- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 14 July 2016 13:50
- Hits: 1327
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้อาจย่อลงเล็กน้อยหลังขึ้นหลายวัน ยังได้แรงหนุน Fund Flow
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้อาจจะย่อตัวลงเล็กน้อย หลังจากที่ดัชนีฯได้ปรับตัวขึ้นไปหลายวัน แต่เชื่อว่าตลาดฯก็ยังจะได้รับแรงหนุนจาก Fund Flow ที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากผลตอบแทนจากสินทรัพย์ปลอดภัยปรับตัวลดลงเรื่อย ๆ ขณะที่ผลตอบแทนจากสินทรัพย์เสี่ยงยังอยู่ในระดับที่ดี
อีกทั้ง เศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ในเอเชียมีการฟื้นตัวได้ดี ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้กับตลาดฯได้ ดังนั้น แม้ว่าตลาดฯ อาจจะปรับตัวลงแต่คงไม่มาก และมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปได้ด้วย ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ติดลบเล็กน้อย
พร้อมให้กรอบการแกว่งตัวของดัชนีวันนี้ไว้ที่ 1,470-1,484 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 ก.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,372.12 จุด เพิ่มขึ้น 24.45 จุด (+0.13%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,005.73 จุด ลดลง 17.09 จุด (-0.34%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,152.43 จุด เพิ่มขึ้น 0.29 จุด (+0.01%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 10.77 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.71 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 24.83 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 19.99 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.43 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.13 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 9.37 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ก.ค.59) SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,587.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ก.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 ก.ค.59) ปิดที่ 44.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.05 ดอลลาร์ หรือ 4.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ก.ค.59) ที่ 4.90 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.20/21 อ่อนค่าจากวานนี้ รอปัจจัยใหม่ คาดวันนี้แกว่งในกรอบ 35.10-35.25
- ธนาคารกลางมาเลเซีย (บีเอ็นเอ็ม) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% อยู่ที่ 3% ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี สวนทางกับคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะคงดอกเบี้ย
- รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จะเร่งผลักดันงบลงทุนกว่าแสนล้านบาทในปี 2560 แบ่งเป็นโครงการทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง ระยะทาง 17 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุน 2.7-3 หมื่นล้านบาท ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือมอเตอร์เวย์ นครปฐม-ชะอำ ระยะทาง 120 กม. วงเงิน 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะบรรจุอยู่ในแผนปฏิบัติการปี 2560 เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์)
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นครัวเรือน (KR-ECI) ประจำเดือน มิ.ย.59 ปรับลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 42.5 จากระดับ 42.7 ในเดือน พ.ค.59 สะท้อน มุมมองครัวเรือนที่ระมัดระวังมากขึ้นต่อภาวะการดำรงชีพในปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเด็นด้านสถานการณ์ราคาสินค้า และค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมไปถึงภาระ หนี้สิน ขณะที่ครัวเรือนกลับมีมุมมองที่ดีขึ้นในเรื่องของรายได้และเงินออม ส่วนหนึ่งมาจากการจ่ายเงินพิเศษช่วงกลางปีของหลายองค์กร
- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก (โอเปก) ซึ่งรวมถึงประเทศกาบอง สมาชิกใหม่จากแอฟริกาทางตะวันตก คาดการณ์ว่า จะสามารถผลิตน้ำมันได้ราว 33 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 60 ซึ่งมากกว่าระดับการผลิตในเดือน มิ.ย.ที่เพิ่มขึ้น 2.64 แสนบาร์เรล/วัน เป็น 32.858 ล้านบาร์เรล/วัน
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานปริมาณการใช้เช็คในระบบ ล่าสุด ณ สิ้นเดือน มิ.ย. หรือครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ว่า ทั้งระบบมีปริมาณการใช้เช็คทั้งสิ้น 5.9 ล้านใบ มีมูลค่ารวม 3.36 ล้านล้านบาท โดยปริมาณเช็คลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน 5.26 แสนล้านใบ หรือ 8.17% ส่วนมูลค่าเช็คยังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.4 หมื่นล้านบาท หรือ 0.42%
*หุ้นเด่นวันนี้
- LIT (ไอร่า) เป้า 9.85 บาท Q2-Q3 เข้าสู่ช่วง High Season เนื่องจากใกล้สิ้นปีงบประมาณส่งผลให้มีการเร่งประมูลงานมากขึ้น นอกจากนี้การเปลี่ยนจากระบบ E-Auction มาเป็น E-Bidding และ E-marketing ช่วยให้ SME ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มหลักของ LIT มีโอกาสประมูลงานภาครัฐได้มากขึ้น โดยปัจจุบัน LIT มีลูกค้าที่รับงานภาครัฐถึง 70% ของสินเชื่อรวม คาดกำไรสุทธิปี’59 เติบโต 45% จากสินเชื่อรวมที่คาดเติบโตสูงถึง 36%, เร่งประมูลงานของรัฐบาล คาดยังช่วยหนุนสินเชื่อ BID Bond ให้เติบโตตามเป้าหมายใน 2H/59 และคาดการตั้งสำรองหนี้ลดลง
- PTTEP (โกลเบล็ก) เป้า 85 บาท คาดกำไร Q2/59 ที่ 2.1 พันล้านบาท +64%YoY แต่ -62%QoQ เนื่องจากถูกกดดันจากผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงในราคาน้ำมันราว 3.5 พันล้านบาท ปริมาณการผลิตปรับตัวลงสู่ระดับ 320 พันบาร์เรลต่อวัน พร้อมปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 59 และ 60 เพิ่มขึ้นจาก 10,195 และ 15,313 ล้านบาท เป็น 14,202 และ 20,155 ล้านบาท ตามลำดับ
- PYLON (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้าสูงสุด Consensus 12.4 บาท ประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมเสาเข็มของไทยจะเริ่มต้นขาขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/59 เป็นต้นไป อีกอย่างน้อย 2-3 ปี จากนโยบายการลงทุนภาครัฐฯ และภาคอสังหาฯเริ่มฟื้นตัว ตามการลงทุนภาครัฐฯ (เห็นได้จากการเริ่มเปิดโครงการใหม่ฯ) เป็นบวกต่อดีมานด์เสาเข็มในภาคเอกชน รวมทั้งคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 จะเป็นจุดต่ำสุดและเริ่มต้นของ Earning momentum ขาขึ้นในไตรมาส 3/59 เป็นต้นไป (งบไตรมาส 2/59 คาดจะลดลง QoQ และ YoY
- TPOLY (ฟันันเซีย ไซรัส) ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนมูลค่าของ TPCH หากคำนวณตามราคาหุ้นปัจจุบันของ TPCH จะคิดเป็นมูลค่าที่แฝงในหุ้น TPOLY (ถือหุ้นใน TPCH 42.2%) ถึง 5.60 บาท มากกว่าราคาหุ้นปัจจุบันของ TPOLY จึงคิดว่าเก็งกำไรได้ ประเมินมูลค่าเบื้องต้น 4.2-4.5 บาท
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ ขณะจับตาผลประชุมแบงก์ชาติอังกฤษ
ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาดูว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้หรือไม่
ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับขึ้นแค่ 0.1% แตะระดับ 132.97 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,242.20 จุด เพิ่มขึ้น 10.77 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,054.98 จุด ลดลง 5.71 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,297.54 จุด ลดลง 24.83 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,837.76 จุด ลดลง 19.99 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,004.12 จุด ลดลง 1.43 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,910.85 จุด เพิ่มขึ้น 0.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,658.26 จุด ลดลง 2.13 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,953.39 จุด เพิ่มขึ้น 9.37 จุด
ทั้งนี้ คาลูม พิคเคอร์ริ่ง นักวิเคราะห์อาวุโสของบริษัทเบเรนเบิร์ก เชื่อว่า มีโอกาส 60% ที่กรรมการทั้ง 9 คนของ BoE จะลงมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ โดยจะลดลง 0.25%
ขณะที่นายไมค์ เอมีย์ หัวหน้านักวิเคราะห์ที่บริษัทพิมโค กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการเติบโตที่อ่อนแอ ทำให้คาดการณ์ได้ว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0% และหลังจากนั้นจะใช้มาตรการ QE หากมองว่าจำเป็นต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 10.29 จุด ตลาดจับตาผลประชุม BoE
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขาย ก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันนี้ ขณะที่ตลาดคาดว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 10.29 จุด หรือ 0.15% แตะที่ 6,670.40 จุด
นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมนโยบายการเงินของ BoE ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนมากคาดว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรืออาจเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ในการประชุมครั้งนี้ เพื่อรับมือกับผลกระทบ Brexit
สำหรับ ความคืบหน้าทางการเมืองของอังกฤษนั้น สถานีโทรทัศน์ ITV รายงานว่า คาดว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะแต่งตั้งนายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศคนปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีคลัง แทนนายจอร์จ ออสบอร์น
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลง โดยหุ้นเทย์ วิมพีย์ ลดลง 0.7% และหุ้นเบิร์กลีย์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ลดลง 2.7%
หุ้นบาร์แรตต์ ดีเวลล็อปเมนท์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของอังกฤษปรับตัวลดลง 2.1% แม้ว่าบริษัทจะเปิดเผยรายได้ก่อนหักภาษีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ นักลงทุนชะลอเทรดก่อนรู้ผลประชุม BoE
ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) โดยตลาดปิดลบเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันนี้ ขณะที่มีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ เพื่อรับมือกับผลกระทบ Brexi
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับลง 0.1% ปิดที่ 335.83 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,930.71 จุด ลดลง 33.36 จุด หรือ -0.33% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,670.40 จุด ลดลง 10.29 จุด หรือ -0.15%ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,335.26 จุด เพิ่มขึ้น 3.88 จุด หรือ +0.09%
นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมนโยบายการเงินของ BoE ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนมากคาดว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรืออาจเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ในการประชุมครั้งนี้ เพื่อรับมือกับผลกระทบ Brexit
คาลูม พิคเคอร์ริ่ง นักวิเคราะห์อาวุโสของบริษัทเบเรนเบิร์ก เชื่อว่า มีโอกาส 60% ที่กรรมการทั้ง 9 คนของ BoE จะลงมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้วันนี้ โดยจะลดลง 0.25%
ขณะที่นายไมค์ เอมีย์ หัวหน้านักวิเคราะห์ที่บริษัทพิมโค กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการเติบโตที่อ่อนแอ ทำให้คาดการณ์ได้ว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0% และหลังจากนั้นจะใช้มาตรการ QE หากมองว่าจำเป็นต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดิ่งลงกว่า 4% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นบีพีปรับตัวลง 1.3% หุ้น Eni SpA ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของอิตาลี ร่วงลง 1.2% และหุ้นเรพซอล ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของสเปน ดิ่งลง 1.2%
หุ้นแอร์บัส ดีดตัวขึ้น 1.7% หลังจากบริษัทประกาศลดการผลิตเครื่องบินรุ่น A380 เนื่องจากอุปสงค์ชะลอตัวลง
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 24.45 จุด ตลาดจับตาประชุม BoE
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) โดยตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ เพื่อรับมือกับผลกระทบ Brexit อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างหนัก และรายงานรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ Beige Book ซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจและการจ้างงานในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,372.12 จุด เพิ่มขึ้น 24.45 จุด หรือ +0.13% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,005.73 จุด ลดลง 17.09 จุด หรือ -0.34% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,152.43 จุด เพิ่มขึ้น 0.29 จุด หรือ +0.01%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับกระแสคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรืออาจเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ในการประชุมวันนี้ เพื่อรับมือกับผลกระทบ Brexit
คาลูม พิคเคอร์ริ่ง นักวิเคราะห์อาวุโสของบริษัทเบเรนเบิร์ก เชื่อว่า มีโอกาส 60% ที่กรรมการทั้ง 9 คนของ BoE จะลงมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้วันนี้ โดยจะลดลง 0.25%
ขณะที่นายไมค์ เอมีย์ หัวหน้านักวิเคราะห์ที่บริษัทพิมโค กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการเติบโตที่อ่อนแอ ทำให้คาดการณ์ได้ว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0% และหลังจากนั้นจะใช้มาตรการ QE หากมองว่าจำเป็นต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากราคาดิบ WTI ร่วงลง 4.4% หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3 ล้านบาร์เรล สะท้อนให้เห็นถึงภาวะอุปทานน้ำมันที่ยังคงสูงมากในสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด ซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจและการจ้างงานยังคงขยายตัวเพียงเล็กน้อยในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ค.จนถึงเดือนมิ.ย. และแทบไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นในเร็วๆนี้
รายงานของเฟดยังระบุด้วยว่า มีสัญญาณบ่งชี้ถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอลง ส่วนภาคการผลิตยังคงปรับตัวไร้ทิศทาง ขณะที่ภาคบริการมีการขยายตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หุ้น Amazon.com ปรับตัวลง 0.8% เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาหุ้นทะยานขึ้นในช่วงแรก ภายหลังจากนักวิเคราะห์ของเบนช์มาร์คได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้น Amazon.com ขึ้นสู่ระดับ 915 ดอลลาร์ จาก 750 ดอลลาร์
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.7% หลังจากราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงเช่นกัน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจชะลอตัว
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ BoE ในวันนี้อย่างใกล้ชิด หลังจากมีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนมิ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ค.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน
World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ
ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ก.ค. 2559
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 18,372.12 จุด เพิ่มขึ้น 24.45 จุด, +0.13%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,005.73 จุด ลดลง 17.09 จุด, -0.34%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,152.43 จุด เพิ่มขึ้น 0.29 จุด, +0.01%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,335.26 จุด เพิ่มขึ้น 3.88 จุด, +0.09%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,930.71 จุด ลดลง 33.36 จุด, -0.33%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,670.40 จุด ลดลง 10.29 จุด, -0.15%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,815.18 จุด เพิ่มขึ้น 7.04 จุด, +0.03%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,660.39 จุด เพิ่มขึ้น 6.42 จุด, +0.39%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,910.65 จุด เพิ่มขึ้น 8.83 จุด, +0.30%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,133.93 จุด เพิ่มขึ้น 34.40 จุด, +0.67%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,322.37 จุด เพิ่มขึ้น 97.63 จุด, +0.46%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,944.02 จุด เพิ่มขึ้น 6.07 จุด, +0.08%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,060.69 จุด เพิ่มขึ้น 11.31 จุด, +0.37%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,388.50 จุด เพิ่มขึ้น 35.30 จุด, +0.66%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,470.30 จุด เพิ่มขึ้น 37.10 จุด, +0.68%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,005.55 จุด เพิ่มขึ้น 14.32 จุด, +0.72%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 16,231.43 จุด เพิ่มขึ้น 135.78 จุด, +0.84%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,857.75 จุด เพิ่มขึ้น 16.29 จุด, +0.18%
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) โดยตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ เพื่อรับมือกับผลกระทบ Brexit อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างหนัก และรายงานรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ Beige Book ซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจและการจ้างงานในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,372.12 จุด เพิ่มขึ้น 24.45 จุด หรือ +0.13% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,005.73 จุด ลดลง 17.09 จุด หรือ -0.34% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,152.43 จุด เพิ่มขึ้น 0.29 จุด หรือ +0.01%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) โดยตลาดปิดลบเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันนี้ ขณะที่มีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ เพื่อรับมือกับผลกระทบ Brexi
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับลง 0.1% ปิดที่ 335.83 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,930.71 จุด ลดลง 33.36 จุด หรือ -0.33% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,670.40 จุด ลดลง 10.29 จุด หรือ -0.15%ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,335.26 จุด เพิ่มขึ้น 3.88 จุด หรือ +0.09%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขาย ก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันนี้ ขณะที่ตลาดคาดว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 10.29 จุด หรือ 0.15% แตะที่ 6,670.40 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4% เมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะอุปทานน้ำมันที่ยังคงสูงมากในสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 2.05 ดอลลาร์ หรือ 4.4% ปิดที่ 44.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 2.21 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 46.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เมื่อพิจารณาจากสัญญาณบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่อ่อนแรงลง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 8.30 ดอลลาร์ หรือ 0.62% ปิดที่ระดับ 1,343.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 24.20 เซนต์ หรือ 1.20% ปิดที่ 20.413 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปรับขึ้น 2.30 ดอลลาร์ หรือ 0.21% ปิดที่ 1,100.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 15.25 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 644.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโร และเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงของสหรัฐและทั่วโลกนั้น จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1110 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1068 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะระดับ 1.3162 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3261 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงแตะ 0.7614 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7639 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 104.37 เยน จากระดับ 104.88 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9828 ฟรังก์ จากระดับ 0.9877 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2966 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3012 ดอลลาร์แคนาดา
ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 726.00 จุด เพิ่มขึ้น 15.00 จุด, +2.11%
อินโฟเควสท์