลง 19.41 จุด, -0.38%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,163.78 จุด ลดลง 3.11 จุด, -0.14%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,330.13 จุด ลดลง 27.61 จุด, -0.63%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,981.24 จุด ลดลง 81.89 จุด, -0.81%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,697.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.95 จุด, +0.03%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,787.62 จุด เพิ่มขึ้น 40.96 จุด, +0.15%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,670.55 จุด ลดลง 0.29 จุด, -0.02%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,919.54 จุด ลดลง 9.22 จุด, -0.31%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,172.83 จุด เพิ่มขึ้น 45.33 จุด, +0.88%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,673.20 จุด ลดลง 129.98 จุด, -0.60%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 8,036.01 จุด เพิ่มขึ้น 49.76 จุด, +0.62%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,036.60 จุด ลดลง 6.97 จุด, -0.23%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,451.30 จุด ลดลง 7.20 จุด, -0.13%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,533.90 จุด ลดลง 5.00 จุด, -0.09%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,016.89 จุด ลดลง 4.22 จุด, -0.21%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 16,723.31 จุด เพิ่มขึ้น 225.46 จุด, +1.37%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,034.87 จุด เพิ่มขึ้น 26.66 จุด, +0.30%

      ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ตัวเลขการสร้างบ้านเดือนมิ.ย.ในสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และเน็ตฟลิกซ์ อิงค์

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,559.01 จุด เพิ่มขึ้น 25.96 จุด หรือ +0.14% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,036.37 จุด ลดลง 19.41 จุด หรือ -0.38% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,163.78 จุด ลดลง 3.11 จุด หรือ -0.14%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี เนื่องจากความวิตกกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบ Brexit  และหลังจากสหภาพยุโรป (EU) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซน เนื่องจากปัจจัย Brexit ทำให้ความไม่แน่นอนเพิ่มสูงขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 337.32 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,330.13 จุด ลดลง 27.61 จุด หรือ -0.63% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,981.24 จุด ลดลง 81.89 จุด หรือ -0.81% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,697.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.95 จุด หรือ +0.03%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่ผ่านมา หลังอังกฤษเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น

          ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 1.95 จุด หรือ 0.03% แตะที่ 6,697.37 จุด

       สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) จากการคาดการณ์ที่ว่าการผลิตน้ำมันในสหรัฐอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทน้ำมันในสหรัฐได้เริ่มกลับมาเปิดใช้งานแท่นขุดเจาะอีกครั้ง

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 59 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 44.65 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 46.66 ดอลลาร์/บาร์เรล

    สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่า กองทัพตุรกีพยายามก่อรัฐประหารเพื่อโค่นล้มรัฐบาลประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิป เออร์โดกัน อย่างไรก็ตาม การก่อรัฐประหารดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่  1,332.30 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 6.8 เซนต์ หรือ 0.34% ปิดที่ 20.007 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 3 ดอลลาร์ หรือ 0.27% ปิดที่ 1,098.60 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 10.35 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 656.40 ดอลลาร์/ออนซ์

     สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนแรงลงหลังจากสหภาพยุโรป (EU) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซน เนื่องจากปัจจัย Brexit

          เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1012 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1075 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะระดับ 1.3092 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3266 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงแตะ 0.7505 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7596 ดอลลาร์สหรัฐ

          ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 106.04 เยน จากระดับ 106.05 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9858 ฟรังก์ จากระดับ 0.9820 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3034 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2945 ดอลลาร์แคนาดา

     ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 746.00 จุด ลดลง 2.00 จุด, -0.27%

      อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!