WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET30ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้โมเมนตัมเป็นบวก แต่คาดตลาด Wait & See ปัจจัยสหรัฐ

     นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโมเมนตัมเป็นบวก แต่ดัชนีฯคงจะแกว่งตัวขึ้น-ลงในลักษณะ Wait & See เพื่อรอดูตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งคืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 1/59 ของสหรัฐ และถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คืนนี้ด้วย

       ส่วนบ้านเราต้องติดตามการประมูลคลื่น 900 MHz ในวันนี้ด้วย แม้ว่าจะมีผู้เข้าประมูลเพียงรายเดียวก็ตาม ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก หลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้ระดับ 50 เหรียญฯ/บาร์เรลแล้ว ซึ่งก็คงจะทำให้กลุ่มพลังงานช่วยพยุงตลาดฯได้บ้าง แต่เชื่อว่านักลงทุนคงมองหาปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามามากกว่า

พร้อมให้แนวรับ 1,394 จุด ส่วนแนวต้าน 1,411 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 พ.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,828.29 จุด ลดลง 23.22 จุด (-0.13%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,901.77 จุด เพิ่มขึ้น 6.88 จุด (+0.14%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,090.10 จุด ลดลง 0.44 จุด (-0.02%)

   - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 58.04 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 4.47 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 27.89 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 21.47 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.27 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.73 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.02 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 พ.ค.59) 1,401.64 จุด เพิ่มขึ้น 4.01 จุด (+0.29%)

    - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 525.17 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 พ.ค.59

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 พ.ค.59) ปิดที่ 49.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2%

  - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 พ.ค.59) ที่ 5.42 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

   - เงินบาทเปิด 35.57/59 ยังมีโอกาสอ่อนค่า จับตาสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ย-ตัวเลข GDP สหรัฐฯ

    - นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ได้มีการหารือกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อปรับแก้โครงสร้างค่าธรรมเนียมการบริการทางการเงินของไทยทั้งระบบให้เกิดความสมดุลมากขึ้น โดยคณะกรรมการชุดใหญ่ของสมาคมธนาคารไทยที่ทำเรื่องนี้อยู่แล้วจะรับไปดำเนินการ

                - ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยนับจากนี้ ผู้ประกอบการจะเร่งเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ การเปิดตัวโครงการใหม่น้อยลงมาก โดยมีที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ 100 โครงการ รวม 23,710 หน่วย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22% แบ่งเป็น บ้านจัดสรรเปิดตัวใหม่ 50 โครงการ รวม 9,880 หน่วย ลดลง 30% และอาคารชุดเปิดตัวใหม่ 40 โครงการ รวม 13,830 หน่วย ลดลง 16%

                - รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยระหว่างการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) กับกองทุนต่างประเทศที่ฮ่องกงและญี่ปุ่น วันที่ 24-27 พ.ค.นี้ ว่า สถาบันต่างชาติส่วนใหญ่ให้ความสนใจสอบถาม 2 ประเด็นหลัก คือ ภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวมเป็นอย่างไรบ้าง ตลท.ตอบว่า ไตรมาสแรก ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนถือว่าออกมาดีกว่า ขณะที่ประเด็นการเมืองก็สอบถามถึงการเลือกตั้ง ซึ่งก็ชี้แจงว่าตามโรดแมปเดือน ส.ค. อยู่ระหว่างการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และจะมีการเลือกตั้งในปี 2560

                - ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนค่อนข้างมาก จากนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลักเห็นได้จาก 1 เดือนกว่าที่ผ่านมา จะเห็นความผันผวนในตลาดพันธบัตร ค่าเงิน รวมทั้งการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย.นี้ ทำให้ช่วงระหว่างนี้คงมีความผันผวนทั้งในตลาดเงินและตลาดทุน ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับค่าเงินควรปิดความเสี่ยงเกี่ยวกับค่าเงิน เพราะความผันผวนยังเกิดขึ้นได้ทั้งสองทิศทาง

                - ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึง ผลสำรวจดัชนีความสามารถการแข่งขันของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ประจำไตรมาส 1/59 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,450 ตัวอย่าง พบว่า ค่าดัชนีอยู่ที่ 48.4 ลดลงจากไตรมาส 4/2558 และคาดว่าในไตรมาส 2 จะปรับลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 48.1 ขณะที่ดัชนีความสามารถในการทำธุรกิจอยู่ที่ 51.1 ลดลงจากไตรมาสก่อน 0.06 จุด มีแนวโน้มที่จะปรับลดลงมาอยู่ที่ 50.8 ในไตรมาส 2 เช่นเดียวกับยอดขายและ รายได้ที่ยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

                - กระทรวงการคลัง เผยผลจัดเก็บรายได้รัฐบาล 7 เดือนแรก ปีงบประมาณ 2559 อยู่ที่ 1.24 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 7.05 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6% ปัจจัยหลักจากประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ย่าน 900 และ 1800 MHz (4G) ส่วนแวตยังเดี้ยง

*หุ้นเด่นวันนี้

                - BRR (ไอร่า) เป้า 16.30 บาท ภายใต้คาดการณ์ผลผลิตน้ำตาลทรายโลกปี 2558/59 ลดลง ล่าสุดสัญญาน้ำตาลดิบส่งมอบ - ก.ค. เพิ่มขึ้น 0.26 เซนต์ หรือ 1.5% อยู่ที่ 17.42 เซนต์/ปอนด์ ทำจุดสูงสุดใหม่นับแต่ก.ค.57 ซึ่งอยู่ที่ 17.29 เซนต์ BRR มีแผนเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกอ้อยเป็น 3 แสนไร่ จากปัจจุบัน 2 แสนไร่ ทำให้คาดปริมาณผลผลิตน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้น 8% ต่อปี (ภายใต้สมมติฐานผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยที่ 1.19) ทำให้สามารถส่งออกน้ำตาล (โควต้า ค.) ได้มากขึ้น ช่วยหนุนให้ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

                - PACE (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 4.4 บาท ธุรกิจอสังหาฯเริ่มมีความคืบหน้า โดยในไตรมาส 2/59 เริ่มมีการโอนโครงการมหานครบางส่วนแล้ว (แต่ประเมินว่ายังมีโอกาสขาดทุนสุทธิ) และในไตรมาส 3/59 จะพลิกเป็นกำไรจากการเริ่มรับรู้รายได้จากการโอนโครงการดังกล่าว (ประมาณการฯคาดการโอนใน 2H59 ไว้ที่ 6 พันล้านบาท) และที่เหลืออีกราว 8.5 พันล้านบาทในปี 2560 ส่วนโครงการอื่นๆ (มหาสมุทร + นิมิตหลังสวน) ยังเดินหน้าตามแผน และมีโครงการใหม่คือ โครงการที่ถนนนราธิวาสและโครงการที่ประเทศญี่ปุ่น (รวม 6.8 พันล้านบาท)

                - BANPU (โกลเบล็ก) เป้า 13.30 บาท คาดปี 2016 พลิกเป็นกำไรที่ 1,510 ลบ. (+198% YoY) จากการโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าหงสาผลิตไฟฟ้าครบทั้ง 3 หน่วย ทั้งนี้ได้ปรับลดการลงทุนในธุรกิจถ่านหินเพื่อเน้นธุรกิจโรงไฟฟ้าสู่ 2.4 GW ในปี 63 โดยในปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ราว 1.63 GW (รวมโรงไฟฟ้าหงสาทั้ง 3 หน่วย) พร้อมเตรียมนำ BANPU POWER (BPP) เข้าตลท.ในช่วง 2H59 ซึ่งจะช่วยชำระคืนเงินกู้แก่ BANPU ราว 400 ล้านดอลลาร์ และลดภาระดอกเบี้ยได้ราว 800 ล้านบาทต่อปี

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขณะจับตาถ้อยแถลงประธานเฟด

            ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้านี้ หลังตลาดหุ้นญี่ปุ่นบวกขึ้นท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะเลื่อนกำหนดเวลาขึ้นภาษีการขาย ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในพิธีรับมอบรางวัลจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

                ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 127.76 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,830.50 จุด เพิ่มขึ้น 58.04 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,817.97 จุด ลดลง 4.47 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,425.00 จุด เพิ่มขึ้น 27.89 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,415.59 จุด เพิ่มขึ้น 21.47 จุดดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,962.33 จุด เพิ่มขึ้น 5.27 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,782.04 จุด เพิ่มขึ้น 8.73 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,631.11 จุด เพิ่มขึ้น 0.02 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 2.80 จุด หลังหุ้นเหมืองแร่ดีดตัว

                ตลาดหุ้นลอนดอนขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่

                ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 2.80 จุด หรือ 0.04% แตะที่ 6,265.65 จุด

                ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของกรมชุมชนและรัฐบาลท้องถิ่น (DCLG) ของอังกฤษ ที่ระบุว่า อังกฤษมีการสร้างบ้านใหม่ในอัตรามากกว่า 400 หลังในทุกวันทำการ

                DCLG ระบุว่า การสร้างบ้านใหม่กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้น และขณะนี้อยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2009

                DCLG รายงานว่า มีการสร้างบ้านใหม่เสร็จสิ้นจำนวน 139,690 หลัง ในช่วงเวลา 12 เดือนจนถึงเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

                หุ้นกลุ่มเหมืองแร่นำตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นเกลนคอร์ และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ต่างก็พุ่งขึ้นมากกว่า 1.7%

                หุ้นเดลี เมล และหุ้นเจเนอรัล ทรัสต์ ร่วงลง 11% หลังทั้งสองบริษัทเปิดเผยว่ามีกำไรลดลง ในขณะที่หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ร่วงลง 2.9% ตามหุ้นของธนาคารยุโรปส่วนใหญ่

                หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ กรุ๊ป ร่วงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2551 หลังเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังและยังถูกนักวิเคราะห์ของบริษัทเอ็กแซน บีเอ็นพี แนะนำให้ขายหุ้นของบริษัท

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงซื้อหุ้นเหมืองแร่ หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากมีการคาดการณ์ว่า คณะกรรมาธิการยุโรปอาจจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กนำเข้า

                ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 348.91 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,512.64 จุด เพิ่มขึ้น 31.00 จุด หรือ +0.69% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,272.71 จุด เพิ่มขึ้น 67.50 จุด หรือ +0.66% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,265.65 จุด เพิ่มขึ้น 2.80 จุด หรือ +0.04%

                หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้น นำโดยหุ้นอาร์เซลอร์มิททัลที่พุ่งขึ้น 6.9% เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมาธิการยุโรปอาจจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กนำเข้า หลังจากสหรัฐได้นำร่องด้วยการประกาศเพิ่มการจัดเก็บภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าต่อต้านการสึกกร่อน (CORE) จากจีน อินเดีย อิตาลี เกาหลีใต้ และไต้หวัน เพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมเหล็กกล้าของสหรัฐจากการไหลทะลักของเหล็กกล้าราคาถูกจากต่างประเทศ

                หุ้นกลุ่มรถยนต์ดีดตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นพีเอสเอ เปอร์โยต์ ซีตอรง และหุ้นเรโนลท์ ที่ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2.5%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 23.22 จุด หลังราคาน้ำมันแผ่ว,เฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.

                ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่อ่อนแรงลง และเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงออกมาส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,828.29 จุด ลดลง 23.22 จุด หรือ -0.13% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,901.77 จุด เพิ่มขึ้น 6.88 จุด หรือ +0.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,090.10 จุด ลดลง 0.44 จุด หรือ -0.02%

                ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดในแดนบวกเนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.ที่พุ่งขึ้น 3.4% เนื่องจากจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในภาคขนส่ง และจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 268,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 พ.ค.

                อย่างไรก็ตาม ตลาดอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดทะยานขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง รวมทั้งความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่เฟดยังคงออกมาส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

                นายเจอโรม เพาเวล หนึ่งในคณะผู้ว่าการของเฟดเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า ถ้าหากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐปรับตัวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของเฟด โดยนายเพาเวลกล่าวว่า เขาสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

                การแสดงความเห็นของนายเพาเวลสอดคล้องกับเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายที่ออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า ขณะที่รายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนเม.ย.ระบุว่า มีแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า หากข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้การขยายตัวที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2

                หุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ปรับตัวลง โดยหุ้นดาว เคมิคอล หุ้นอีสต์แมน เคมิคอล และหุ้นลีอองเดลล์บาเซล อินดัสทรีส์  ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 1.1%

                หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงินร่วงลง โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1.4% ขณะที่หุ้นซีบีอาร์อี กรุ๊ป ร่วงลง 2% และหุ้นชาร์ลส์ ชวาบ คอร์ป ดิ่งลง 1.6%

                อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ หลังจากบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นยาฮู อิงค์ ทะยานขึ้น 3.3% หุ้นฮิวเล็ต-แพคการ์ด (เอชพี) พุ่งขึ้น 6.9% ส่วนหุ้นแอปเปิลปรับตัวขึ้นกว่า 1%

                นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ประมาณการจีดีพีไตรมาส 1/2559 ครั้งที่ 2, การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน

                นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ในวันนี้ ในพิธีรับมอบรางวัลจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 25 พ.ค.2559

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่ 17,851.51 จุด เพิ่มขึ้น 145.46 จุด, +0.82%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,894.89 จุด เพิ่มขึ้น 33.83 จุด, +0.70%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่ 2,090.54 จุด เพิ่มขึ้น 14.48 จุด, +0.70%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,481.64 จุด เพิ่มขึ้น 50.12 จุด, +1.13%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 10,205.21 จุด เพิ่มขึ้น 147.90 จุด, +1.47%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,262.85 จุด เพิ่มขึ้น 43.59 จุด, +0.70%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,396.20 จุด เพิ่มขึ้น 95.54 จุด, +1.15%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 16,757.35 จุด เพิ่มขึ้น 258.59 จุด, +1.57%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,960.51 จุด เพิ่มขึ้น 22.83 จุด, +1.18%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,436.80 จุด เพิ่มขึ้น 74.90 จุด, +1.40%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,372.50 จุด เพิ่มขึ้น 76.90 จุด, +1.45%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,815.09 จุด ลดลง 6.58 จุด, -0.23%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,463.95 จุด เพิ่มขึ้น 107.23 จุด, +1.46%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 20,368.05 จุด เพิ่มขึ้น 537.62 จุด, +2.71%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,772.98 จุด เพิ่มขึ้น 62.19 จุด, +1.32%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,766.66 จุด เพิ่มขึ้น 16.43 จุด, +0.60%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,630.96 จุด เพิ่มขึ้น 5.12 จุด, +0.31%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 25,881.17 จุด เพิ่มขึ้น 575.70 จุด, +2.28%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 พ.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า รัฐมนตรีคลังของยูโรโซนและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้อนุมัติเงินกู้งวดใหม่ให้แก่กรีซ

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ปิดที่ 17,851.51 จุด พุ่งขึ้น 145.46 จุด หรือ +0.82% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,894.89 จุด เพิ่มขึ้น 33.83 จุด หรือ +0.70% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,090.54 จุด เพิ่มขึ้น 14.48 จุด หรือ +0.70%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 พ.ค.) ขานรับรายงานที่ว่า รัฐมนตรีคลังของยูโรโซนและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้อนุมัติเงินกู้งวดใหม่ให้แก่กรีซ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น

          ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.3% ปิดที่ 348.56 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,481.64 จุด เพิ่มขึ้น 50.12 จุด หรือ +1.13% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,205.21 จุด พุ่งขึ้น 147.90 จุด หรือ +1.47% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,262.85 จุด เพิ่มขึ้น 43.59 จุด หรือ +0.70%

ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 พ.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร ขานรับรายงานที่ว่า รัฐมนตรีคลังของยูโรโซนและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้อนุมัติเงินกู้งวดใหม่ให้แก่กรีซ

          ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 43.59 จุด หรือ 0.70% แตะที่ 6,262.85 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 พ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 94 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 49.56 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.13 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 49.74 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) ทำสถิติปิดตลาดปรับตัวลงติดต่อกัน 6 วันทำการ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐยังคงเป็นแรงกดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 5.40 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ระดับ 1,223.80 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 0.70 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 16.261 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 9.40 ดอลลาร์ หรือ 0.94% ปิดที่ 994.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 พ.ค.) หลังจากมีรายงานว่ารัฐมนตรีคลังของยูโรโซนและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้อนุมัติเงินกู้งวดใหม่ให้แก่กรีซ

          เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1163 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1148 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.4715 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4635 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7201 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7176 ดอลลาร์สหรัฐ

          ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 110.14 เยน จากระดับ 110.00 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9905 ฟรังก์ จากระดับ 0.9928 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3042 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3146 ดอลลาร์แคนาดา

           

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 601.00 จุด ลดลง 4.00 จุด, -0.66%

                อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!