WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET4ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้ม ดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideway up หลังธนาคารกลางชั้นนำส่งสัญญาณออกมาตรการลดผลกระทบ Brexit

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up เนื่องจากธนาคารกลางชั้นนำของโลกได้ส่งสัญญาณที่จะออกมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการที่อังกฤษจะถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยที่เห็นมีการส่งสัญญาณออกมาทั้งธนาคารกลางยุโรป (ECB),ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ส่งผลให้อาจจะมีเงินทุนไหลเข้า และธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ก็น่าจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย โดยนโยบายของธนาคารกลางต่างประเทศน่าจะอยู่ในลักษณะทรงตัวหรือผ่อนคลายมากขึ้น

    นอกจากนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ภาคการผลิตของสหรัฐฯก็ออกมาดีด้วย ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ค่อนไปทางบวกราว 0.3-0.4% ขณะที่วันนี้ (4 ก.ค.) ตลาดสหรัฐฯจะปิดทำการเนื่องในวันชาติของสหรัฐฯด้วย

    พร้อมให้แนวรับ 1,435 จุด ส่วนแนวต้าน 1,450-1,453 จุด โดยแนะนำลงทุนหุ้นที่อิงเศรษฐกิจในประเทศ จำพวก Domestic plays

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ก.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,949.37 จุด เพิ่มขึ้น 19.38 จุด (+0.11%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,862.57 จุด เพิ่มขึ้น 19.90 จุด (+0.41%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,102.95 จุด เพิ่มขึ้น 4.09 จุด (+0.19%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 128.44 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 8.19 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 173.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 9.92 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.12 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.99 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.12 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 มิ.ย.59) 1,444.99 จุด เพิ่มขึ้น 2.33 จุด (+0.16%)

    - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 6,911.42 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.59

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ก.ค.59) ปิดที่ 48.99 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 1.4%

            - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ก.ค.59) ที่ 5.16 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

            - เงินบาทเปิด 35.05 ทิศทางแข็งค่าต่อ รอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯสัปดาห์นี้

            - รองผู้ว่าการ (กลยุทธ์และแผน) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4 ระยะทาง 8 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 21,120 ล้านบาท ว่า รฟม.จะดำเนินโครงการแบบเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรัฐ (พีพีพี) โดยให้สัมปทานเอกชนเข้ามาบริหารการเดินรถและลงทุนในระบบรถและอาณัติสัญญาณ ส่วน รฟม.จะลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งขณะนี้ โครงการได้ผ่านจัดทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เรียบร้อย และนำเสนอโครงการให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา

            - "วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ" รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีบริษัทเอกชนให้ความสนใจยื่นซองประกวดราคาในโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐไม่ถึง 10 ราย จากจำนวนผู้ซื้อซองประกวดราคาทั้งสิ้น 16 ราย หลังจากนี้ต้องเข้าสู่ขั้นตอนการคัดเลือกผู้ประกอบการว่าจะมีผู้ผ่านเงื่อนไขหรือไม่

            - ผู้อำนวยการสถาบันพลาสติก กระทรวงอุตสาหกรรม เผยภาพรวมของอุตสาหกรรมพลาสติกไทยปีนี้ยังเติบโตได้ 2-3% หรือมีมูลค่า 5.71 แสนล้านบาท โดยการเติบโตมากที่สุดมาจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์คิดเป็นสัดส่วน 40% ตามด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ 15% วัสดุก่อสร้าง อาทิ ท่อน้ำประปาและสายไฟฟ้า 15% ยานยนต์ 7-10% เครื่องใช้ในครัวเรือน 5% และเครื่องมือทางการแพทย์ 2-3% เป็นต้น

            - ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้แนวโน้มสินเชื่อแบงก์ครึ่งปีหลังยังขยายตัวได้ในอัตราไม่สูงนัก ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นช้า-หนี้ครัวเรือนที่สูงกดดัน หวังพึ่งสินเชื่อธุรกิจช่วยขับเคลื่อนหลังเม็ดเงินโครงการรัฐออก คาดทั้งปีโตติดกรอบล่างที่ 4% ขณะที่เอ็นพีแอลยังขยับเพิ่ม

            - พาณิชย์มั่นใจส่งออกไทยดีขึ้น หลังสหรัฐอัพขึ้น "เทียร์ 2" ตอกย้ำเชื่อมั่นของผู้ซื้อทั่วโลก หวังส่งผลดีต่อการตรวจสอบ IUU จากอียูที่ยังติดใบเหลือง

            - จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจ รัฐบาลเปิดอ่าวตะวันออก 3 จังหวัด ยกเครื่องอุตสาหกรรมไทยในรอบ 30 ปี ชงกฎหมายใหม่ 3 ฉบับ รับนักลงทุนไฮเทค ลดภาษีนักวิจัยหัวกะทิเหลือ 10% นักธุรกิจ ไทย-เทศแห่ซื้อที่ดิน ขยายกิจการดักหน้าลงทุนรับโชติช่วงชัชวาลรอบใหม่ "เจ้าสัวธนินท์" ชิงไฮสปีดเทรนกรุงเทพ-ระยอง ซีพีแลนด์ซุ่มซื้อที่ดินทำโรงแรมเพิ่ม "เสี่ยบุณยสิทธิ์" สหพัฒน์ ชี้รัฐบาลมาถูกทางสยายปีกลงทุนเพิ่ม

*หุ้นเด่นวันนี้

            - ALT (บมจ.เอแอลที เทเลคอม)เทรดวันนี้วันแรก ใน SET กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยราคา IPO 4.70 บาท/หุ้น ด้านบล.ทรีนีตี้ ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 6.14 บาท/หุ้น

            บมจ.เอแอลที เทเลคอม ประกอบธุรกิจโทรคมนาคมแบบครบวงจร แบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจให้บริการสร้างสถานีฐาน ติดตั้ง และซ่อมแซมอุปกรณ์โทรคมนาคม , ธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มโทรคมนาคม ได้แก่ สายเคเบิลใยแก้วนำแสง, ตู้โทรคมนาคม, สถานีโทรคมนาคมเคลื่อนที่, สายอากาศ และอุปกรณ์โทรคมนาคมอื่น ๆ  และธุรกิจให้เช่าโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม

            - CK (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 32 บาท คาดไตรมาส 2 รายได้อาจไม่สูงที่สุดในปีนี้เพราะบริษัทไม่สามารถเซ็นสัญญาก่อสร้างส่วนเพิ่มจากเขื่อนไซยะบุรีได้ทัน แต่ไตรมาส 2 คาดว่าจะรับรู้ปันผลจาก TTW ราว 230 ล้านบาทช่วยหนุนกำไรให้ดีกว่าในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา โดยยังประมาณการกำไรปี 59 ที่ 2,421 ล้านบาทเติบโต 10% เพราะคาดว่า CK จะเซ็นสัญญาก่อสร้างส่วนเพิ่มเขื่อนไซยะบุรีอีก 1.9 หมื่นล้านบาทได้ภายในปีนี้ นอกจากนี้มีปัจจัยบวกจากงานประมูลภาครัฐ CK ร่วมมือกับ BEM พร้อมประมูลงานภาครัฐในการก่อสร้างโครงการต่างๆ อีก 4 โครงการรวม 1.8 แสนล้านบาทซึ่งจะเปิดประมูลภายในปลายปีนี้ และพร้อมประมูลโครงการรถไฟฟ้าในรูปแบบ PPP fast Track สายสีชมพูและเหลืองอีก 5.8 หมื่นล้านบาทซึ่งจะเปิดประมูลเดือน พ.ย. นี้

            - AOT (เออีซี) "ซื้อเมื่ออ่อนตัว"เป้า 420 บาท ปี 59-60 คาดกำไรปกติโตปีละ 13.6% ด้วยแรงหนุนการเปิด AEC, การเติบโตของตัวเลขสถิติการบิน และต้นทุนน้ำมันทรงตัวระดับต่ำ แต่ด้วยมี Upside เหลือ 8%

ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ หลังเยนแข็งค่าฉุดหุ้นญี่ปุ่นร่วง

            ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากการร่วงลงของตลาดหุ้นญี่ปุ่นหลังเงินเยนแข็งค่า

            ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.2% สู่ระดับ 129.36 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

            ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,554.04 จุด ลดลง 128.44 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,924.29 จุด ลดลง 8.19 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,967.47 จุด เพิ่มขึ้น 173.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,728.32 จุด ลดลง 9.92 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,989.44 จุด เพิ่มขึ้น 2.12 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,855.36 จุด เพิ่มขึ้น 8.99 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,649.34 จุด เพิ่มขึ้น 3.12 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 73.50 จุด รับกระแสข่าวอังกฤษเตรียมกระตุ้นศก.

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) ทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 วันติดต่อกันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 ในขณะที่ค่าดัชนีแตะที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี

            ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 73.50 จุด หรือ 1.13% ที่ระดับ 6,577.83 จุด

            ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนจากกระแสข่าวที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษมีแผนที่ปรับลดสัดส่วนเงินทุนสำรองของภาคธนาคารลงในสัปดาห์หน้า

            นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงหนุนจากการส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงก่อนหน้านี้ของนายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) โดยนายคาร์นีย์ระบุว่า ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น หลังจากที่อังกฤษตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป บ่งชี้ว่า BoE มีแนวโน้มที่จะต้องออกมาตรการกระตุ้นทางการเงินในฤดูร้อนนี้

            เขากล่าวว่า "เศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณย่ำแย่ลง ทำให้ BoE มีแนวโน้มที่จะต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินในฤดูร้อนนี้"

            หุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเหมืองทองคำรายใหญ่ของอังกฤษพุ่งขึ้น 7.1% หลังราคาทองคำพุ่งแรง ในขณะที่หุ้นแรนโกลด์ รีซอร์สเซส เพิ่มขึ้น 4.3%

            หุ้นแกลกโซสมิธไคลน์ ผู้ผลิตยายักษ์ใหญ่ของอังกฤษลดลง 0.3% ถึงแม้ว่านักวิเคราะห์ของบริษัทซิตี้กรุ๊ปจะปรับเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนในหุ้นของบริษัท

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับข้อมูลภาคการผลิตยุโรปสดใส

          ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) โดยฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตของยุโรป หลังจากที่ร่วงลงอย่างรุนแรงในช่วงก่อนหน้านั้น อันเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit)

            ดัชนี Stoxx 600 เพิ่มขึ้น 0.7% ปิดที่ 332.24 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.

            ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,273.96 จุด เพิ่มขึ้น 36.48 จุด หรือ +0.86% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 9,776.12 จุด เพิ่มขึ้น 96.03 จุด หรือ +0.99% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,577.83 จุด เพิ่มขึ้น 73.50 จุด หรือ +1.13%

            ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนจากผลสำรวจของมาร์กิตที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนอยู่ที่ระดับ 52.8 ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับรายงานเบื้องต้นที่ 52.6 และตัวเลขเดือนพ.ค.ที่ 51.5

            ดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตมีการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า แต่หากดัชนีต่ำกว่า 50 จะแสดงให้เห็นถึงภาวะหดตัว

            มาร์กิตระบุว่า สมาชิกยูโรโซนทั้งหมดยกเว้นฝรั่งเศสได้ส่งสัญญาณขยายตัว โดยยอดการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติดีที่สุดในปีนี้

            นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงหนุนจากจากกระแสข่าวที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษมีแผนที่จะปรับลดสัดส่วนเงินทุนสำรองของธนาคารลงในสัปดาห์หน้า

            ข่าวดังกล่าวหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด และหุ้นยูบีเอส กรุ๊ป เอสจี ต่างก็พุ่งขึ้นมากกว่า 2%

            หุ้นเทเมนอส กรุ๊ป เอจี ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ของสวิตเซอร์แลนด์เพิ่มขึ้น 3.1% หลังระบุว่า ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด จะใช้ซอฟต์แวร์ของบริษัทในกว่า 30 ตลาด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 19.38 จุด รับข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

          ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) ในขณะที่นักลงทุนเบนความสนใจจากผลกระทบของ Brexit ไปจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญหลายอย่าง ก่อนที่จะถึงช่วงวันหยุดหลายวันติดต่อกันในสุดสัปดาห์นี้

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.38 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 17,949.37 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.09 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 2,102.95 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 19.90 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 4,862.57 จุด

   ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 3 เดือนในเดือนมิ.ย.

    มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 51.3 ในเดือนมิ.ย. ลดลงเล็กน้อยจากตัวเลขเบื้องต้นที่ 51.4 แต่สูงกว่าระดับ 50.7 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2009

    นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนี PMI จะอยู่ที่ระดับ 51.4 ในเดือนมิ.ย.

    ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวของกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจ

    ด้านผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนมิ.ย.

    ทั้งนี้ ดัชนีภาคการผลิตของ ISM อยู่ที่ระดับ 53.2% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2015 และเพิ่มขึ้นจากระดับ 51.3% ในเดือนพ.ค.

    การขยายตัวของดัชนี ISM ได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อใหม่ และการผลิต ขณะที่การจ้างงานได้ฟื้นตัวขึ้น หลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้านี้

    ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันจันทร์เนื่องจากตรงกับวันชาติสหรัฐ

    หุ้นฮาร์เลย์-เดวิดสัน อิงค์ พุ่งขึ้น 20% หลังแหล่งข่าวรายงานผ่านทางทวิตเตอร์ว่า บริษัทกำลังตกเป็นเป้าหมายของการซื้อกิจการ

    หุ้นเนทฟลิกซ์ อิงค์ เพิ่มขึ้น 5.7% หลังนักวิเคราะห์ของบริษัทคานาคอร์ด เจนูอิตี้ แนะนำให้ซื้อหุ้นของบริษัท โดยระบุว่าถึงแม้ว่าอัตราการเติบโตของยอดการสมัครสมาชิกในต่างประเทศของเนทฟลิกซ์จะชะลอตัวลงแต่ก็ยังมีความต่อเนื่อง

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 1 ก.ค.

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,949.37 จุด เพิ่มขึ้น 19.38 จุด, +0.11%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,862.57 จุด เพิ่มขึ้น 19.90 จุด, +0.41%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,102.95 จุด เพิ่มขึ้น 4.09 จุด, +0.19%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,273.96 จุด เพิ่มขึ้น 36.48 จุด, +0.86%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,776.12 จุด เพิ่มขึ้น 96.03 จุด, +0.99%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,577.83 จุด เพิ่มขึ้น 73.50 จุด, +1.13%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,144.91 จุด เพิ่มขึ้น 145.19 จุด, +0.54%      

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,846.37 จุด เพิ่มขึ้น 5.44 จุด, +0.19%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,646.22 จุด ลดลง 7.86 จุด, -0.48%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,971.58 จุด ลดลง 45.07 จุด, -0.90%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,830.35 จุด เพิ่มขึ้น 34.10 จุด, +0.44%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,932.48 จุด เพิ่มขึ้น 2.87 จุด, +0.10%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,246.60 จุด เพิ่มขึ้น 13.20 จุด, +0.25%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,246.60 จุด เพิ่มขึ้น 13.20 จุด, +0.25%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,327.00 จุด เพิ่มขึ้น 16.60 จุด, +0.31%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,987.32 จุด เพิ่มขึ้น 16.97 จุด, +0.86%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 15,682.48 จุด เพิ่มขึ้น 106.56 จุด, +0.68%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,738.24 จุด เพิ่มขึ้น 71.66 จุด, +0.83%

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) ในขณะที่นักลงทุนเบนความสนใจจากผลกระทบของ Brexit ไปจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญหลายอย่าง ก่อนที่จะถึงช่วงวันหยุดหลายวันติดต่อกันในสุดสัปดาห์นี้

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.38 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 17,949.37 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.09 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 2,102.95 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 19.90 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 4,862.57 จุด

 

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) โดยฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตของยุโรป หลังจากที่ร่วงลงอย่างรุนแรงในช่วงก่อนหน้านั้น อันเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit)

          ดัชนี Stoxx 600 เพิ่มขึ้น 0.7% ปิดที่ 332.24 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,273.96 จุด เพิ่มขึ้น 36.48 จุด หรือ +0.86% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 9,776.12 จุด เพิ่มขึ้น 96.03 จุด หรือ +0.99% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,577.83 จุด เพิ่มขึ้น 73.50 จุด หรือ +1.13%

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) ทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 วันติดต่อกันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 ในขณะที่ค่าดัชนีแตะที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี

          ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 73.50 จุด หรือ 1.13% ที่ระดับ 6,577.83 จุด

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และทำสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 18.40 ดอลลาร์ หรือ 1.39% ปิดที่ 1,339 ดอลลาร์/ออนซ์ และเพิ่มขึ้น 1.26% ในสัปดาห์นี้

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 96.50 เซนต์ หรือ 5.18% ปิดที่ 19.588 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 32.80 ดอลลาร์ หรือ 3.20% ปิดที่ 1,057.10 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 8.30 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 605.65 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาน้ำมันซึ่งซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 48.99 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 50.35 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

          เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1121 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1067 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.3258 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3238 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะ 0.7485 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7439 ดอลลาร์สหรัฐ

          ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 102.53 เยน จากระดับ 103.28 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9751 ฟรังก์ จากระดับ 0.9784 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดา แตะที่ 1.2902 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.2977 ดอลลาร์แคนาดา

 

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 677.00 จุด เพิ่มขึ้น 17.00 จุด, +2.58%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!