WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

bull market1ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้นทดสอบ 1,500 ตามตลาดตปท.-BoE ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินเดือนหน้า

    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,500 จุด จากแรงหนุนบรรยากาศตลาดต่างประเทศที่ต่างบวกกันทั่วหน้า ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ BoE ก็ได้ส่งสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในการประชุมเดือนส.ค. ตอนนี้จึงเป็นช่วงของการรอคอยเท่านั้น

     นอกจากนี้ ทาง"เจพี มอร์แกน"ได้ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2 ออกมาดีกว่าคาดด้วย อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ตลาดฯปรับตัวขึ้นก็อาจเจอแรงขายทำกำไรออกมาได้ เนื่องจากวันนี้จะเป็นวันทำการสุดท้ายก่อนจะหยุดยาว 4 วัน และตลาดฯก็ได้ปรับตัวขึ้นเกือบ 100 จุด ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้สัญญาณทางเทคนิคขณะนี้ได้เข้าเขตซื้อมากไปแล้ว

      อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังได้แรงหนุนจาก Fund Flow ที่ยังไหลเข้ามาต่อเนื่อง พร้อมให้แนวรับ 1,482-1,480 ถัดไป 1,475 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 ก.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,506.41 จุด พุ่งขึ้น 134.29 จุด (+0.73%)ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,034.06 จุด เพิ่มขึ้น 28.33 จุด (+0.57%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,163.75 จุด เพิ่มขึ้น 11.32 จุด (+0.53%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 10.23 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.66 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 28.02 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 9.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.60 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 25.43 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.68 จุด

       - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ก.ค.59) 1,488.69 จุด เพิ่มขึ้น 11.08 จุด(+0.75%)

      - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,027.92 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ก.ค.59

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 ก.ค.59) ปิดที่ 45.68 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 2.1%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ก.ค.59) ที่ 5.05 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 35.05/07 อ่อนค่าเล็กน้อย หลัง BoE มีมติคงดอกเบี้ยสวนทางตลาดคาด-จับตา Fund Flow

      - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวภายหลังการประชุมติดตามการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ ว่า ได้ฝากแนวคิดในการดำเนินงานให้กระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับวิธีการเจรจาการค้าใหม่ จากเดิมที่ใช้วิธีเจรจาเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่เน้นเรื่องการลดภาษี แต่ต่อไปจะหันมาใช้วิธีเป็นหุ้นส่วนการค้า โดยจะเลือกเจรจากับประเทศคู่ค้าในสาขาที่ไทยและคู่ค้าต้องการ เพื่อให้การเจรจาการค้าทำได้เร็วขึ้น

      - แบงก์ชาติเตรียมปรับการดำเนินนโยบายการเงินมาลงตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นหลังจากดอกเบี้ยใช้ไม่ได้ผล ชี้คนไทยลงทุนเสี่ยงขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนลงทุนหุ้นเล็ก-ตราสารคุณภาพต่ำ พร้อมชี้ข้อดี Brexit ทำให้เงินทุนหันหน้ามาเอเชียมากขึ้น

      - สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 3 ส.ค.นี้ คาดว่า กนง.จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายต่อไปอีกครั้งแม้มีแนวโน้มจะเกิดสงครามค่าเงินในภูมิภาครอบใหม่ จากการที่ล่าสุด ธนาคารกลางมาเลเซียได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในรอบ 7 ปี โดยปรับลดลง 0.25% มาอยู่ที่ 3%

      - ธปท.เกาะติดเงินทุนไหลเข้า ห่วงเป็นเงินร้อนเข้ามาลงทุนไม่นาน สร้างความผันผวนให้ค่าเงิน ชี้เสถียรภาพระบบการเงินไทยอยู่ในเกณฑ์ดี แต่มีจุดเปราะบางอยู่ที่เอสเอ็มอีและครัวเรือนภาคเกษตร หลังเศรษฐกิจฟื้นช้าเจอปัญหาภัยแล้ง ฉุดความสามารถในการชำระหนี้ รับดอกเบี้ยต่ำนาน คนมุ่งหาผลตอบแทนสูง ทำให้มองข้ามความเสี่ยง

*หุ้นเด่นวันนี้

    - PS (ไอร่า) เป้า 32.20 บาท ภายใต้ประเด็นความน่าสนใจข้อมูลล่าสุดที่ PS เปิดเผย ยอดโอนกรรมสิทธิ์ 5M/59 จำนวน 8,000 ยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่า ประมาณ 22,000 ล้านบาท ดีขึ้นจาก 5M/58 ขณะเดียวกันยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างขาย 171 โครงการ มูลค่ารวม ประมาณ 73,000 ล้านบาท (ลดลงจาก 78,000 ล้านบาท เมื่อต้นปี59) ในช่วง 2H/59 PS มีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 38 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท หลัง 1H/59 เปิดไปแล้ว 27 โครงการ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท ทำให้ทั้งปี59 เปิดโครงการใหม่ 60-65 โครงการ มูลค่ารวม ประมาณ 50,00054,000 ล้านบาท และคาดทำให้ Presale เติบโตตามเป้าหมายที่ 51,000 ล้านบาท (คาด 1H/59 ทำได้ประมาณ 22,000 ล้านบาท)

       - CPN (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 68 บาท ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งทั้งในส่วนของแบรนด์ และส่วนแบ่งตลาด จากกลยุทธการขยายสาขาใหม่สม่ำเสมอ และการมุ่งเน้นปรับปรุงศูนย์การค้าเดิม เพื่อเพิ่มภาพลักษณ์บริษัทให้ทันสมัย ได้เปรียบทางการแข่งขันในแต่ละพื้นที่ หนุนให้ CPN สามารถรักษาการเติบโตของรายได้ดี มี Occupancy rate เฉลี่ยสูง และสามารถปรับขึ้นค่าเช่าได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว

      - EA (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 30 บาท ด้วยเหตุผล 1) คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 37% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2559-61) 2) อุตสาหกรรมพลังงานลมอยู่ในช่วงการเติบโตก้าวกระโดด และ 3) ราคาปัจจุบันมี Upside 38% จากราคาเป้าหมาย

     - BCH (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 13.70 บาท ช่วง 2H59 คาดโตเด่นทั้ง HoH และ YoY จาก 1) เข้า High Season 2) แผนเพิ่มกำลังให้บริการ และ 3) รับรู้ค่าภาระเสี่ยง SC นอกจากนี้ คาดได้ประโยชน์จากการชิงโควต้าประกันสังคมเพิ่มหลัง รพ.เปาโลถอนตัว  โดยคาดปี 59 กำไรโต 27%YoY และโตต่อปีละ 12.9% ในปี 60-61 + Upside 11%

     - CK (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลการดำเนินงานปี 59 จะโดดเด่น เนื่องจากอาจมีการรับรู้งานส่วนเพิ่มเติมในโครงการเขื่อนไซยะบุรีมูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านบาท อีกทั้งยังมีงานประมูลของทางภาครัฐและเอกชนออกมาเรื่อยๆไม่ว่าจะป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสี ส้ม เหลือง ชมพู และสุวรรณภูมิเฟส 2 นอกจากนี้ CK ได้รับผลประโยชน์จากการเป็นผู้ถือใหญ่ในบริษัทฯ BEM CKP และ TTW ซึ่งอยู่ในอุตสาหกกรมที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโต

     - KBANK (โกลเบล็ก) เป้า 182 บาท คาดกำไรสุทธิ 2Q59 ราว 1.01 หมื่นล้านบาท (-12%YoY แต่ + 17%QoQ)  เนื่องจากสินเชื่อเติบโตขึ้นราว 3.7%YTD  ดีขึ้นจากที่เติบโตเพียง 0.2%YTD ช่วง Q1/59  credit cost ลดลงจาก Q1 ที่สูงถึง 280 bps  รวมถึง NPL เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัว  ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรทั้งปีที่ 3.75 หมื่นลบ.

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับ BoE ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,396.12 จุด เพิ่มขึ้น 10.23 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,056.68 จุด เพิ่มขึ้น 2.66 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,589.08 จุด เพิ่มขึ้น 28.02 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,857.15 จุด ลดลง 9.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,015.37 จุด เพิ่มขึ้น 6.60 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,932.35 จุด เพิ่มขึ้น 25.43 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,660.46 จุด เพิ่มขึ้น 5.68 จุด

     ทั้งนี้ ตลาดได้รับปัจจัยหนุนหลังจากแถลงการณ์การประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เมื่อวานนี้ระบุว่า BoE มีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายในการประชุมเดือนหน้า หลังจากที่ BoE ทำการประเมินผลกระทบที่เศรษฐกิจอังกฤษได้รับจากการที่สหราชอาณาจักรลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 15.93 จุด หลังแบงก์ชาติอังกฤษตรึงดอกเบี้ย

    ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) สร้างความประหลาดใจต่อตลาดเมื่อวานนี้ ด้วยการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%

   ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 15.93 จุด หรือ 0.24% แตะที่ 6,654.47 จุด

    ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงหลัง BoE ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยคะแนนเสียง 8-1 ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%

   นอกจากนี้ BoE ยังได้ลงมติด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ในการคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3.75 แสนล้านปอนด์

   การประชุมนโยบายการเงินเมื่อคืนนี้ เป็นการประชุมครั้งแรกของ BoE หลังการลงประชามติในสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.เพื่อแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

   นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินสกุลปอนด์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3323 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.3162 ดอลลาร์/ปอนด์ หลัง BoE ประกาศมติการตัดสินใจ

     หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นบาร์เคย์สเพิ่มขึ้น 2% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ เพิ่มขึ้น 2.5% และหุ้นลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.6%

     ส่วนหุ้นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าหรูหราปรับตัวลดลง นำโดยหุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ร่วงลง 2.3% หุ้นเรคคิทท์ เบนไคเซอร์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Clearasil และ Calgon ลดลง 1.6% และหุ้นดิอาจีโอ ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปรับตัวลดลง 1.3%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 134.29 จุด รับ BoE ส่งสัญญาณลดดบ.เดือนหน้า

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,506.41 จุด พุ่งขึ้น 134.29 จุด หรือ +0.73% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,034.06 จุด เพิ่มขึ้น 28.33 จุด หรือ +0.57% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,163.75 จุด เพิ่มขึ้น 11.32 จุด หรือ +0.53%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ หลังจากบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส ที่เปิดเผยกำไรไตรมาส 2 มูลค่า 1.55 ดอลลาร์/หุ้น เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ที่ระดับ 1.43 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 2.52 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.42 หมื่นล้านดอลลาร์

   ตลาดยังได้รับแรงบวกหลังจากแถลงการณ์การประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เมื่อวานนี้ระบุว่า BoE มีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายในการประชุมเดือนหน้า หลังจากที่ BoE ทำการประเมินผลกระทบที่เศรษฐกิจอังกฤษได้รับจากการที่สหราชอาณาจักรลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

   "ขณะที่ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ภาวะย่ำแย่ลงระหว่างปัจจัยสนับสนุนการขยายตัว และการดีดตัวของเงินเฟ้อ กรรมการส่วนใหญ่ของ MPC จึงคาดว่าจะทำการผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมเดือนส.ค." BoE ระบุ

   ส่วนในการประชุมเมื่อวานนี้ BoE ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และได้คงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3.75 แสนล้านปอนด์

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมัน WTI ที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกทรงตัวที่ระดับ 254,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ก.ค. ซึ่งใกล้กับระดับ 248,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 43 ปีที่ทำไว้ในกลางเดือนเม.ย.

    ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) พุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2015 โดยดีดตัวขึ้นตามราคาพลังงานและภาคบริการ

     หุ้นไลน์ คอร์ป ผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นส่งข้อความ ปิดตลาดพุ่งขึ้น 26.6% ที่ระดับ 41.58 ดอลลาร์ ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กวันแรกเมื่อคืนนี้ โดยในระหว่างวันนั้น ราคาหุ้นไลน์เคลื่อนไหวที่ระดับ 42 ดอลลาร์/หุ้น พุ่งขึ้น 30% จากราคาเสนอขายต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) และจากมูลค่าหุ้นดังกล่าวส่งผลให้บริษัทไลน์มีมูลค่าสูงกว่า 9 พันล้านดอลลาร์

    หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นขานรับผลประกอบการของเจพีมอร์แกน เชส โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับขึ้น 1.6% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 3.1% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ทะยานขึ้น 2.6% ส่วนหุ้นเจพีมอร์แกน ปรับขึ้น 1.5%

      หุ้นเดลต้า แอร์ไลนส์ พุ่งขึ้น 3.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นยัม แบรนด์ส พุ่งขึ้น 3% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้

       นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย., ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนมิ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนมิ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ค.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 ก.ค. 2559

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 18,506.41 จุด เพิ่มขึ้น 134.29 จุด, +0.73%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,034.06 จุด เพิ่มขึ้น 28.33 จุด, +0.57%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,163.75 จุด เพิ่มขึ้น 11.32 จุด, +0.53%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,385.52 จุด เพิ่มขึ้น 50.26 จุด, +1.16%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,068.30 จุด เพิ่มขึ้น 137.59 จุด, +1.39%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,654.47 จุด ลดลง 15.93 จุด, -0.24%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,942.11 จุด เพิ่มขึ้น 126.93 จุด, +0.46%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,654.78 จุด ลดลง 5.61 จุด, -0.34%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,906.92 จุด ลดลง 3.73 จุด, -0.13%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,083.54 จุด ลดลง 50.39 จุด, -0.98%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,561.06 จุด เพิ่มขึ้น 238.69 จุด, +1.12%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,956.14 จุด เพิ่มขึ้น 12.12 จุด, +0.15%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,411.60 จุด เพิ่มขึ้น 23.10 จุด, +0.43%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,491.80 จุด เพิ่มขึ้น 21.50 จุด, +0.39%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,008.77 จุด เพิ่มขึ้น 3.22 จุด, +0.16%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 16,385.89 จุด เพิ่มขึ้น 154.46 จุด, +0.95%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,866.36 จุด เพิ่มขึ้น 8.61 จุด, +0.10%

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,506.41 จุด พุ่งขึ้น 134.29 จุด หรือ +0.73% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,034.06 จุด เพิ่มขึ้น 28.33 จุด หรือ +0.57% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 2,163.75 จุด เพิ่มขึ้น 11.32 จุด หรือ +0.53%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ส่วนในการประชุมเมื่อวานนี้ BoE ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของตลาด

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.8% ปิดที่ 338.50 จุด 

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,385.52 จุด เพิ่มขึ้น 50.26 จุด หรือ +1.16% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,068.30 จุด พุ่งขึ้น 137.59 จุด หรือ +1.39% ดัชนีFTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,654.47 จุด ลดลง 15.93 จุด หรือ -0.24%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)สร้างความประหลาดใจต่อตลาดเมื่อวานนี้ ด้วยการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%

          ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 15.93 จุด หรือ 0.24% แตะที่ 6,654.47 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย.ที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบหลายเดือน

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 2.1% ปิดที่ 45.68 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 47.37 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ขานรับธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 11.40 ดอลลาร์ หรือ 0.85% ปิดที่ระดับ 1,332.20 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 9.10 เซนต์ หรือ 0.45% ปิดที่ 20.322 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 4.40 ดอลลาร์ หรือ 0.40% ปิดที่ 1,104.60 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ขยับขึ้น 0.4 เซนต์ ปิดที่ 2.243 ดอลลาร์/ออนซ์

 

เงินสกุลปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) หลังจากธนาคารกลางอังฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งสวนทางกับกระแสคาดการณ์ในตลาด

          เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1123 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1110 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.3323 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3162 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะ 0.7640 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7614 ดอลลาร์สหรัฐ

          ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 105.38 เยน จากระดับ 104.37 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9800 ฟรังก์ จากระดับ 0.9828 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2879 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2966 ดอลลาร์แคนาดา

 

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 738.00 จุด เพิ่มขึ้น 12.00 จุด, +1.65%

      อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!