WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET10ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ อิงลบเล็กน้อย หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงอาจไปกดดันกลุ่มพลังงาน

    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ อิงแดนลบเล็กน้อย เนื่องจากราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 46 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ทำให้อาจจะไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงานได้ และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบเล็กน้อยราว 0.2-0.3% ขณะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการ

    อย่างไรก็ดี ให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในคืนนี้ด้วย และวันนี้คาดว่าวอลุ่มเทรดจะชะลอตัวลงจากเมื่อวานนี้ที่มีวอลุ่มเทรดมากถึง 6 หมื่นกว่าล้านบาท อีกทั้งเชื่อว่านักลงทุนคงจะระมัดระวังการลงทุนด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,450 จุด ส่วนแนวต้าน 1,464-1,465 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 ก.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,895.88 จุด ลดลง 22.74 จุด (-0.13%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,876.81 จุด เพิ่มขึ้น 17.65 จุด (+0.36%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,097.90 จุด ลดลง 1.83 จุด (-0.09%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 50.60 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 16.52 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 84.09 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 1.80 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 2.70 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.89 จุด

     ส่วนตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ เนื่องจากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่นเนพาร์ตัก, ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลฮารีรายออีฏิ้ลฟิตริ

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ก.ค.59) 1,456.72 จุด เพิ่มขึ้น 4.13 จุด (+0.28%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,839.33 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ก.ค.59

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 ก.ค.59) ปิดที่ 45.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.29 ดอลลาร์ หรือ 4.8%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ก.ค.59) ที่ 5.21 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 35.18/22 แนวโน้มอ่อนค่าหลังดอลล์แข็ง รอติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐคืนนี้

     - "กบง."ไฟเขียวโยกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อส่งเงินคืนให้คลังตามมติ ครม.เมื่อ 5 ก.ค.เพื่อเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินและดีเซลขึ้นอีกเฉลี่ย 0.24-0.30 บาทต่อลิตร โดยผลดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่เงินเข้าคลังเพิ่มอีก 800 ล้านบาทต่อเดือน เคาะแอลพีจี ก.ค.คงเดิมที่ 20.29 บาท/กก.

     - ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน มิ.ย. 2559 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน มิ.ย. อยู่ที่ระดับ 71.6 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ระดับ 72.6 เป็นการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และต่ำสุดในรอบ 25 เดือน ( 2 ปี 1 เดือน) นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2557 แสดงให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจการจ้างงานยังไม่ฟื้นตัวนัก และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อสถานการณ์ในอนาคต ปรับตัวลดลงอยู่ที่ดับ 79.5 ต่ำสุดในรอบ 10 เดือนนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2558 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ระดับ 60.6 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม อยู่ที่ระดับ 66.5 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 87.6

      - รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือน มิ.ย. เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) เห็นพ้องชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังกังวลผลกระทบจากการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (อียู) ของสหราชอาณาจักร หรือเบร็กซิต และการจ้างงานสหรัฐที่ยังอ่อนแอ ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ดีขึ้นทั้งตลาดหุ้น สหรัฐ ยุโรป และเอเชีย โดยดัชนีเอ็มเอสซีไอตลาดเกิดใหม่ขยับขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 วัน ราว 1%

        - กรมศุลกากรชง 3 แนวทาง ทั้งลดภาษี-ยึดรถ หวังแก้ปัญหารถยนต์ตกค้างคลังสินค้าทัณฑ์บนทั่วประเทศ หลังพบตกค้างอื้อ เหตุเอกชนกว่า 50 ราย ไม่ยอมมาชำระภาษีเพื่อนำรถออกอ้างภาษีแพง

     - รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ต่ำกว่าเป้าหมาย 10% ในไตรมาสแรกของปีนี้ มีผลให้ยอดคำสั่งซื้อการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชะลอตัวตามไปด้วย และกระทบต่อเนื่องไปยังกลุ่มแรงงานภาคชิ้นส่วนยานยนต์ แม้ไม่มีการปลดคนงาน แต่ก็จะไม่รับตำแหน่งเพิ่ม รวมถึงมีนโยบายลดกะการผลิตจาก 2 กะต่อวัน เหลือ 1 กะต่อวัน เพื่อลดต้นทุนค่าแรง และหันไปเพิ่มทำงานล่วงเวลา หรือโอทีในบางวันแทน

*หุ้นเด่นวันนี้

      - IRPC (ยูโอบี เคย์เฮียน) ได้รับผลประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับต่ำ คาดผลประกอบการ 2Q59 จากกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (GIM) ที่ 13 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ใกล้เคียงกับช่วง 1Q59 การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการจากโครงการ Everest และ Stock gain อีกทั้งยังมี yield ในระดับสูงที่ประมาณ 7%

      - TMT (ไอร่า) เป้า 13.30 บาท คาดใน Q2/59 ยังมีกำไรสุทธิอยู่ในระดับที่ดี คาดอยู่ที่ 170 ล้านบาท และทำให้คาด H1/59 มีกำไรสุทธิ 450 ล้านบาท สูงกว่าทั้งปี 58 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 321 ล้านบาท และภายใต้ภาพรวมผลการดำเนินงานของ TMT ทั้งปี 59 ที่ยังโดดเด่น รวมถึงเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจในกลุ่มเหล็ก จากความสามารถในการทำกำไรที่ดีเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นจากการบริหารจัดการ Stock ได้ดี ที่สำคัญคาด Div.Yield อยู่ในระดับสูงถึง 10.5%

     - BCP (เคจีไอ) เป้า 36 บาท แนวโน้มค่าการกลั่นใน  Q2/59 เป็นจุดต่ำสุด และจะฟื้นตัวใน 2H59 โดยคาดไตรมาส 2/59 บันทึกกำไรพิเศษ (กำไรสต๊อกน้ำมัน) ราว 1 พันล้านบาท และมีสตอรี่ IPO บ.ลูก (โซลาร์ฟาร์มในไทยและญี่ปุ่น) ปลายปีนี้

   - TU (ทรีนีตี้) "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" เป้า 23 บาท คาดกำไรปกติ 2Q59 ที่ 1,618 ล้านบาท ดีขึ้น 67%QoQ และ 7%YoY โดยราคาทูน่าปรับตัวดีขึ้นมากจากไตรมาสก่อน ส่งผลบวกต่อทั้งรายได้และอัตรากำไร นอกจากนี้ยังได้ผลบวกจากการรวมงบของ Regen Fisch มาได้เต็มไตรมาส แนวโน้มในไตรมาสหน้าคาดว่าราคาทูน่ายังอยู่ในระดับสูง เนื่องจาก Supply จะลดลงตามฤดูกาล อย่างไรก็ตามอาจปรับประมาณการขึ้นอีกเล็กน้อยภายหลังเสร็จสิ้นดีลการซื้อธุรกิจล็อบสเตอร์ที่ประกาศล่าสุดได้

ตลาดหุ้นเอเชียขยับขึ้นเช้านี้ ขณะจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐ

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด โดยข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 26-27 ก.ค.

   ดัชนี MSCI Asia Pacific บวก 0.1% แตะที่ 129.08 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,326.84 จุด เพิ่มขึ้น 50.60 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,000.33 จุด ลดลง 16.52 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,622.83 จุด ลดลง 84.09 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,972.28 จุด ลดลง 1.80 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,859.47 จุด ลดลง 2.70 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,655.60 จุด เพิ่มขึ้น 4.89 จุด ส่วนตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการวันนี้ เนื่องจากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่นเนพาร์ตัก

       ทั้งนี้  นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นราว 170,000-180,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2553

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : เงินปอนด์อ่อน หนุนฟุตซี่ปิดบวก 70.20 จุด

   ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มอาหารที่ได้รับอานิสงส์จากการอ่อนค่าของเงินปอนด์

      ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 70.20 จุด หรือ 1.09% แตะที่ 6,533.79 จุด

      ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มอาหาร โดยหุ้นแอสโซซิเอทเต็ด บริติช ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 8.9% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปี เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินสกุลปอนด์

     หุ้นกลุ่มการเงินก็ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกัน นำโดยหุ้นโพรวิเดนท์ ไฟแนนเชียล และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 6.5%

     ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าปรับตัวลดลง โดยหุ้นเฟรสนิลโลลดลง 4.6% หลังจากที่แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554 และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส ลดลง 4.5% หลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) โดยตลาดปรับตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน หลังจากที่หุ้นกลุ่มดังกล่าวถูกกระหน่ำขายอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังขานรับข้อมูลแรงงานที่สดใสของสหรัฐ

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 1.1% ปิดที่ 322.12 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,117.85 จุด เพิ่มขึ้น 32.55 จุด หรือ +0.80% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,418.78 จุด เพิ่มขึ้น 45.52 จุด หรือ +0.49% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,533.79 จุด เพิ่มขึ้น 70.20 จุด หรือ +1.09%

       ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน โดยหุ้นเอเบอร์ดีน เมเนจเมนท์ ปรับตัวขึ้น 1.5% หุ้นแฮนเดอร์สัน กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.4%

     อย่างไรก็ตาม หุ้น Banca Monte dei Paschi di Siena SpA ซึ่งเป็นหุ้นธนาคารรายใหญ่ของอิตาลี ร่วงลง 5.8% หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) กดดันให้ธนาคารอิตาลีรายนี้เร่งแก้ปัญหาหนี้เสีย ขณะที่หุ้นดอยช์แบงก์ ยังคงปรับตัวลง เนื่องจากความกังวลที่ว่า วิกฤต Brexit อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของภาคธนาคาร

    ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 172,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 150,000-160,000 ตำแหน่ง

     ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 254,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเม.ย. หรือในรอบเกือบสามเดือน

     นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด โดยข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ ก่อนที่เฟดจะประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 26-27 ก.ค.

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 22.74 จุด เหตุหุ้นพลังงานร่วงหลังราคาน้ำมันดิ่ง

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงเกือบ 5% ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงด้วย อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองในด้านบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิ.ย.

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,895.88 จุด ลดลง 22.74 จุด หรือ -0.13% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,876.81 จุด เพิ่มขึ้น 17.65 จุด หรือ +0.36% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,097.90 จุด ลดลง 1.83 จุด หรือ -0.09%

     ดัชนี ดาวโจนส์ปิดอ่อนแรงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงเกือบ 5% เมื่อคืนนี้ ซึ่งส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.5% และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 1.2%

      ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงอย่างหนักนั้น มาจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงราว 2.5 ล้านบาร์เรล

     อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งช่วยให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถรับมือกับวิกฤต Brexit ได้ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย ADP เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 172,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 150,000-160,000 ตำแหน่ง

    ทั้งนี้ ผลสำรวจของ ADP รวบรวมเฉพาะการจ้างงานในภาคเอกชน ขณะที่ข้อมูลการจ้างงานของสำนักงานสถิติแรงงานของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งจะเปิดเผยในวันนี้ จะครอบคลุมการจ้างงานภาครัฐด้วย

     ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้เช่นกันว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 254,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเม.ย. หรือในรอบเกือบสามเดือน

    หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนดัชนี NASDAQ ปิดในแดนบวก โดยหุ้นอินเทล คอร์ป และหุ้นแอปเปิล อิงค์ ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง

   หุ้นเป๊ปซี่โคพุ่ง 1.5% หลังบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสสองดีกว่าคาดการณ์

   นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด โดยข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ ก่อนที่เฟดจะประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 26-27 ก.ค.

   นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้นราว 170,000-180,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2553

      อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!