WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

4ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวน์กรอบจำกัด หลังเฟดคงดบ.-ราคาน้ำมันพุ่ง,หุ้นหลายตัวขึ้น XD ถ่วง

       นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะดีดตัวขึ้นในกรอบจำกัด หลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นน่าจะช่วยหนุนการขับเคลื่อนของหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงการที่ SCC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/59 ออกมาดีกว่าคาดจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ดีนั้น ทำให้อาจมีแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีอื่นๆตามมาด้วย แต่การปรับขึ้นของดัชนีจะอยู่ในกรอบจำกัดหลังมีหุ้นที่ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันนี้จำนวนมาก ซึ่งจะกดดันต่อดัชนีลงประมาณ 1.8 จุด โดยมองแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,405-1,406 และแนวต้านบริเวณ 1,425-1,432 จุด

      นายอภิชาต ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะรีบาวน์ในเช้าวันนี้ หลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ซึ่งเป็นผลจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด และคาดว่าจะใช้แนวทางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังในระยะต่อไป ทำให้คาดว่าเฟดจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกปีนี้

    นอกจากนี้การประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/59 ของบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เมื่อวานนี้ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์นั้น เป็นผลจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ดีขึ้น ทำให้คาดว่าอาจจะมีแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีอื่นๆตามมาด้วย

     อย่างไรก็ตามการขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นจำนวน 27 ตัวในวันนี้จะยังเป็นปัจจัยกดดันต่อดัชนีลงราว 1.8 จุด ซึ่งจะทำให้การดีดตัวขึ้นของดัชนีจะยังอยู่ในกรอบจำกัด ขณะที่นักลงทุนยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อผลักดันอัตราเงินเฟ้อซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมายอย่างมาก

      พร้อมให้แนวรับวันนี้ที่บริเวณ 1,405-1,406 และแนวต้านบริเวณ 1,425-1,432

ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับเฟดส่งสัญญาณไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณว่าจะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด

       ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 131.76 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,438.99 จุด เพิ่มขึ้น 148.50 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,955.74 จุด เพิ่มขึ้น 2.07 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,488.96 จุด เพิ่มขึ้น 127.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,586.92 จุด เพิ่มขึ้น 23.87 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,020.83 จุด เพิ่มขึ้น 5.43 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,892.85 จุด เพิ่มขึ้น 18.13 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,688.70 จุด ลดลง 3.64 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,199.98 จุด เพิ่มขึ้น 19.45 จุด

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์กันไว้ และส่งสัญญาณว่ายังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

                แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า ตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น แม้ว่ากิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจชะลอตัวลง ขณะที่การขยายตัวด้านการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนปรับตัวลดลง ถึงแม้รายได้ที่แท้จริงของภาคครัวเรือนได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ในระดับสูงก็ตาม ส่วนเงินเฟ้อคาดว่าจะยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายในระยะยาวของเฟดที่ระดับ 2% โดยถูกกระทบจากการลดลงของราคาน้ำมันและดัชนีราคา แต่เฟดมีความเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวแตะ 2% ในระยะกลาง

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: หุ้นเหมืองแร่พุ่ง หนุนฟุตซี่ปิดบวก 35.39 จุด

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่

                ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 35.39 จุด หรือ 0.56% แตะที่ 6,319.91 จุด

                ทั้งนี้ นักลงุทนจับตาผลการทำประชามติในเดือนมิ.ย. ว่าสหราชอาณาจักรจะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกภาพของสหภาพยุโรปหรือไม่ ในขณะที่เทรดเดอร์ใช้ความพยายามในการป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายหุ้นร่วงแตะระดับต่ำสุดของปีนี้

                หุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 4.5% นำหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ และหุ้นบีพี ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มพลังงานต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1.7%

                หุ้นเซพูรา ร่วงลง 47% หลังระบุว่า บริษัทต้องการให้ธนาคารเจ้าหนี้ขยายวงเงินสินเชื่อและยกเว้นค่าปรับในการละเมิดข้อตกลงเนื่องจากบริษัทมีสถานะทางการเงินที่ตึงตัว

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับผลประกอบการเอกชนสดใส

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยคณะกรรมการเฟดจะแถลงผลการประชุมภายหลังจากที่ตลาดยุโรปปิดทำการแล้ว

                ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.3% ปิดที่ 348.32 จุด ซึ่งเป็นการปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,559.40 จุด เพิ่มขึ้น 26.22 จุด หรือ +0.58% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,299.83 จุด เพิ่มขึ้น 40.24 จุด หรือ +0.39% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,319.91 จุด เพิ่มขึ้น 35.39 จุด หรือ +0.56%

                นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมเฟดประจำเดือนเม.ย. โดยคณะกรรมการเฟดจะแถลงผลการประชุมภายหลังจากที่ตลาดยุโรปปิดทำการแล้ว ขณะที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

                ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ออกมาค่อนข้างเป็นบวกของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นบาร์เคลย์ส ดีดตัวขึ้น 0.5% หลังจากธนาคารบาร์เคลย์สรายงานว่า กำไรก่อนหักภาษีลดลง 25% สู่ระดับ 793 ล้านปอนด์ (1.15 พันล้านดอลลาร์) ในไตรมาสแรก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการร์ไว้ นอกจากนี้ ธุรกิจหลักของทางบาร์เคลย์สยังสามารถทำกำไรก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้น 18% สู่ระดับ 1.6 พันล้านปอนด์

                หุ้นอาดิดาสพุ่งขึ้น 6% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2559 และยังเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง

                หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิก พุ่งขึ้น 9.6% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าตลาดเซมิคอนดัคเตอร์จะฟื้นตัวขึ้น

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 51.23 จุด รับเฟดส่งสัญญาณไม่รีบขึ้นดบ.

                ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณว่าจะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นเกือบ 3%  อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงหลังจากบริษัทแอปเปิล อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ

                ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,041.55 จุด เพิ่มขึ้น 51.23 จุด หรือ +0.28% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,863.14 จุด ลดลง 25.14 จุด หรือ -0.51% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,095.15 จุด เพิ่มขึ้น 3.45 จุด หรือ +0.16%

                ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์กันไว้ และส่งสัญญาณว่ายังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

                แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า ตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น แม้ว่ากิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจชะลอตัวลง ขณะที่การขยายตัวด้านการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนปรับตัวลดลง ถึงแม้รายได้ที่แท้จริงของภาคครัวเรือนได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ในระดับสูงก็ตาม ส่วนเงินเฟ้อคาดว่าจะยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายในระยะยาวของเฟดที่ระดับ 2% โดยถูกกระทบจากการลดลงของราคาน้ำมันและดัชนีราคา แต่เฟดมีความเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวแตะ 2% ในระยะกลาง

                ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้น 2.9% เมื่อคืนนี้ เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล

                การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเอฟเอ็มซี เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 6.5% หุ้นเฮสส์ คอร์ป ดีดตัวขึ้น 3.1%

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 110.5 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว

                อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากแอปเปิล อิงค์ เปิดเผยว่า ยอดขายไอโฟนในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 51 ล้านเครื่อง ซึ่งลดลง 10 ล้านเครื่องจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และนับเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 10 ปี

                แอปเปิลระบุว่า รายได้ในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ที่ 5.06 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.05 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 1.90 ดอลลาร์ต่อหุ้น ลดลงจากระดับ 1.36 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 2.33 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

                ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิลร่วงลง 6.2% หุ้นไมโครซอฟท์ และหุ้นอัลฟาเบธ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ต่างก็ปรับตัวลงเช่นกัน ส่วนหุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 16% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ

                นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 1/2559, ยอดการใช้จ่ายส่วนบุคคลไตรมาส 1/2559 และ     ดัชนีกิจกรรมการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดแคนซัสซิตี้

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!