WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET19ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดภูมิภาค เล็งขานรับราคาน้ำมันฟื้นตัว,รัฐฯเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า

    นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นต่อจากวานนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า เนื่องจากราคาน้ำมันได้ฟื้นตัวขึ้น

     ทั้งนี้ ให้รอดูการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง พร้อมให้แนวรับ 1,430 จุด ส่วนแนวต้าน 1,450 จุด

    อนึ่ง ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นกว่า 4% ขณะเดียวกันก็มีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับผลกระทบจากปัจจัยจากการที่อังกฤษลงมติถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit)

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 มิ.ย.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,694.68 จุด พุ่งขึ้น 284.96 จุด (+1.64%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,779.25 จุด เพิ่มขึ้น 87.38 จุด (+1.86%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,070.77 จุด เพิ่มขึ้น 34.68 จุด (+1.70%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 185.88 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 0.11 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 300.73 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 28.90 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 15.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 87.99 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.48 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 20.61 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 มิ.ย.59) 1,442.66 จุด เพิ่มขึ้น 5.24 จุด (+0.36%)

    - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 291.79 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.59

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 มิ.ย.59) ปิดที่ 49.88 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.03 ดอลลาร์ หรือ หรือ 4.2%

   - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 มิ.ย.59) ที่ 5.32 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเปิด 35.17/19 แนวโน้มยังแข็งค่า หลังคลายกังวลจากผล Brexit

    - กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ เปิดเผยว่า ภาพรวมการส่งออกของประเทศไทยในปีนี้อาจมีปัจจัยที่ส่งผล ต่อการส่งออก ได้แก่ ปัญหาในตะวันออกกลาง สถานการณ์เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา และล่าสุดการออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ ซึ่งตลาดดังกล่าวเป็นตลาดหลักของการส่งออกจากประเทศไทย บริษัทจึงติดตามอย่างใกล้ชิดหากมี การเปลี่ยนแปลงไปทางที่แย่ลง คงต้องลด เป้าส่งออกปีนี้ลง

    - ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินผลกระทบ Brexit เบื้องต้น ฉุดจีดีพีไทย 0.7% แต่จะเพิ่มระดับทางลบขึ้นในปีต่อไป จับตาท่าทีสมาชิกอื่นแห่ออกตาม-เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย-เศรษฐกิจจีน แนวโน้มบาทยังอ่อนแต่ผันผวนหนักขึ้นเตือนทำประกันความเสี่ยง ยันแบงก์ไทยยังแกร่งรับมือความผันผวนของเงินทุนได้

    - ธปท.มั่นใจกฎหมายใหม่เพิ่มประเภทหลักประกันเริ่มบังคับใช้วันที่ 2 ก.ค.นี้ ช่วยให้ผู้ประกอบการทุกกลุ่มโดยเฉพาะรายเล็กเข้าถึงเงินกู้ง่ายขึ้น

    - กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ยันเบร็กซิทไม่กระทบส่งออกไทยไปอังกฤษ ส่งผลด้านจิตวิทยาระยะสั้น ทำค่าเงินผันผวน เป็นความเสี่ยงครึ่งปีหลัง แจ้งเอสเอ็มอีผู้ส่งออกป้องกันอัตราแลกเปลี่ยน ชี้อาจเกิดการขาดทุน พร้อมประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกประเมินสถานการณ์ ทบทวนเป้า 5% ชี้โอกาสสูงปรับเหลือไม่เกิน 2-3%

    - นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภาวะหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะผันผวนมากกว่าครึ่งปีแรก เพราะมีความไม่แน่นอนหลังอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (อียู) และ 2 ปีหลังจากนี้ต้องจับตาว่าจะกระทบต่อเนื่องไปยังประเทศอื่นๆ อีกหรือไม่ เหตุผลนี้ทำให้การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงนี้มีความเหมาะสมน้อยลง ซึ่งนักลงทุนยังจับตาประเด็นนี้อยู่เช่นกัน ทั้งนี้ความไม่แน่นอนในอียู จะทำให้อาเซียนโดยเฉพาะซีแอลเอ็มวีมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น

    - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เตรียมเผยแพร่รายงานการค้ามนุษย์ หรือ ทิปรีพอร์ต (Trafficking in Persons Report - TIP Report) ประจำปี 2559 ในวันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายนนี้ โดยมีการปรับยกระดับประเทศไทยจากระดับ "เทียร์ 3” ขึ้นมาอยู่ในระดับ "เทียร์ 2 เฝ้าระวัง" ซึ่งบ่งชี้ถึงความก้าวหน้าในความพยายามของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสถานการณ์ในอุตสาหกรรมการค้าประมง

*หุ้นเด่นวันนี้

      - ML-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.ไมด้า ลิสซิ่ง (ML)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 483,979,280 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 3.50 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (1 มิ.ย. 2559) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำนหดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ธ.ค. 2559 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 31 พ.ค. 2562

    - OCEAN-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.โอเชี่ยน คอมเมิรช (OCEAN)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 144,769,923 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.20 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ วันที่ 24 มิ.ย.2559 - 1 มิ.ย.2561 (1 ปี 11 เดือน 9 วัน) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วยกำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 1 ธ.ค.2559 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 1 มิ.ย.2561

      - BJC (เออีซี) เป้า 45 บาท แนวโน้มผลการดำเนินงานช่วง 2H59 ปรับเพิ่มหลังอัตราดอกเบี้ยจ่ายปรับลด และมีการรับรู้ผลการดำเนินงานของ BIGC

      - CFRESH (เออีซี) "ซื้อ"เป้า Consensus 10 บาท  ปี 59-60 คาดกำไรโตปีละ 10.2% จากแผนเจาะตลาดใหม่ๆ ทั้งญี่ปุ่นและยุโรป อีกทั้งล่าสุดมีข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศว่ารัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมยกระดับสถานการณ์ค้ามนุษย์ของไทยเพิ่มเป็น Tier 2 จากเดิม Tier 3 ซึ่งคาดสร้างความเชื่อมั่นของประเทศคู่ค้าที่มีต่อสินค้าไทย และทำให้คำสั่งซื้อกุ้งเพิ่มขึ้นทั้งในตลาดสหรัฐฯ และยุโรป และคาดให้ Div. Yield ปีละ 8.3%

    - SCB (ยูโอบี เคย์เฮียน) จากปัจจัยพื้นฐานของธนาคารที่ดีจึงคาดว่ารายได้ของธนาคารจะยังเติบโตขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชนในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ในสถานการณ์ที่สภาวะเศรษฐกิจอ่อนตัวลงคุณภาพทรัพย์สินที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมาน่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ credit cost กลับมาอยู่ในระดับปกติ นอกจากนี้ SCB ยังเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่จ่ายปันผลโดดเด่นที่ระดับ 4%

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ หลังราคาน้ำมันดีดตัว-คลายวิตก Brexit

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นกว่า 4% ขณะเดียวกันก็มีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับผลกระทบจากปัจจัย Brexit

    ดัชนี MSCI Asia Pacific ทะยาน 0.7% สู่ระดับ 128.63 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,752.71 จุด เพิ่มขึ้น 185.88 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,931.48 จุด ลดลง 0.11 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,736.85 จุด เพิ่มขึ้น 300.73 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,615.46 จุด เพิ่มขึ้น 28.90 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,971.54 จุด เพิ่มขึ้น 15.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,880.72 จุด เพิ่มขึ้น 87.99 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,644.69 จุด เพิ่มขึ้น 2.48 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,819.14 จุด เพิ่มขึ้น 20.61 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดพุ่ง 219.67 จุด เหตุลาดคลายกังวล Brexit

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกลับมาซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเป็นวันที่สองติดต่อกัน หลังตลาดคลายความวิตกกังวลจากประเด็น Brexit

  ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 219.67 จุด หรือ 3.58% แตะที่ 6,360.06 จุด

     ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่า ธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับผลกระทบจากปัจจัย Brexit โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า เฟดพร้อมที่จะอัดฉีดดอลลาร์เพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาด หลังจากอังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป

    ด้านผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษประกาศอัดฉีดเงินทุนพิเศษมูลค่า 2.50 แสนล้านปอนด์ หรือ 3.34 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านโครงการต่างๆที่ธนาคารดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

    หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ พุ่งขึ้น 3% หุ้นบาร์เคลย์ส ทะยานขึ้น 4.9%

     หุ้น TUI AG ร่วงลง 2.6% หลังจากกลุ่มก่อการร้ายได้โจมตีสนามบินในกรุงอิสตันบูล เมืองหลวงของตุรกี ซึ่งส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก

     หุ้นดิกซันส์ คาร์โฟน ลดลง 1.9% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการก่อนหักภาษีสำหรับตลอดทั้งปีลง อันเนื่องมาจากต้นทุนในการควบรวมกิจการและค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง จากแรงซื้อเก็งกำไร,ตลาดคลายวิตก Brexit

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากที่ตลาดร่วงลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับผลกระทบจากปัจจัย Brexit

    ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 3.1% ปิดที่ 326.49 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,195.32 จุด พุ่งขึ้น 106.47 จุด หรือ +2.60% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,612.27 จุด เพิ่มขึ้น 164.99 จุด หรือ +1.75% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,360.06 จุด เพิ่มขึ้น 219.67 จุด หรือ +3.58%

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการที่อังกฤษลงมติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากมีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า ธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับผลกระทบจากปัจจัย Brexit

    ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า เฟดพร้อมที่จะอัดฉีดดอลลาร์เพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาด หลังจากอังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นและธนาคารกลางญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ญี่ปุ่นจะใช้มาตรการทุกๆด้านเพื่อจำกัดผลกระทบของ Brexit

    ส่วนในที่ประชุมผู้นำของสหภาพยุโรป (EU) เมื่อวานนี้ บรรดาผู้นำต่างก็แสดงความมุ่งมั่นที่จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยจะรักษาจำนวน 27 ชาติสมาชิกไว้ หลังอังกฤษลงประชามติออกจาก EU เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

   หุ้นกลุ่มธุรกิจเดินทางปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโธมัส คุ๊ก พุ่งขึ้น 4.3% และหุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดท แอร์ไลนส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ปรับขึ้น 2.8%

    หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ พุ่งขึ้น 3% หุ้นบาร์เคลย์ส ทะยานขึ้น 4.9% หุ้นบังโค ซานตานเดร์ พุ่งขึ้น 3.5%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 284.96 จุด รับราคาน้ำมันฟื้น,คลายวิตก Brexit

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) โดยตลาดปิดในแดนบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ เพราะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นกว่า 4% และจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับผลกระทบจากปัจจัย Brexit

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,694.68 จุด พุ่งขึ้น 284.96 จุด หรือ +1.64% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,779.25 จุด เพิ่มขึ้น 87.38 จุด หรือ +1.86% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,070.77 จุด เพิ่มขึ้น 34.68 จุด หรือ +1.70%

    ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการที่อังกฤษลงมติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากมีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า ธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับผลกระทบจากปัจจัย Brexit โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า เฟดพร้อมที่จะอัดฉีดดอลลาร์เพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาด หลังจากอังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป

      ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นและธนาคารกลางญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ญี่ปุ่นจะใช้มาตรการทุกๆด้านเพื่อจำกัดผลกระทบของ Brexit ด้านประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้เรียกร้องให้ธนาคารกลางทั่วโลกกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากภาวะอ่อนแอ และผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษประกาศอัดฉีดเงินทุนพิเศษมูลค่า 2.50 แสนล้านปอนด์ หรือ 3.34 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านโครงการต่างๆที่ธนาคารดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

    ส่วนในที่ประชุมผู้นำของสหภาพยุโรป (EU) เมื่อวานนี้ บรรดาผู้นำต่างก็แสดงความมุ่งมั่นที่จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยจะรักษาจำนวน 27 ชาติสมาชิกไว้ หลังอังกฤษลงประชามติออกจาก EU เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีดตัวขึ้นกว่า 4% หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

   ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนพ.ค. โดยปรับตัวขึ้น 0.4% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์  ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล(PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ให้ความสำคัญนั้น ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน

    หุ้นวอลมาร์ทพุ่งขึ้น 1.3% หลังจากวอลมาร์ทประกาศซื้อหุ้น 5% ใน JD.com ซึ่งจะช่วยให้วอลมาร์ทขยายฐานการลงทุนในจีนได้มากขึ้น

   หุ้นไชร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ ทะยานขึ้น 5.7% หลังจากบริษัทประสบความสำเร็จในการทดสอบยารักษาโรคสมาธิสั้น หรือ ADHD

     หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นออราเคิลพุ่งขึ้น 3.6% หุ้นเฟซบุ๊ก และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.3%

      หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ และหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 3.9% หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ปรับขึ้น 4.2% ส่วนหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 2.5%

       นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือนมิ.ย.ในเขตชิคาโก้

        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!