- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 19 May 2016 10:00
- Hits: 1542
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนลงเช่นเดียวกับตลาดภูมิภาค เหตุกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย-ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอ่อนตัวลง ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ เนื่องจากมีปัจจัยลบจากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังรายงานผลการประชุมของเฟดในเดือนก่อนหน้านี้ ได้มีท่าทีแสดงให้เห็นถึงโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า (มิ.ย.)
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ได้อ่อนตัวลงด้วย ทำให้อาจจะไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน ด้วยสองปัจจัยนี้ที่มากดดันตลาดฯในวันนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,390 จุด ส่วนแนวต้าน 1,410 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 พ.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,526.62 จุด ลดลง 3.36 จุด (-0.02%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,739.12 จุด เพิ่มขึ้น 23.39 จุด (+0.50%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,047.63 จุด เพิ่มขึ้น 0.42 จุด (+0.02%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 162.77 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.20 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 96.78 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 0.25 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 2.82 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.89 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 14.64 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 พ.ค.59) 1,400.50 จุด ลดลง 6.07 จุด (-0.43%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 913.48 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 พ.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 พ.ค.59) ปิดที่ 48.19 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 12 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 พ.ค.59) ที่ 4.77 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.68/70 ทิศทางยังอ่อนค่าตามภูมิภาค หลังดอลล์แข็งรับเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย
- เอไอเอส เข้ายื่นเอกสารร่วมประมูลคลื่น 900 MHz พร้อมวางหลักประกัน 3.7 พันล้านบาท กับ กสทช.แล้ว"ฐากร"เผยเตรียมเปิดให้เคาะราคา 27 พ.ค.นี้ ถ้ามีรายเดียว เคาะ ครั้งแรกก็ชนะประมูลไปเลย ส่วนเงินจัดประมูล เตรียมนำไปรวมแล้วส่งบิลเรียกเก็บจากแจสทีเดียว
- นายอำนวย ปรีมนวงศ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คลังจะยึดตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในการแบ่งแยกทรัพย์สินจากบริษัท ปตท. โดยเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2551 ศาลได้มีคำรับรองผลการแบ่งแยกทรัพย์สินของคณะกรรมการแบ่งแยกทรัพย์สิน กรมธนารักษ์ และ ปตท. ตามคำพิพากษาครบถ้วนแล้ว และได้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 ธ.ค. 2550 ที่ต้องรายงานให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบรับรองความถูกต้องในการโอนทรัพย์สินคืนรวม 9 ครั้ง
- นายพรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ เปิดเผยว่า มีโอกาสยากที่ไตรมาสที่เหลือของปีนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะมีอัตราการเติบโตสูง 3.2% เหมือนไตรมาสแรก โดยจีดีพีไตรมาสแรกที่ดีเกินคาด ส่วนหนึ่งมาจากการนำเข้าที่ลดลง เพราะฐานราคาน้ำมันที่ต่ำเฉลี่ยอยู่ที่ 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวม แต่จากนี้ไปฐานราคาน้ำมันต่ำจะหมดไป โดยคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 40-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ไม่สูงขึ้นมากถึงขั้นมีผลต่อ กรอบเงินเฟ้อ ทำให้ดอกเบี้ยนี้ยังจะต่ำ ต่อเนื่องที่ 1.5%
- นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-มี.ค.) ธุรกิจประกันชีวิตทำเบี้ยรับรวมได้ 141,493 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.8% แยกเป็นเบี้ยรับรายใหม่ 40,734 ล้านบาท เติบโต 2.98% และเบี้ยรับปีต่อไป 100,759 ล้านบาท เติบโต 6.98% โดยมีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ที่ 82%
- กระทรวงคลังประเมินว่าเศรษฐกิจในปีนี้มีโอกาสเติบโตได้มากกว่าเป้าหมายทั้งปีที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินไว้ที่ 3.3% เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไปเป็นช่วงขาขึ้น คาดจีดีพีจะเติบโตได้มากกว่า 3.2% และปรับขึ้นสูงสุดในช่วงไตรมาส 3 หรือเติบโตได้มากกว่า 4% ก่อนที่จะปรับลดลงเล็กน้อยในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทุกปี
*หุ้นเด่นวันนี้
- BCP (เคทีบี)"ซื้อ"เป้า 35 บาท มีแนวโน้มกำไรฟื้นตัวโดดเด่นมากกว่ากลุ่ม จากการกลับมาดำเนินการผลิตอย่างปกติหลังปิดซ่อมบำรุงใน 1Q16 นอกจากจะช่วยเพิ่มปริมาณผลิตภัณฑ์แล้วยังส่งผลให้ค่าการกลั่นทรงตัวได้ (เทียบกับอุตสาหกรรมที่ค่าการกลั่นอ่อนตัวลงกว่า 44%) ส่งผลแนวโน้มธุรกิจโรงกลั่นจะมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ขณะที่ปัจจุบัน BCP มีแผนในการขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าแม้ค่าการกลั่นจะอ่อนตัวลง แต่บริษัทจะมี stock gain มาชดเชย ราคาหุ้นก็ laggard กลุ่มมาก
- KTC (ไอร่า) เป้า 110 บาท ผลการดำเนินงาน Q1/59 มีกำไรสุทธิ 635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11%yoy หรือคิดเป็น 2.46 บาท/หุ้น โดยมีรายได้รวม 4,152 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% แบ่งเป็น รายได้ดอกเบี้ยบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล เติบโต 8% และ 16% ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีหนี้สูญรับคืน เพิ่มขึ้น 21% และรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 13% โดย KTC สามารถควบคุมต้นทุนทางการเงินได้ดี โดย,uค่าใช้จ่ายรวม เพิ่มขึ้น 13% หลักๆ จากค่าการตลาด
- GFPT (โกลเบล็ก) เป้า Consensus เฉลี่ย 13.15 บาท คาดกำไรปี 59 ที่ 1.3-1.4 พันลบ. (+18%YoY) จากการฟื้นตัวของราคาไก่และการส่งออกที่ดีขึ้น รวมถึงได้ประโยชน์ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง แนวโน้มกำไร Q2-3/59 เติบโตรับไฮ-ซีซั่นของการส่งออกและได้ประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า พร้อมเตรียมลงทุนกว่า 1.5 พันล้านบาทขยายโรงงานของบริษัทร่วม McKey อีกเท่าตัวเป็น 25,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับ order จากญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ใน Q4/60
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ในรายงานการประชุมซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นเพราะเงินเยนอ่อนค่า
ดัชนี MSCI Asia Pacific เคลื่อนไหวอย่างผันผวนสู่ระดับ 126.59 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,807.46 จุด เพิ่มขึ้น 162.77 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,802.31 จุด ลดลง 5.20 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,729.63 จุด ลดลง 96.78 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,159.93 จุด เพิ่มขึ้น 0.25 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,953.91 จุด ลดลง 2.82 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,771.22 จุด ลดลง 5.89 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,621.08 จุด ลดลง 14.64 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงกดดันหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 เม.ย.เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. หากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
รายงานประชุมเฟดระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเป็นตรงกันว่า หากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวได้ดีขึ้นในไตรมาส 2 รวมทั้งตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และเงินเฟ้อเริ่มเคลื่อนไหวใกล้ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% การปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ในการประชุมเดือนมิ.ย.ก็ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 1.97 จุด ตลาดผิดหวังผลประกอบการเอกชน
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนได้รับแรงกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 เม.ย.ของเฟดอย่างใกล้ชิด โดยเฟดจะเปิดเผยรายงานดังกล่าวหลังจากที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการแล้ว
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 1.97 จุด หรือ 0.03% แตะที่ 6,165.80 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนดอนปิดขยับลงหลังจากบริษัทเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายสินค้าแฟชั่นหรูรายใหญ่ของอังกฤษเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรลดลง 8% ในปีงบการเงินที่ผ่านมา โดยข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นเบอร์เบอร์รีร่วงลง 2.7%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษรายที่ระบุว่า อัตราว่างงานยังคงทรงตัวอยู่ที่ 5.1% ในเดือนมี.ค.
หุ้นอีซีเจ็ท เพิ่มขึ้น 3.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของอาร์บีซีได้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของบริษัท
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงซื้อหุ้นแบงก์ หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 เม.ย.ของเฟดอย่างใกล้ชิด โดยเฟดจะเปิดเผยรายงานดังกล่าวหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.9% ปิดที่ 337.58 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,319.30 จุด เพิ่มขึ้น 21.73 จุด หรือ +0.51% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,943.23 จุด เพิ่มขึ้น 53.04 จุด หรือ +0.54% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,165.80 จุด ลดลง 1.97 จุด หรือ -0.03%
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นบาร์เคลย์ และหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า โดยนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขายังคงเชื่อว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ ขณะที่นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟด สาขาซาน ฟรานซิสโก กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล
ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 3.6% หุ้นอันโตฟากัสตา ร่วงลง 2.9% และหุ้นโบลิเดน ปรับตัวลง 0.7%
สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนปรับตัวลดลงแตะระดับ -0.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากรายงานเบื้องต้นที่มีการเปิดเผยเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา
ตัวเลขล่าสุดบ่งชี้ว่าธนาคารกลางยุโรปยังคงเผชิญกับความท้าทายในการผลักดันอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงต่ำกว่าระดับเป้าหมายของธนาคารที่ 2% อันสะท้อนถึงความเสี่ยงเรื่องภาวะเงินฝืด
นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 เม.ย.ของเฟด โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะเปิดเผยรายงานดังกล่าวหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 3.36 จุด หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (18 พ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ในรายงานการประชุมซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างผิดคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,526.62 จุด ลดลง 3.36 จุด หรือ -0.02% ดัชนี NASDAQ ปิดรล่าสุดที่ 4,739.12 จุด เพิ่มขึ้น 23.39 จุด หรือ +0.50% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,047.63 จุด เพิ่มขึ้น 0.42 จุด หรือ +0.02%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 เม.ย.เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. หากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
"กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเป็นตรงกันว่า หากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวได้ดีขึ้นในไตรมาส 2 รวมทั้งตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และเงินเฟ้อเริ่มเคลื่อนไหวใกล้ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% การปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ในการประชุมเดือนมิ.ย.ก็ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม" รายงานการประชุมของเฟดระบุ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล
หุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยหุ้นวอลมาร์ทร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่หุ้นคอสท์โค โฮลเซล ดิ่งลง 1.6% หุ้นฮอร์เมล ฟู๊ดส์ ร่วงลง 8.6%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐ โดยหุ้นนอร์ดสตรอม ร่วงลงติดต่อกัน 7 วันทำการ ขณะที่หุ้นเบสท์บาย ดิ่งลง 3.6% และหุ้นเออร์แบน เอาท์ฟิทเทอร์ส ร่วงลง 3.3%
อย่างไรก็ตาม การส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 3.4% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ทะยานขึ้น 3.9% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรบขึ้น 3.8%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 1.1% หลังจากมีรายงานว่านายทิม คุก ผู้บริหารแอปเปิลได้เดินทางเยือนประเทศอินเดีย โดยมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดผลิตภัณฑ์ไอโฟน หุ้นควอลคอมม์ ปรับขึ้น 1.52% และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 3.9%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนเม.ย.จากเฟดชิคาโก
ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. ในเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย
อินโฟเควสท์