WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET37ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-อิงทางลง รอดูผลโหวตกรณีอังกฤษจะออกจากอียูหรือไม่

   นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ อิงทางลงในกรอบ เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะติดลบเช้านี้ โดยตลาดฯยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องของอังกฤษที่จะออกจากอียูหรือไม่ ซึ่งก็ต้องรอดูการลงประชามติในสัปดาห์หน้า หากอังกฤษออกจากอียูก็เป็นภาพ Negative มากกว่า เพราะจะสร้างความไม่แน่นอน และมีผลต่อ Sentiment ของตลาดฯด้วย

     สำหรับ การธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยก็เป็นเป็นตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว  ซึ่งเรื่องนี้ตลาดฯก็รับรู้ไปแล้วด้วย ดังนั้นช่วงนี้ตลาดฯคงเป็นลักษณะ Wait & See เพื่อรอดูการลงประชามติของอังกฤษก่อน และนักลงทุนคงจะระมัดระวังในการซื้อขาย

พร้อมให้แนวรับ 1,420 จุด ส่วนแนวต้าน 1,440-1,450 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 มิ.ย.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,640.17 จุด ลดลง 34.65 จุด (-0.20%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,834.93 จุด ลดลง 8.62 จุด (-0.18%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,071.50 จุด ลดลง 3.82 จุด (-0.18%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 48.36 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 8.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 182.61 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 23.18 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 5.30 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.93 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 14.43 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 มิ.ย.59) 1,434.89 จุด เพิ่มขึ้น 6.79 จุด (+0.48%)

      - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 892.17 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.59

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 มิ.ย.59) ปิดที่ 48.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 48 เซนต์ หรือ 1%

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 มิ.ย.59) ที่ 4.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเปิด 35.21/23 แข็งค่าตามภูมิภาคหลังดอลล์อ่อนจากเฟดคงดอกเบี้ย-ตลาดยังกังวล Brexit

    - รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยเปิดระบบชำระเงิน "พร้อมเพย์" ซึ่งเป็นเฟสแรกของนโยบายระบบชำระเงินแห่งชาติ (เนชั่นแนล อี-เพย์เมนต์) โดยจะเปิดให้ประชาชนนำสมุดเงินฝาก บัตรประชาชน และหมายเลขโทรศัพท์มาลงทะเบียนตั้งแต่ 15 ก.ค.นี้เป็นต้นไป

     - ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เดือน พ.ค. 2559 มีทั้งหมด 21 โครงการ จำนวน 5,290 หน่วย แบ่งเป็น บ้านจัดสรร 14 โครงการ 2,320 หน่วย และคอนโดมิเนียม 7 โครงการ จำนวน 2,970 หน่วย ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับโครงการเปิดตัวใหม่ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้นในเดือน พ.ค.นี้

                - เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบีโอไอที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่าที่ประชุมบอร์ด บีโอไอยังได้อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุน 29 โครงการ เงินลงทุนรวม 101,581 ล้านบาท ประกอบด้วย กลุ่มเกษตร เงินลงทุน 32,145 ล้านบาท กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง เงินลงทุน 13,570 ล้านบาท กลุ่มเคมีภัณฑ์ พลาสติก และกระดาษ เงินลงทุน 8,488 ล้านบาท และกลุ่มกิจการบริการ และสาธารณูปโภค เงินลงทุน 47,378 ล้านบาท

                - เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย เผยภาพรวมของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมปี 2559 จะกลับมาเติบโตมาก 11.5% หรือมีมูลค่าเพิ่มเป็น 5.97 แสนล้านบาท เนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐ ทำให้มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีมากขึ้น และภาคเอกชนลงทุนโครงข่าย 3จี และ 4จี พร้อมทั้งเพิ่มจากการใช้งานข้อมูลหรือดาต้าที่มากขึ้นจากสมาร์ทโฟน การแข่งขันในยุคดิจิทัล แต่ถ้าภาครัฐและธุรกิจปรับตัวไม่ได้ ก็จะเป็นข้อจำกัดให้ปีนี้โตน้อย

                - รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) กล่าวว่า เห็นด้วยกับการจัดเก็บภาษีที่ดิน ตามร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่กำหนดให้เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทั้งบุคคลธรรมดา นิติบุคคล หรือผู้ครอบครองทรัพย์สินของรัฐ ต้องเสียภาษีตามมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพราะจะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) ต้องจ่ายภาษีด้วย และน่าจะช่วยให้ธนาคารเร่งขายที่ดินออกเร็วขึ้น จะได้ไม่ต้องแบกรับภาระภาษี จากปกติ ธปท.ให้ถือเอ็นพีเอได้ไม่เกิน 3-5 ปี

*หุ้นเด่นวันนี้

                - NETBAY บมจ.เน็ตเบย์ (ราคา IPO 4 บาท) จะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันนี้เป็นวันแรก จำนวนหุ้น IPO 40 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 บาท NETBAY ให้บริการธุรกรรมออนไลน์ใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ e-Logistics Trading, e-Business Services และกลุ่ม Project พัฒนาระบบงานสารสนเทศภายในแก่หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคดิจิตอล ปี 58 มีกำไรสุทธิ 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากปี 57 ที่มีกำไร 16 ล้านบาท ในช่วง 1Q59 มีกำไรสุทธิ 19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%YoY

                - INET (โกลเบล็ก) ได้ประโยชน์จากการเป็นผู้ถือหุ้น NETBAY สัดส่วนถือหุ้นหลัง IPO 20% ที่เริ่มซื้อขายวันนี้เป็นวันแรกในตลาด mai

                - BWG-W4 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน (BWG)) มีจำนวน 584,939,483 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 3.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 25 พฤษภาคม 2559 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 15 ก.ย. 2559 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 24 พ.ค. 2562

                - CK (โกลเบล็ก) เป้า 32 บาท ปรับประมาณการกำไรปี 59 เพิ่มขึ้นเป็น 2,421 ล้านบาท (+10%YoY) เพราะคาดว่าจะรับรู้งานส่วนเพิ่มจากเขื่อนไซยะบุรีอีก 1.4 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ทำให้เป้ารายได้ก่อสร้างอยู่ที่ 4.9 หมื่นล้านบาท พร้อมคาดไตรมาส 2 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของ CK เนื่องจากเริ่มรับรู้งานส่วนเพิ่มของไซยะบุรีตามที่กล่าวไปแล้วและได้รับเงินปันผลจาก TTW ราว 230 ล้านบาทช่วยหนุนผลประกอบการ นอกจากนี้ งานภาครัฐมีความคืบหน้ามากขึ้นทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู สายสีเหลือง และบางใหญ่-กาญจนบุรีที่เปลี่ยนรูปแบบเป็น Public Private Partnership (PPP) ซึ่งให้เอกชนมาร่วมลงทุนคาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในปลายปีนี้  และสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท จะเปิดประมูลปลายเดือน มิ.ย.

                - MINT (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 45 บาท  ปี 59 คาดกำไรปกติโต 19.1%YoY หลังธุรกิจท่องเที่ยวไทยยังสดใส ขณะที่ธุรกิจต่างประเทศเตรียมรับรู้รายได้เพิ่มจากธุรกิจโรงแรมหลังเข้าซื้อกลุ่มโรงแรมทิโวลีเสร็จสิ้น ตลอดจนเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นธุรกิจโรงแรมในทวีปแอฟริกา และยังมี Upside 16% และคาดให้ Div. Yield ปีละ 1.4%

                - กลุ่มที่อยู่อาศัย (เออีซี) "Overweight" ยอด Presales อุตสาหกรรมฟื้นตัว ราคาหุ้นเทรดที่ PER เฉลี่ย 8.5 เท่า, Laggard Play ปรับขึ้น  2% YTD เปรียบเทียบกับ SET ที่ 10%YTD เน้น Subsector ในกลุ่ม High end target ได้แก่ LH, AP, SIRI, PACE, ANAN

                - BEM (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 6.3 บาท ประเด็นข่าว รฟม.เจรจาตรง BEM เดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และการเตรียมเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ฝ่ายวิจัยฯคาด รฟม.เริ่มเปิดขายซองประมูลต้นเดือน ก.ค. โดยคาด BEM จะเข้าร่วมประมูลพร้อม CK)

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเล็กน้อย หลังเฟดมีมติคงดอกเบี้ย ขณะจับตาประชุมบีโอเจ

            ตลาดหุ้นเอเชียขยับขึ้นเล็กน้อยในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ)

                ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับขึ้นไม่ถึง 0.1% แตะที่ 127.07 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.10 น.ตามเวลาโตเกียว

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,871.22 จุด ลดลง 48.36 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,878.40 จุด ลดลง 8.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,284.91 จุด ลดลง 182.61 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,583.19 จุด ลดลง 23.18 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,971.53 จุด เพิ่มขึ้น 2.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,768.95 จุด ลดลง 5.30 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,628.89 จุด เพิ่มขึ้น 0.93 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,516.08 จุด เพิ่มขึ้น 14.43 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 43.27 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไร

            ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ม.ย.) จากแรงช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากที่ดัชนีร่วงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ. เมื่อวานนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ของอังกฤษ หลังผลโพลล์บ่งชี้ว่า ฝ่ายที่สนับสนุนการรณรงค์ให้ “Leave" มีคะแนนนำฝ่ายที่รณรงค์ให้ยังคงอยู่ใน EU

                ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 43.27 จุด หรือ 0.73% แตะที่ 5,966.80 จุด

                ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อเก็งกำไร และการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นเกลนคอร์ ต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 5%

                หุ้นจิมมี ชู พุ่งขึ้น 14% หลังระบุว่าแบรนด์ของบริษัทเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในตลาดจีน

                หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เพิ่มขึ้น 2.6% หลังจากร่วงลงมากกว่า 10% ในช่วง 4 วันที่ผ่านมา

                หุ้นอาวีวา กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษร่วงลง 12% หลังบริษัท ชไนเดอร์ อิเล็กทริก เอสอี ระบุว่า บริษัทได้ยกเลิกข้อเสนอในการเข้าซื้อหุ้นของอาวีวา

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงซื้อเก็งกำไร หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

            ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 มิ.ย.) โดยตลาดดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงติดต่อกันหลายวันทำการก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยคณะกรรมการเฟดจะเปิดเผยผลการประชุมภายหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 1% ปิดที่ 323.63 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,171.58 จุด เพิ่มขึ้น 41.25 จุด หรือ +1.00% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,606.71 จุด เพิ่มขึ้น 87.51 จุด หรือ +0.92% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,966.80 จุด เพิ่มขึ้น 43.27 จุด หรือ +0.73%

                ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากตลาดดิ่งลงติดต่อกัน 5 วันทำการก่อนหน้า

                นี้  ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูผลการประชุมเฟดประจำเดือนมิ.ย. ซึ่งโดยปกติแล้วคณะกรรมการเฟดจะเปิดเผยผลการประชุมภายหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว

                หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นดอยช์แบงก์ พุ่งขึ้น 1% หุ้นธนาคารบังโค ป๊อปปูเลร์ เอสพานอล ทะยานขึ้น 5.7% และหุ้นธนาคารเมดิโอบังคา ปรับขึ้น 2.8%

                อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า ชาวอังกฤษอาจจะลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวออกจากสภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้

                รายงานระบุว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารกลางในยุโรป เพื่อรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น หากสหราชอาณาจักร ซึ่งประกอบด้วย อังกฤษ, สก็อตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ตัดสินใจถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปในการลงประชามติวันที่ 23 มิ.ย.

                หลายฝ่ายกังวลว่า หากสหราชอาณาจักรตัดสินใจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อค่าเงินปอนด์ซึ่งจะทำให้ทรุดตัวลง และจะกระทบอย่างหนักต่อตลาดการเงิน และตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อยุโรปที่ต้องสูญเสียสหราชอาณาจักรที่มีมูลค่าเศรษฐกิจสูงเกือบ 3 ล้านล้านดอลลาร์

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 34.65 จุด หลังเฟดหั่นคาดการณ์ศก.สหรัฐ

                ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมกับปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน และความวิตกกังวลที่ว่า ชาวอังกฤษอาจจะลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวออกจากสภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,640.17 จุด ลดลง 34.65 จุด หรือ -0.20% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,834.93 จุด ลดลง 8.62 จุด หรือ -0.18% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,071.50 จุด ลดลง 3.82 จุด หรือ -0.18%

                ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงหลังจากคณะกรรมการ FOMC มีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมเมื่อวานนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว

                ตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากเฟดแสดงมุมมองที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฟดระบุว่า การจ้างงานและการลงทุนในภาคเอกชนชะลอตัวลง นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2.0% จากระดับ 2.2% ที่คาดการณ์ในเดือนมี.ค.

                นักวิเคราะห์จาก TIAA Global Asset Management กล่าวว่า "เฟดยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ คาดว่าเฟดจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปอีก ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณด้านลบต่อตลาด เนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงนั้น ย่อมหมายความว่าผลประกอบการของบริษัทเอกชนและตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงด้วย"

                นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน WTI ที่ปรับตัวลงติดต่อกัน 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ รวมทั้งความวิตกกังวลที่ว่า ชาวอังกฤษอาจจะลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวออกจากสภาพยุโรปในวันที่ 23 มิ.ย.นี้

                รายงานระบุว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารกลางในยุโรป เพื่อรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น หากสหราชอาณาจักร ซึ่งประกอบด้วย อังกฤษ, สก็อตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ตัดสินใจถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปในการลงประชามติวันที่ 23 มิ.ย.

                นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กังวลว่า หากสหราชอาณาจักรตัดสินใจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อค่าเงินปอนด์ซึ่งจะทำให้ทรุดตัวลง และจะกระทบอย่างหนักต่อตลาดการเงิน และตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อยุโรปที่ต้องสูญเสียสหราชอาณาจักรที่มีมูลค่าเศรษฐกิจสูงเกือบ 3 ล้านล้านดอลลาร์

                หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 1.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์

                หุ้นโฮล ฟู๊ดส์ มาร์เก็ต ดิ่งลง 5% หลังจากคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐสั่งให้มีการตรวจสอบโรงงานของบริษัทในรัฐแมสซาชูเซตส์

                หุ้นอินเทลร่วงลง 1.6% ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดัชนี S&P 500 ปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ด้วย

                นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค., ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมิ.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!